ระบบใช้จ่ายตอนที่291
บทที่ 291: ผู้ขี้เกียจที่เปลี่ยนโลก
แม้ว่าเธอจะคิดอย่างนั้นในใจ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ ดังนั้นมู่หยูซีจึงทำได้เพียงหน้าแดงและพูดผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
"โอ้ ดีเลย ดีมาก!" ผู้อาวุโสหงตูพูดด้วยความตั้งใจจริง “หยูซีเรียนรู้ได้ไวและอย่าลืมเขียนไดอารี่และบันทึกเพิ่มเติม ในตอนที่เธอว่าง ลองศึกษาตามพวกเขาดู ฉันเชื่อว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้เธอได้เรียนรู้แน่นอน”
มู่หยูซีเกือบจะร้องไห้ สมุดบันทึกแห่งการถลุงเงินเนี่ยนะ ในอนาคตถ้าลูก ๆ ของเธอรู้เรื่องนี้ มันจะทำลายภาพลักษณ์ของเธอมาก!
เธอรีบพยักหน้า “โอเคค่ะ ท่านปู่ ฉันเข้าใจแล้ว...”
ในขณะที่เธอพูด เสียงของมู่หยูซีก็เบาลง ...
"แค่ก แค่ก" หงตูไอสองสามครั้งและพูดช้า ๆ ว่า “เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจที่จริงจังกันเถอะ เสี่ยวหยี่บอกเรามาสิ ต้าหลี่คิดไอเดียใหม่ ๆ ได้อีกแล้วเหรอ? เด็กคนนั้นมักจะมีจินตนาการเป็นของตัวเอง ฉันเชื่อในตัวเขามาก!”
หลิงเสี่ยวหยี่บังคับตัวเองไม่ให้หัวเราะ ขณะที่เธอพยักหน้าและพูดว่า “ที่ฉันมาวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะฉันต้องการคุยกับท่านผู้ชายและท่านผู้อาวุโสเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์จงเตียนค่ะ ความคิดของท่านนายน้อยต้าหลี่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน”
"บริษัทจงเตียน?" หงเหว่ยกูลูบคางของเขา “เธอกำลังพูดถึงเว็บไซต์ที่ต้าหลี่ซื้อต่อมาใช่ไหม? ตอนนี้มันรวมกับร้านหนังสือตุรกีแล้วใช่มั้ย? เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉันได้ยินมาว่าจำนวนการเข้าชมร้านหนังสือเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเลยนะ”
"ใช่ค่ะ" หลิงเสี่ยวหยี่พยักหน้า “เว็บไซต์จงเตียนได้รวมเข้ากับร้านหนังสือตุรกีเรียบร้อยแล้วในสองสามที่ผ่านมา ในขณะนี้ e-library ได้เปิดให้บริการอย่างสมบูรณ์แล้วและปริมาณการใช้งานเว็บไซต์ IP ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านครั้ง”
"มากขนาดนั้นเลยเหรอ?" หงเหว่ยกูลูบคางของเขา “เธอกำลังคิดที่จะให้ฉันเปิดโซนนวนิยายออนไลน์แยกต่างหากในเครื่องมือค้นหา Sangle ใช่ไหม? อืม นั่นเป็นความคิดที่ดี ถึงเวลาที่ฉันต้องโปรโมทเว็บไซต์จงเตียนนี้อย่างถูกต้องแล้ว…”
ในขั้นต้น สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล หากเว็บไซต์จงเตียนได้รับการโปรโมทมากในเครื่องมือค้นหา Sangle การเข้าชมเว็บไซต์ IP ส่วนใหญ่อาจได้รับการสนับสนุนอย่างมากอีกครั้ง ท้ายที่สุดการรวมกันของเว็บไซต์นวนิยายออนไลน์ในท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งในปัจจุบัน ทำให้เกิดแรงผลักดันอย่างมากราวกับว่าพวกเขากำลังจะครองโลก เมื่อถึงเวลานี้ด้วยการส่งเสริมการขายและการโฆษณาที่ดี ผลตอบรับก็จะใหญ่มากแน่นอน
อย่างไรก็ตามโดยสิ่งที่หลิงเสี่ยวหยี่ตั้งใจจะพูดถึงไม่ใช่เรื่องนี้ “ท่านผู้ชายค่ะ คือ.. ท่านนายน้อยต้าหลี่พูดว่า แม้ว่าเว็บไซต์ Sangle จะสามารถโฆษณาได้ดีมาก แต่สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่การโฆษณาบน Sangle …” อย่างไรก็ตามไม่มีข้อเสียใด ๆ ในการทำโฆษณาบน Sangle หลิงเสี่ยวหยี่ก็ยอมรับได้!
