717 วิญญาณร้าย เทพผู้พิทักษ์
717 วิญญาณร้าย เทพผู้พิทักษ์
คนงานขุดแค่เพียงมุมหนึ่งของสุสานเท่านั้น นักโบราณคดีจึงยังไม่รู้ความกว้างของภายในสุสาน และต้องรอจนกว่าประตูบานที่สองจะสามารถเปิดออกได้
ชายชราวัยหกสิบผู้เป็นหัวหน้าที่ทำการสำรวจในครั้งนี้ คิดที่จะทำการเปิดประตูโดยการใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ใช้ส่งที่อยู่ด้านในได้รับความเสียหาย ดังนั้น พวกเขาจึงยังไม่เปิดประตูจนกว่าทุกอย่างจะพร้อม จากการสืบสวนทำให้พวกเขารู้ว่า ยังไม่เคยมีใครบุกเข้าไปด้านในสุสานนี้มาก่อน ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ภายในจึงยังไม่เคยมีใครแตะต้อง ซึ่งมันสามารถกลายเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ได้เลย
“อากาศแย่จังเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับมองดูฝนที่ยังคงตกลงมาไม่หยุด
“อืม ฝนบางครั้งก็น่ารำคาญ” ชายชราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนจะกลับเข้าไปด้านในสุสาน
เขารู้สึกสนใจรูปปั้นที่อยู่ภายในสุสานอย่างมาก โดยเฉพาะรูปปั้นปีศาจร้ายที่ตั้งอยู่ตรงกลางทางเดินสุสาน มันดูผิดแปลกไปจากปกติ และเป็นครั้งแรกที่เขาพบว่า มีรูปปั้นปีศาจร้ายตั้งอยู่ภายในสุสานโบราณแบบนี้ เพราะมันถือเป็นสิ่งอัปมงคลสำหรับคนจีนในสมัยโบราณ เขายังมองไม่ออกถึงการมีอยู่ของมันในสุสาน บางที เจ้าของสุสานอาจจะต้องการให้มันปกป้องสุสานของเขาหรือเธอจากโจรขโมยสุสานก็เป็นได้
ชายต้องยอมรับว่า รูปปั้นตัวนี้ดูเหมือนจริงและน่ากลัว ลูกศิษย์ของเขาแต่ละคนต่างก็ต้องตกใจในครั้งแรกที่ได้เห็นมัน
ที่กำแพงทั้งสองด้านมีรูปภาพของทหารเรียงรายกันอยู่ตลอดแนว มันดูเหมือนทหารเหล่านั้นกำลังอยู่ในสงคราม มีชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้าและถือดาบเล่มใหญ่เป็นผู้นำของพวกเขา เขามีรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่ง
เมื่อมองลงไปที่ด้านล่างของประตูมีการสลักรูปของเทพผู้พิทักษ์ศาสนาพุทธที่ถือวัชระอยู่ มันไม่ยากที่จะเข้าใจได้ว่า พวกเขาถูกสลักเอาไว้ที่ประตูเพื่อปกป้องวิญญาณที่อยู่ภายในสุสาน ชายชรารู้สึกสงสัยถึงเรื่องราวความเป็นมาที่อยู่เบื้องหลังของรูปปั้นปีศาจและรูปแกะสลักเหล่านี้
ในตอนที่เขากำลังคิดเรื่องรูปปั้นอยู่นั้น อยู่เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนดังขึ้น “ช่วยด้วย! มีคนตาย!”
