ตอนที่ 14 : สถานีรถไฟใต้ดิน (2)
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของลู่หมิง พวกเขาก็ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่จางเหว่ยจะถามกับลู่หมิงว่า
“นายหมายความว่ายังไง ?”
ลู่หมิงยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามของจางเหว่ย เขาเพียงบอกแค่ว่า
“พวกเราลงกันเถอะ”
จางเหว่ยพยักหน้าก่อนจะลงจากรถตามลู่หมิง เมื่อพวกเขาลงมาลู่หมิงก็ได้ทำการมองไปรอบๆสถานีรถไฟใต้ดินเล็กน้อย พร้อมกับคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อโลกเริ่มเปลี่ยนไปศีลธรรมและจิตใจมนุษย์ก็เริ่มที่จะได้รับการทดสอบ ว่าพวกเขาจะเหมาะสมที่จะอยู่โลกในใบใหม่นี้ได้หรือไม่ ลู่หมิงหันไปมองทางด้านจางเหว่ยและบอกกับพวกเขาว่า
“เตรียมอาวุธของพวกนายให้พร้อมนะ”
จางเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงท่าทีแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
“ด้านในมีมอนสเตอร์อยู่งั้นเหรอ ?”
ลู่หมิงตอบกลับจางเหว่ยไปว่า
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ขอให้เป็นแบบนั้นก็แล้วกัน”
เมื่อจางเหว่ยได้ยินแบบนั้นเขาก็มองไปที่ลู่หมิงเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติของเขา และเดิมตามลู่หมิงเข้าไปด้านใน
ภายในสถานีรถไฟใต้ดินนั้นค่อนข้างจะมืดเล็กน้อย เพราะหลอดไฟส่วนใหญ่ดูเหมือนว่าจะแตกจากการถูกทุบตี ตามทางมีศพมากมายทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์ ดูเหมือนที่นี้จะถูกมอนสเตอร์บุกโจมตีเมื่อไม่นานมานี้เพราะรอยเลือดยังคงสดๆอยู่
ลู่หมิงและคณะเดินลึกเข้ามาด้านในจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากส่วนลึกของสถานี ทั้งสี่คนมองหน้ากันเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าลู่หมิงไม่แสดงท่าทีอะไรจางเหว่ยก็แสดงท่าทีเหมือนจะรีบวิ่งเข้าไปทางต้นเสียง
แต่เพียงไม่แค่จางเหว่ยกำลังจะก้าวขาออกไปนั้นลู่หมิงก็ได้ขวางเขาไว้เสียก่อน ทำเอาจางเหว่ยหงุดหงิดเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเขาพยายามจะพูดอะไร ลู่หมิงก็ได้ห้ามไว้อีกครั้งพร้อมกับบอกไปว่า
“ตั้งสติหน่อย ตอนนี้โลกไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มันไม่ใช่แค่โจรวิ่งราวหรือเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหรอกนะ”
จางเหว่ยและคนอื่นๆเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ได้สติขึ้นมาทันทีพร้อมกับคิดถึงสถานะการณ์ตรงหน้าใหม่อย่างจริงจัง มีเพียงลู่หมิงคนเดียวเท่านั้นที่กำลังอยู่ในท่าทีสบายๆพร้อมกับมองไปรอบๆและกล่าวกับคนอื่นๆว่า
“เข้าไปด้านในกันเถอะ”
เมื่อทั้งห้าเดินมาถึงด้านในพวกเขาก็ต้องพบเจอกับภาพที่น่าสยดสยองกับกองซากศพของมนุษย์จำนวนมากที่ถูกขนมากองเรียงกันเป็นชั้นๆราวกับเนินเขาลูกเล็กๆ
จางเหว่ย อันหยา จางอี้เฟย และซูรั่วหลินถึงกับเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่และอาเจียนอาหารเช้าที่พึ่งกินไปไม่นานออกมาทันที หลังจากนั้นไม่นานอันหยาก็หันมาถามว่า
“นี้มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ?”
“ดูเหมือนภายในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้จะมีฝูงมอนสเตอร์อยู่อ่ะนะ”
ลู่หมิงตอบคำถามอันหยาหลังจากมองสภาพแวดล้อมรอบๆอย่างละเอียด เพราะการที่จะมีศพมนุษย์มากมายกองเป็นเนินอย่างนี้ได้ต้องไม่ใช่ฝีมือมนุษย์อย่างแน่นอน ถึงแม้มนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายที่สุดก็ตามแต่การที่คนๆหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งจะทำเรื่องแบบนี้ได้นั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากพอสมควร
อย่างแรกเลยสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้เป็นสถานที่แบบปิดซึ่งหมายความว่ามีทางเข้าออกเพียงแค่สองทาง หรืออย่างมาก็สามทางเท่านั้นการที่จะเอาศพมนุษย์มาสุมรวมกันอย่างนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างเสี่ยง เพราะกลิ่นคาวเลือดนั้นจะดึงดูดมอนสเตอร์ให้ตามมา และแน่นอนว่ามนุษย์ในตอนนี้ไม่สามารถสู้กับฝูงมอนสเตอร์ได้เลย
อย่างที่สองคือมันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะนำศพคนมากมายมากองอยู่ที่นี้ ถึงแม้จะอ้างว่าเพื่อนำมาล่อพวกมอนสเตอร์ก็ตาม แม้ข้ออ้างนี้มันจะสมเหตุผลแต่การกระทำในช่วงนี้ถือเป็นอะไรที่โง่มาก เพราะต่อให้คุณรวมกลุ่มกันมากแค่ไหน คุณก็ยากที่จะต่อกรกับฝูงมอนสเตอร์ได้
ฉะนั้นวิธีการที่ฉลาดที่สุดในช่วงแรกของการเอาตัวรอดก็คือการต่อสู้แบบตัวต่อตัวเท่านั้น
และด้วยเหตุผลเพียงสองข้อนี้ก็พอจะทำให้รู้ได้แล้วว่ามนุษย์ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เลย นอกเสียจากมอนสเตอร์ที่เป็นผู้ควบคุมฝูงเท่านั้น
ในขณะที่ลู่หมิงกำลังคิดอยู่ว่ามอนสเตอร์ใดกันที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้นั้นหูของเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
แฮ่ ~
มันเป็นเสียงขู่ที่ดังชัดออกมาจากทางด้านหลังของกองซากศพ ในขณะที่ทั้งสี่กำลังตกใจกับเสียงขู่นั้นอยู่ร่างเขาขนาดใหญ่ก็ได้ค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาหลังกองซากศพ
เมื่อลู่หมิงได้เห็นร่างที่ปรากฏออกมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเหยเกออกมา
“ล้อเล่นใช่ไหมเนี้ย เรดวูฟงั้นเหรอ…”