ตอนที่ 101 [เทพไททัน]
ตอนที่ 101 [เทพไททัน]
เมื่อยักษ์เถื่อนพวกนั้นเริ่มใช้ดาบโจมตีหนวดและเถาย์ของกาบหอยแครงปีศาจ ไนเรลที่ควบคุมอยู่ก็ไม่ยอมให้พวกเขาทำตามใจชอบอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ไนเรลใช้พลังงานที่มีในการใช้ความสามารถต่าง ๆ ไปมากพอสมควรบวกกับในเวลาที่ผ่านมาเขาโดนหมอกที่อยู่ในเหมืองกัดกินพลังงานในร่ากายไปมากนั้นทำให้เขารู้สึกอ่อนแรงพอสมควร
ถึงจะเป็นแบบนั้น เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ปัญญาอีกต่อไปเพราะในตอนนี้ที่ด้านหน้าของเขามีแหล่งพลังงานให้มากมาย
ไนเรลไม่จำเป็นต้องต่อสู้เองด้วยซ้ำ มื่อของไนเรลข้างหนึ่งสัมผัสกับกาบหอยแครงปีศาจเพื่อเร่งเจริญการเติบโจฃตของมันอย่างต่อเนื่องโดยมันอาศัยร่างที่ตายของเหล่าผู้คุมที่มีพลังไม่น้อยกว่าสิ่งมีชีวิตขั้น 3 เลย
ส่วนอีกมือหนึ่งของเขานั้นก็จัดการใช้ความสามารถของ [ร่างกาบหอยแครงปีศาจ F] ซึ่งมีหน้าที่เดียวในการย่อยสลายยักษ์เถื่อนและนำพลังงานมาใช้กับไนเรล
ซึ่งยิ่งนานไปต้นกาบหอยแครงปีศาจที่ไนเรลใช้ความสามารถ [การตอบรับของธรรมชาติ B] ควบคุมมันก็สูงใหญ่และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนมันมีขนาดที่สูงกว่าหลาย 10 เมตรแล้ว อีกทั้งหนวดที่มากกว่า 200 เส้น
ในขณะที่หัวหน้ายักษ์เถื่อนขั้น 4 นั้นกำลังตัดหนึ่งกาบของกาบหอยแครงจนขาดสะบั้นนั้นเขาก็สั่งเกตว่ายิ่งรอนานกาบที่เป็นเหมือนกับหัวงูก็ยิ่งงอกออกมาเพิ่ม
เพราะตอนนี้จากช่วงแรกที่มีไม่กี่กาบ ตอนนี้มันมีไม่ต่ำกว่า 10 แล้ว
“ถอย ทุกตนถอยก่อน” หัวหน้าผู้คุมสั่งออกพร้อมกับที่พาตนอื่น ๆ ถอยหนีออกมาโดยมียักษ์เถื่อนขั้น 4 ประมาณ 4 ถึง 5 ตนเปิดทางให้
แต่ก่อนที่ผู้คุมยักษ์เหล่านั้นจะหนีออกไปได้พ้นมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาหวังไว้ ก็เพราะว่าไนเรลที่ตอนนี้พลังงานกลับฟื้นขึ้นมาเร็วมากจากการย่อยสลายของร่างกาบหอยแครงของตนเอง
ไนเรลขยับร่างกายราวกับว่ามันเต็มไปด้วยพลังงาน
เขาไม่รอช้ายืนมือไปในเงาเพื่อเอาโซ่โลหะพิภพออกมา ใช้มันเป็นเหมือนกับแส้ฟาดพันไปที่ร่างของยักษ์เถื่อนขั้น 3 ที่กำลังจะหนีตนหนึ่ง เมื่อมันโดนรัดด้วยโซ่ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
และเมื่อเห็นว่าเป็นไนเรล มันก็เกิดอาการสั่นกลัวเล็กน้อย แต่ด้วยศักดิ์ศรี ซึ่งมันก็ไม่เคยกลัวการต่อสู้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจสู้เป็นตายกับไนเรลในทันที
แต่มันก็แน่นอนอยู่ถึงความต่างระดับของพลัง ไนเรลจัดการต่อยเข้าไปที่ใบหน้าและเชือดมันเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ไนเรลสังหารยักษ์เถื่อนตนนั้นแล้ว เขาก็มุ่งหน้ามาจัดการยักษ์เถื่อนขั้น 4 ที่ตอนนี้เริ่มทำให้กาบหอยแครงลำบากมากขึ้น