เกิดอะไรขึ้น? เขาขมวดคิ้ว
ตั้งแต่ที่เริ่มต้นขุดสุสานแห่งนี้ เขาและคนในทีมได้พบเจอกับอุปสรรคมากมาย คนงานทั้งหมดต่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาควรจะขุดต่อหรือว่าจะหยุดดี สิ่งที่เขาพอจะทำได้ก็คือ ทำให้คนงานเหล่านี้วางใจที่จะทำงานต่อไปได้ แต่เขาก็ห้ามไม่ให้ใครจากไปได้เช่นกัน
“ผมจะไปดูข้างนอกหน่อยนะครับ” หนึ่งในลูกศิษย์ที่ติดตามเขามาหลายปีได้พูดขึ้นมา
ไม่นาน เขาก็กลับเข้ามาพร้อมกับข่าวร้าย สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก
“อาจารย์ครับ มีคนงานคนหนึ่งเพิ่งตายไปครับ” ลูกศิษย์ของเขาพูด
โอ้ แย่แล้ว! ชายชราคิด
ตั้งแต่ที่มีคนงานได้รับบาดเจ็บในวันแรกๆ คนงานหลายคนก็คิดอยากจะออกกันอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ทางจังหวัดเพิ่มเงินค่าจ้างและชายชราก็ได้พูดโน้มน้าวให้พวกเขาอยู่ต่อ พวกเขาจึงตกลงใจที่จะขุดสุสานต่อไป แต่ตอนนี้กลับมีคนตายขึ้นมา ชายชราคิดว่า คงไม่มีคนงานคนไหนที่อยากจะทำงานที่นี่ต่ออีกแล้ว และทำให้เหล่านักโบราณคดีเริ่มหวาดกลัว
“ที่นี่แปลกมากเลย” คนงานหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“อาจารย์ดูฮวงจุ้ยก็บอกแล้วว่า เราไม่ควรขุดสุสานนี้ต่อ แต่พวกเขาก็ยังดึงดันจะขุดต่อให้ได้” คนงานอีกคนพูด
“เขาเป็นลูกชายของลุงจาง อาทิตย์หน้าก็จะแต่งงานแล้ว ไม่รู้ว่าคนที่บ้านของเขาจะทำหน้ากันยังไงถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา” คนงานหนุ่มพูด
หัวหน้าคนงานขุดได้เข้ามาคุยกับชายชรา เพื่อบอกว่า เขาและคนงานของเขาต้องการหยุดทำงานนี้ พวกเขาเพิ่งจะเริ่มขุดไปได้ไม่กี่วัน แต่ก็มีคนงานได้รับบาดเจ็บสองคนและตายอีกหนึ่ง โชคดีที่ประกันได้จ่ายค่าชดเชยให้พวกเขา แต่มันก็ยังแย่สำหรับหัวหน้าคนงานอยู่ดี เขาไม่ได้เงินจากงานนี้ แต่ก็ยังต้องจ่ายเงินค่าจ้างและค่าเดินทางให้กับคนงานทั้งหมดอยู่ดี
เมื่อไม่มีคนขุด งานก็ไม่สามารถไปต่อได้
“อาจารย์ครับ ผมจะติดต่อกับทีมขุดอีกทีมนะครับ” หนึ่งในลูกศิษย์ของชายชราพูด
“อืม” ชายชราพูด
ที่ด้านนอกยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม เหล่านักโบราณคดีต่างกำลังพักผ่อนอยู่ภายในกระท่อมที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงน้ำฝนหยดลงมาด้านใน
“ข้างในนี้มีรูรั่วอยู่” นักโบราณคดีคนหนึ่งพูด
“หารูรั่ว อาจารย์ไม่อยากให้สุสานได้รับความเสียหายไปด้วย” ชายชราพูด
ปัง! เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นักโบราณคดีคนหนึ่งก็ล้มตัวลงไปกองอยู่ที่พื้น
“คุณเหอ เป็นอะไรมากไหม?” นักโบราณคดีคนอื่นๆต่างพากันเข้าไปดูชายที่ล้มลงนอนกองอยู่ที่พื้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียว และมีอาการหายใจติดขัด
“รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเร็ว” ชายชราพูด
ครู่ต่อมา รถพยาบาลก็เดินทางมาถึง นักโบราณคดีหลายคนได้พากันไปส่งคนป่วยที่โรงพยาบาล ที่สุสานจึงเหลือนักโบราณคดีอยู่แค่สามคนเท่านั้น
“เอ่อ เรากลับกันดีไหม?” ชายชราพูด
เขาติดต่อไปหาทางหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อขอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเฝ้าที่สุสาน
ในคืนนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้มาเฝ้าสุสานอยู่ภายในกระท่อม
“แม่ง! ทำไมพวกเขาต้องให้เรามาเฝ้าสุสานตอนกลางดึกแบบนี้ด้วย?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งบ่น
“แล้วเราจะไปทำอะไรได้ล่ะ? ถ้าเราไม่ทำ เดี๋ยวพวกเขาก็ต้องส่งคนอื่นมาทำอยู่ดี” เพื่อนความงานของเขาพูด
“นายว่าที่นี่จะมีผีสิงอยู่ไหม?” ชายคนแรกถาม
“อย่าหลอกตัวเองให้กลัวสิ” เพื่อนของเขาพูด
วู้ววว! วู้ววว!