"เอ๊ะ? ไม่ใช่แค่โฆษณาใน Sangle?“หงเหว่ยกูรู้สึกสับสนเล็กน้อย”ถ้าอย่างนั้นอธิบายหน่อยว่าต้าหลี่ตั้งใจจะทำอะไร?”
“อืม…เรื่องนี้…” หลิงเสี่ยวหยี่ครุ่นคิดสักพักและร้องขอ “ฉันคิดว่า.. ฉันขอให้ท่านนายน้อยอธิบายเป็นการส่วนตัวดีกว่า ฉันไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนค่ะ”
“เอาล่ะ งั้นบอกให้เขามาอธิบาย” หงเหว่ยกูเห็นด้วย
ในไม่ช้า หงต้าหลี่ก็เข้ามาในห้องประชุมขนาดเล็ก เมื่อเขาเห็นการประชุมทางวิดีโอบนแล็ปท็อป เขาก็รู้สึกตื่นเต้นทันที “พ่อ ปู่หงตู พวกคุณกำลังใช้แล็ปท็อปประชุมกันเหรอ? อินเทรนด์กันจัง…”
“เด็กดื้อ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!” หงเหว่ยกูบ่นใส่ “แกบอกว่า แกมีไอเดียดี ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์จงเตียน มันคืออะไร? บอกเรามาเร็ว!”
"โอ้ ใช่ครับ!" โดยปกติแล้วหงต้าหลี่จะขี้เกียจเกินที่จะสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อพ่อของเขาถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงต้องพูดอย่างนั้น “ผมแค่คิดว่าการใช้สมาร์ทโฟนอ่านนิยายนั้น มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่…”
“สมาร์ทโฟน?” หงเหว่ยกูพึมพำชั่วขณะและทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น “ต้าหลี่ แกกำลังบอกว่า.. แกต้องการพัฒนาโทรศัพท์มือถือเพื่อการอ่านเหรอ?”
"ประมานนั้นครับ" หงต้าหลี่พยักหน้า “ผมกำลังคิดจะสร้างแอพพลิเคชั่นการอ่าน เพื่อให้คนที่รักการอ่านดาวน์โหลดและหลังจากนั้นพวกเขาก็สามารถอ่านหนังสือในแอพนี้ได้ วิธีนี้จะสะดวกและรวดเร็วกว่าและไม่จำเป็นต้องป้อนที่อยู่เว็บไซต์ทุกครั้ง ที่สำคัญที่สุด คือ การป้อนที่อยู่เว็บไซต์เพื่ออ่านหนังสือ มันช้าเกินไปและยิ่งไปกว่านั้นผู้คนมักจะใจร้อนและหงุดหงิดกับความเร็วในการโหลดเว็บไซต์!” แม้แต่สมาร์ทโฟนที่ประกอบสมบูรณ์แบบนี้ยังทำงานช้า ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงโทรศัพท์ของคนอื่น
คนขี้เกียจสามารถเปลี่ยนโลกได้ ความคิดใหม่ ๆ ของหงต้าหลี่ได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาของเขาในการประหยัดเวลาและทำให้เขาสนุกกับสิ่งที่ดีขึ้น ...
“แอพพลิเคชั่นโทรศัพท์…” นี่เป็นคำศัพท์ใหม่ ก่อนหน้านี้หงเหว่ยกูรู้เพียงเรื่องการเปิดเครื่องมือค้นหาในสมาร์ทโฟนและหลังจากป้อนที่อยู่เว็บไซต์ของเว็บไซต์นวนิยายแล้ว หน้าหลักของเว็บไซต์ใหม่จะปรากฏขึ้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับแอพอ่านนี้ ดังนั้นเขาจึงถามทันทีว่า "แกต้องอธิบายรายละเอียดว่ามันทำงานยังไง แค่พอฟังที่แกพูดมาแล้ว ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเป็นยังไง"
“อันที่จริงมันเป็นการเขียนโปรแกรมแบบที่ง่ายมากครับ” หงต้าหลี่ปรับความคิดของเขาให้เข้าใจได้ง่ายและพูดว่า “มันเหมือนกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งในสมาร์ทโฟน คลิกเดียวจะช่วยให้คุณเข้าสู่ e-library จากนั้นคุณจะพบช่องแนะนำและค้นหาคำหลักและอื่น ๆ เพื่อค้นหาหนังสือ สิ่งสำคัญคือสามารถบันทึกข้อมูลเว็บไซต์ได้จำนวนมาก เนื่องจากการเข้าชมไซต์ส่วนใหญ่จะถูกแทนที่ด้วยแอปพลิเคชันซึ่งสามารถรับได้โดยการดาวน์โหลด ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงปกหนังสือและคำพูดเท่านั้นที่จะใช้ข้อมูลในหมู่ผู้ใช้ที่ค้นหาหนังสือได้”
สิ่งที่เขาอธิบาย คือ ข้อดีของแอพอ่านสมาร์ทโฟนในชีวิตก่อนหน้านี้