ไนเรลที่ตอนนี้ไม่มีอาวุธอยู่กับตัวเขาจึงใช้สิ่งของสิ่งหนึ่งนั้นก็คือกางเขนมนุษย์ที่สร้างจากโลหะพิภพ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องพันธนาการเขามาก่อน
ด้วยรูปร่างและตัวของมันนั้น ไม่มีความแหลมคมอะไร ไนเรลจึงใช้มันทำได้สิ่งเดียวนั้นก็คือทุบ
ไนเรลเลือกที่จะทุบมันไปตรง ๆ จนแขนของยักษ์เถื่อนตนนั้นหักทันที
“อ๊าก!!!” ยักษ์เถื่อนขั้น 4 ที่โดนไนเรลทุบจนแขนหักร้องด้วยความเจ็บแต่มันก็มีใจฮึดสู้อยู่อีก ดังนั้นไนเรลจึงจัดการเสยไปที่ปลายคางด้วยกางเขนมนุษย์
เลือดที่ไหลกบปากของยักษ์เถื่อนตนนั้น ขณะที่ตัวของมันหงายท้องลอยอยู่กลางอากาศและหล่นลงกับพื้นแน่นิ่งไป
ไนเรลไม่รอช้าจัดการกับยักษ์เถื่อนตัวอื่น ๆ ต่อ และฉากนั้นก็เป็นการเปิดตัวอาวุธที่ใช้ทุบอย่างกางเขนมนุษย์และโซ่พันธนาการตามที่เหล่ายักษ์พวกนั้นเรียกหาถึงไนเรลต่อ ๆ มา
หลังจากนั้นการต่อสู้ก็กินเวลา 5 นาที การต่อสู้ก็มาถึงจุดจบ เพราะตอนนี้ยักษ์เถื่อนที่หนีไปได้ก็ออกไปจนหมดแล้ว แต่ถึงแบบนั้นความซวยก็ยังคงมาตกลงที่หัวหน้าผู้คุมยักษ์เถื่อนซึ่งตั้งแต่แรกมันได้ตกเป็นเป้าหมายของไนเรลอยู่แล้ว
ไนเรลที่ตอนนี้เหยียบไปที่ตัวขอมันอย่างร่างด้วยขนาดตัวแบบมนุษย์ ทำให้มันดูตลกเล็กน้อย แต่มันไม่ใช่กับหัวหน้าผู้คุมยักษ์อย่างมันเลย เพราะตอนนี้แรกที่ส่งมาจากเท้าของไนเรลทำให้ตัวเกราะที่มันสวมอยู่ เกิดการบีบรัดตัวของมัน
“เข็มทิศ” ไนเรลพยายามพูดภาษายักษ์เถื่อนที่งู ๆ ปลา ๆ ของเขาเพื่อถามหาถึงเข็มทิศที่ไนเรลเห็นตอนที่อูคาส่งมอบให้พวกนั้นก่อนที่เขาจะถูกพาตัวมา ไนเรลเชื่อว่าสิ่งนั้นน่าจะมีความสามารถระบุถึงที่อยู่ของเขาอย่างแม่นยำ ดังนั้นไนเรลจะต้องไปเอามันมาให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นต่อให้เขาหนีไปพวกมันก็หาเขาเจออยู่ดี
แต่ดูเหมือนยักษ์เถื่อนตนนั้นจะไม่ยอมบอกมันกับถุยน้ำลายใส่พื้นและจ้องมองไนเรลด้วยสายตาที่เย็นชา
ไนเรลเคยเห็นสายตาแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับให้พูดดังนั้นไนเรลจึงจัดการปลิดชีวิตของหัวหน้าผู้คุมยักษ์เถื่อนอย่างไม่ลังเล
ตึบ! เสียงของกางเขนมนุษย์ที่ทุบลงมาจนทั้งหมวกเกราะและหัวของมันเละไปพร้อม ๆ กันดังขึ้นมา จากนั้นไนเรลก็ตัดสิ้นในสั่งให้ต้นกาบหอยเครงปีศาจที่สูงใหญ่มากกว่า 25 เมตรหยุดกินซากของยักษ์เถื่อนที่ตายเพราะเขายังต้องใช้มัน อีกอย่างตอนนี้ต่อให้ต้นกาบหอยแครงจะกินไปอีกเท่าไหร่ มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะตัวของต้นกาบหอยแครงปีศาจคงไม่สามารถยืดยาวไปได้จนถึงทางออก
ไนเรลเลือกที่จะเก็บซากของยักษ์เถื่อนที่ตายทั้งหมดลงไปในเงาที่ตอนนี้แทบจะไม่มีของมากนัก
ร่างกว่า30ตนถูกจัดเก็บเอาไว้ พร้อมกับของที่พวกยักษ์เถื่อนขนมาใช้กับการแลกเปลี่ยนแร่กับพวกทาสก็ถูกทิ้งไว้ตอนที่พวกมันถอยหนีดังนั้นไนเรลก็เก็บมันเข้าไปเข้าด้วย
แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้นั้นก็คือ อาวุธ เกราะที่ทำจากโลหะที่แกร่งของยักษ์เถื่อนนั้นก็ถูกไนเรลเก็บไว้เช่นกัน
ไนเรลที่ยกมือออกมาจากต้นกาบหอยแครงปีศาจมันก็หลับไปเป็นต้นไม้ปกติ ที่ทำแต่สัญชาตญาณ แต่แน่นอนว่าไนเรลสั่งมันไว้แล้วว่าห้ามโจมตีมนุษย์อย่างเด็ดขาดจากนั้นก็ตามไปทางที่ยักษ์เถื่อนหนีไป
หลังจากนั้นห้องด้านบนก็เงียบลงเหลือทิ้งไว้แต่รอยเลือดและการต่อสู้อยู่เบื่องหลัง
ด้านล่าง คิงผู้ที่แอบอยู่พร้อมกับเด็ก ๆ ทั้งสามที่อยู่ด้านหลังก็มองไปที่ต้นกาบหอยแครงปีศาจอย่างอยากรู้อยากเห็น ใจหนึ่งเขาก็ยากรู้ว่าไนเรลนั้น
และแล้วหลังจากที่รอเรื่องด้านบนเงียบไปได้สักพักนั้น ก็มีคนเดินออกมาจากเงามืดและปืนขึ้นไปตามต้นของกาบหอยแครงปีศาจที่เป็นเหมือนกับบันได เพื่อมองดูสถานการณ์ด้านบน และคนนั้นก็คือเกลนั้นเอง
เกลที่ใช้เวลาไม่นานด้วยร่างกายของเขาก็ขึ้นมาที่ด้านบนได้อย่างรวดเร็ว เกลมองไปที่รอบ ๆ ด้วยความกลัว จากสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดและร่องรอยการต่อสู้ มันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
“ไม่มีศพ” เกลกล่าวออกมาและต่อมาใบหน้าของเขาก็ยิ้มออกมาในทันที การที่ไม่มีศพนั้นหมายความว่าไนเรลยังไม่ตายและบางที่เขาอาจจะเป็นคนเก็บพวกมันไป
แต่ไม่ว่าอย่างไนเรลก็ไม่ใช่เรื่องที่เกลจะไปสนใจ เพราะตอนนี้เกลต้องใช้โอกาสนี้รีบหนีออกไปจากที่นี่โดยด่วน
“เร็วรีบขึ้นมาด้านบนข้างบนนี้ทางสะดวกแล้วไม่มียักษ์พวกนั้นอยู่อีกแล้ว” เกลไม่รอช้าหันไปบอกกับกลุ่มของเขาในทันที
แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คนของเกลที่ได้ยินและทาสมนุษย์คนอื่น ๆ ก็ได้ยินเช่นกัน ดังนั้นเมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พากันปีนไปที่ด้านบนด้วยความดีใจ เพราะตอนนี้อิสรภาพของพวกเขานั้นอยู่ไม่เกินเอื้อมมือแล้ว
หลังจากที่ทุกคนขึ้นมาแล้วก็มีทาสบางคนที่ร้องไห้ออกมากับก้าวแห่งอิสรภาพเล็ก ๆ ตรงหน้านี้ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็คิดขึ้นได้ว่ามันยังไม่ใช่เวลามาร้องไห้ดีใจตอนนี้ต้องหาทางออกไปจากเหมืองนี้ก่อน ดังนั้นทุกคนจึงตรงไปทางออกทันทีตามทางในความทรงจำที่จำได้ในตอนเข้ามา แต่ว่าแน่นอนว่ามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ออกไปด้วย
นั้นก็คือคิงและเด็ก ๆ หลังจากที่พวกเขานั้นขึ้นมาได้ก็พากันไปหาที่แอบแถว ๆ นั้นและรอไนเรลกลับมารับ
ไนเรลที่ไล่ตามพวกผู้คุมยักษ์เถื่อนมานั้น ในระหว่างทางก็เจอเข้ากับยักษ์เถื่อนที่ดักซุ่มโจมตีเขาอยู่เป็นระยะ แต่ทั้งหมดก็โดนเก็บเรียบ
จนกระทั่งขณะที่ไนเรลนั้นฆ่าหนึ่งในยักษ์เถื่อนขั้น 4 ตนหนึ่งและใช้ความสามารถ [ร่างกาบหอยแครง F] ของตนย่อยสลายร่างของยักษ์เถื่อนตนนั้นและดูดซับทุกอย่างเข้าสู่ร่างกาย ไนเรลก็สัมผัสได้ถึงหนึ่งในใบไม้รอยสักอันใหม่