เนื่องจากแอพการอ่านสมาร์ทโฟน รวมข้อมูลส่วนใหญ่ที่จำเป็นจากการดาวน์โหลดไว้ในแอพนี้ จึงเพียงพอที่จะดาวน์โหลดเพียงครั้งเดียว ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีการดาวน์โหลดปกหนังสือเท่านั้น จะต้องมีการสะกดคำและอื่น ๆ เมื่อผู้ใช้ค้นหาหนังสือ
อย่างไรก็ตามหน้าเว็บแตกต่างกัน หลายสิ่งต้องดาวน์โหลดซ้ำ พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องดาวน์โหลดซ้ำแล้วซ้ำอีกสำหรับแต่ละหน้าเว็บที่เปิดขึ้นมา มันค่อนข้างลำบาก
ตามที่คาดไว้ ทุกคนในปัจจุบันเป็นคนฉลาด เมื่อหงเหว่ยกูได้ยินสิ่งที่หงต้าหลี่พูด เขาเข้าใจข้อดีของแอพนี้และเห็นด้วย “อืม นี่มันเจ๋งมาก! อ่านหนังสือแบบนั้นจะสะดวกกว่า! ฉันจะกลับไปหาช่างเทคนิคมาพัฒนาโปรแกรม! เอาล่ะ ต้าหลี่ต้องสร้างลิงค์ระหว่างสิ่งนี้กับฐานข้อมูลหลักที่เว็บไซต์จงเตียนใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่ซิงค์กันกับการชำระเงินสำหรับการอ่านหนังสือ และหากผู้อ่านต้องจ่ายเงินเป็นสองเท่า พวกเขาจะต้องบ่นอย่างแน่นอน”
“ให้มันซิงค์กันเลยก็ได้ครับ” หงต้าหลี่ยิ้มกว้าง “ผมไม่อยากใช้เงินไปมาเหมือนกัน มันลำบาก” หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น หงต้าหลี่ก็พูดเสริมว่า “โอ้ ใช่แล้ว พ่ออย่าลืมติดตั้งลิงค์ทั้งหมดไปยังรางวัลต่าง,ตั๋วเสนอแนะ,ตั๋วรายเดือน และอื่น ๆ จด้วยนะครับ”
"อาเสี่ยน้อย" หงเหว่ยกูหัวเราะอย่างเต็มที่ “ได้เลย ฉันจะคุยกับฝ่ายเทคนิคให้ แกไปลองเล่นก่อนได้เลย”
“โอเคครับ ผมไปก่อนนะ” ในขณะที่เขาพูด หงต้าหลี่ก็ออกจากห้องประชุม
หลังจากที่หงต้าหลี่จากไป ผู่เฒ่าหงตูก็เริ่มบรรยายอย่างจริงจังกับมู่หยูซีอีกครั้ง “หยูซี เธอเห็นไหม? เด็กคนนั้น ต้าหลี่มีความคิดสร้างสรรค์ วัยนี้เป็นวัยที่ความคิดสร้างสรรค์คือราชา เธอต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในทุกสิ่งที่เธอทำเหมือนกับเขา เข้าใจไหม?”
มู่หยูซีรู้สึกสิ้นหวัง
ท้ายที่สุดเธอเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในบรรดารุ่นน้องในตระกูล ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีได้ยังไง?
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ขยัน แต่อีกฝ่ายเก่งในการถลุงเงินเกินไปต่างหาก!
หัวของมู่หยูซีแทบจะหล่นลงไปที่หน้าอกของเธอ “ท่านปู่ ฉันเข้าใจค่ะ สิ่งที่ท่านปู่พูด มันถูกต้อง…”
ในตอนนั้น หงเหว่ยกูไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป “พ่อ หยูซีก็โดดเด่นมากอยู่แล้ว พ่ออย่าเอาเธอไปเปรียบเทียบกับต้าหลี่เลย ความสามารถใด ๆ ก็ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าโชคของต้าหลี่ทั้งนั้นล่ะ สิ่งที่หยูซีขาดก็แค่โชคเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้”
"อะ ก็จริง" หงตูลูบหนวดของเขา “ถ้าอย่างนั้นบอกฉันหน่อยสิว่ามีวิธีใดบ้างที่จะปรับปรุงโชคของหยูซีได้บ้าง? เด็กคนนี้มีความสามารถ เธอแค่ขาดโอกาส…”
หงเหว่ยกูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “ติดตามต้าหลี่ไปเลยก็ได้นะครับ ผมคิดว่าคนที่ติดตามต้าหลี่ล้วนแต่โชคดีมาก”
มู่หยูซีก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังเข้าไปอีก…
"อืม ก็ดี“หงตูลูบหนวดของเขาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดว่า”โอ้ ใช่ แล้วเหว่ยกู เหตุการณ์ต่อจากนั้นเกี่ยวกับที่ดินผืนนั้น แกได้รู้อะไรมาบ้างรึยัง? มันเป็นยังไงกันแน่?”