มันคือความสามารถ [เทพไททัน B] ซึ่งเป็นความสามารถประเภทกลายร่าง แต่แล้วอยู่ ๆ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น เพราะใบไม้ของความสามารถ [ร่างไททัน B] ก็เกิดความร้อนขึ้นสูงจนไนเรลถึงกับขมวดคิ้ว
มันค่อย ๆ สลายหายไปและใบไม้ความสามารถของ [เทพไททัน B] ก็ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับที่มันยกระดับเป็นระดับ A
ไนเรลแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่แล้วเขาก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ “หรือว่าความสามารถ [เทพไททัน B] จะกลืนกินความสามารถ [ร่างไททัน B]”
ไนเรลยิ่งคิดความเป็นไปได้นี้ก็ยิ่งชัดเจน ดูเหมือนว่าขอแค่มีความสามารถที่เหือนกันถือกำเนิดขึ้นมามันก็จะโดนความสามารถที่แข็งแกร่งกว่ากินในทันที เพื่อนำความสามารถพวกนั้นมายกระดับความสามารถของตัวเอง
ตอนนี้ไนเรลรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่รอช้าใช้ความสามารถ [เทพไททัน A] ทันที
เมื่อเขารองใช้ความสามารถนี้ดู ตัวของไนเรลนั้นก็ขยายขึ้นจนมีลักษณะเหมือนกับพวกยักษ์เถื่อนไม่มีผิด แต่มันก็ไม่แปลกเพราะดูเหมือนว่าความสามารถ [ร่างไททัน A] นั้นจะมาจากเหล่าเทพไททันหรือที่พวกมนุษย์อย่างเขานั้นเรียกว่ายักษ์เถื่อน
“เรากลายเป็นยักเถื่อนไปแล้ว” ไนเรลมองไปที่มือและอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของตนเองอย่างสนใจมันไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากยักษ์เถื่อนพวกนั้นจะเว้นก็แต่การแต่งกายของเขาที่ตอนนี้มันดูจะไม่เหมือนสักเท่าไหร่
แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีเสื้อผ้าให้เขาได้เลือกจำนวนมากหรอกหรือ
ไนเรลจัดการปอกลอกเสื้อผ้าจากศพยักษ์เถื่อนรวมทั้งชุดเกาะมาส่วนใส่ หลังจากสวมหมวกเกราะแล้วไนเรลก็เหมือนจะกลายเป็นยักษ์เถื่อนไปแล้วจริง ๆ
และในตอนนั้นเองอยู่ ๆ ก็มียักษ์เถื่อนที่วิ่งมาทางเขาด้วยความรีบร้อน พร้อมกับจับกางเกงของตนไว้ด้วย
ไนเรลที่เห็นดังนั้นก็ระวังตัวและเตรียมที่จะโจมตีกลับไปทันที แต่แล้วอยู่ ๆ ยักษ์นั้นก็เรียกไนเรล
“เฮ้เจ้านะ ตนอื่น ๆ ไปไหนหมด ข้าได้ยินสัญญาณเตือนภัยแต่ข้ามาไม่ทันเพราะเข้าห้องน้ำอยู่ มันเกิดอะไรขึ้น” ยักษ์เถื่อนตนนั้นพูดออกมาด้วยความร้อนรนต้องการจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ไนเรลมองไปที่ยักษ์เถื่อนตนนี้แล้วเขาก็จำได้อย่างดี เพราะมันคือยักษ์เถื่อนที่ลืมไขกุญแจให้กับเขา ยักษ์เถื่อน ‘ไค’ นั้นเอง และที่น่าแปลกเขากับเข้าใจภาษาของยักษ์เถื่อนซะงั้น เข้าใจแบบลึกซึ้งราวกับว่านี่คือภาษาหลักของตนเอง
บางที่มันอาจจะเป็นเพราะว่าไนเรลนั้นกลายร่างเป็นยักษ์เถื่อนอยู่ก็ได้ ซึ่งไนเรลเมื่อเห็นแบบนั้นก็คิดบางอย่างออกในทันที ซึ่งมันเป็นทางหนีที่สบายกว่าอย่างแน่นอน