“เกี่ยวกับเมืองเทียนจิงไปจนถึงทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียนเหรอครับ?” หงเหว่ยกูพูดช้า ๆ ว่า “ในตอนนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ตั้งใจจะทำอะไร อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำอะไรเลวร้าย พูดง่าย ๆ ก็คือโชคของต้าหลี่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนไปและสิ่งที่เขาบอกพวกเราก็มีคือ เราต้องปล่อยให้ต้าหลี่ใช้เงินเอง อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะดูไม่มีอะไรเลย แต่ผมก็คิดว่าไม่มีใครในเมืองเทียนจิงที่จะกล้าแตะต้องต้าหลี่แล้ว อาเสี่ยน้อยเหมือนกับราชาปีศาจในตอนนี้ อาจไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเขา ไม่ว่าเขาจะประพฤติตัวไม่ดีในเมืองเทียนจิงก็ตาม
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?” หงตูยิ้ม “นอกเหนือจากการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและเสียเงินแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยสร้างปัญหาอะไรแย่ๆเลยสินะ”
สิ่งที่หงตูพูดคือเรื่องจริง โดยปกติแล้วหงต้าหลี่นั้นไม่ได้สนใจอะไรเลย
แม้แต่รายการทีวีก็ไม่ออก จะดูถูกคนหรืออะไรก็แทบไม่เคย
แม้แต่ฮอลลีวูดที่หยิ่งผยอง หงต้าหลี่ก็ไม่เคยโจมตีพวกเขา แน่นอนว่าตอนนี้ฮอลลีวูดคงเหมือนโดนตบหน้าจนบวม แต่ปัญหาก็คือหงต้าหลี่ไม่ใช่คนทำ ...
เขาไม่เคยโอ้อวดหรือทำให้ตัวเองอับอาย เขาเล่นกับสิ่งที่ตัวเองซื้อมาโดยตลอด อธิบายได้ก็คืออาเสี่ยน้อย แค่ขี้เล่น เขาเผลอซนไปชั่วขณะจนเกิดผลกระทบและทำให้ใครบางคนทนกับพฤติกรรมเขาไม่ได้
อย่างน้อยหงเหว่ยกูก็รู้ว่าปัจจุบันฮอลลีวูดได้ปฏิบัติกับหงต้าหลี่ในฐานะศัตรูหมายเลขหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว หงต้าหลี่เองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ตอนนี้เขาอาจจะไปเล่นเรื่องอื่นและไม่ได้ถือว่าฮอลลีวูดเป็นคู่ต่อสู้ซะด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น แอพพลิเคชั่นการอ่านสมาร์ทโฟนที่เขาคิดขึ้นมาในวันนี้ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรขัดกับฮอลลีวูด
"อาเสี่ยน้อยคนนี้ ปล่อยให้เขาเล่นของเขาไปเถอะ" หงเหว่ยกูยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “อย่างไรก็ตาม ผมในตอนนี้คงไม่สามารถควบคุมเขาได้ ปัจจุบัน สิ่งที่ผมทำได้ คือ ต้องแน่ใจว่าเขามีเงินพอใช้หรือเปล่าเท่านั้นเอง แต่ผมได้ยินมาว่า ธุรกิจที่เขาสร้างด้วยมือตัวเองได้สร้างรายได้ให้เขาเป็นจำนวนมากแล้ว เดี๋ยวผมขอถามเสี่ยวหยี่ก่อนนะครับว่ากำไรตอนนี้ที่หงต้าหลี่ทำมีเท่าไหร่” เมื่อพูดถึงจุดนี้ หงเหว่ยกูมองไปที่หลิงเสี่ยวหยี่และการแสดงออกของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นว่าลูกชายของเขาประสบความสำเร็จ “เสี่ยวหยี่ ตอนนี้มีเงินอยู่ในบัญชีของต้าหลี่เท่าไร? ฉันไม่รู้เลย ทำไมเธอถึงไม่พูดออกมาล่ะ?”