“เสียงอะไรน่ะ?” ชายคนแรกถาม
“ก็แค่เสียงลมพัด” เพื่อนของเขาพูด “ฉันจะออกไปสูบบุหรี่สักหน่อยนะ”
เขาหยิบบุหรี่ออกมาและจุดไฟแช็ค ลมพัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ไฟที่กำลังจะจุดบุหรี่ดับลง เขาจึงจุดไฟขึ้นมาใหม่ แต่ลมก็พัดมาจนไฟดับอีกครั้ง มันเกิดขึ้นแบบนี้ซ้ำอยู่หลายครั้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูด
ใบหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนเปลี่ยนสี การเฝ้ายามที่สุสานในเวลากลางคืนก็เป็นงานที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว
“นี่ ดูตรงนั้นสิ รูปปั้นนั่นกำลังขยับอยู่ใช่ไหม?” เพื่อนของเขาถาม
“อะไรขยับนะ?” ชายอีกคนถาม “อย่ามาพูดให้ฉันกลัวสิ!”
ทั้งสองหันหน้าไปทางรูปปั้นปีศาจ มันแยกเขี้ยวอย่างโกรธเกรี้ยวและมีใบหน้าที่น่าหวาดกลัว ดวงตาของมันโตพอๆกับระฆังทอง และราวกับมันกำลังมองมาที่พวกเขาสองคน
วู้ววว! ลมพัดมาวูบหนึ่ง แสงไฟในกระท่อมดับลง ทุกอย่างโดยรอบมืดสนิท
แกร๊ก! พวกเขาสองคนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“เชี่ยอะไรเนี่ย!” หนึ่งในนั้นสบถออกมา
“ผี!” เพื่อนของเขากรีดร้อง
ทั้งสองวิ่งออกไปจากกระท่อมท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกลงมาไม่หยุด พวกเขารีบวิ่งลงไปจากเขาด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้
กระท่อมยังคงความเงียบสงบอยู่บนเขา ด้านในมืดสนิท
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่ได้สนใจว่าใต้เท้าของพวกเขาเป็นอะไร
“มีหมู่บ้านอยู่ตรงนั้น” หนึ่งในสองคนพูดขึ้นมา
มีทั้งฝนที่ตกลงมาไม่หยุดและลมพัดแรง พวกเขาไม่สามารถมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจน
“ไม่!” อยู่ๆเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็หายตัวไป
ฝนที่ด้านนอกยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน นักโบราณคดีที่ล้มหมดสติไปก็ได้เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองที่อยู่ไม่ไกล
“หมอ เขาเป็นยังไงบ้างครับ?” เพื่อนร่วมงานของเขาถาม
“ไม่ดีเท่าไหร่ครับ” แพทย์พูด
นักโบราณคดีคนนี้หมดสติไปโดยไม่มีสาเหตุ อัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ แสดงให้เห็นสัญญาณของการทำงานของหัวใจที่ล้มเหลว แล้วความดันของเขาก็ยังสูงอีกด้วย
“เขามีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจกับโรคความดันโลหิตสูงมาก่อนไหมครับ?” แพทย์ถาม
“ไม่ครับ เราทุกคนเพิ่งจะเข้ารับการตรวจสุขภาพไปเมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนิ่วในไตแล้ว เขาก็ปกติดีทุกอย่างครับ” หนึ่งในเพื่อนของเขาพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลกมาก เพราะอาการของเขาแสดงออกมาว่า เขามีอาการของโรคหัวใจ” แพทย์พูด “แล้วเขาทำงานอะไรเหรอครับ?”
“พวกเราเป็นนักโบราณคดีครับ” เพื่อนร่วมงานของเขาพูด
“นักโบราณคดีเหรอ?” แพทย์พูด
“ครับ ตอนนี้ พวกเรากำลังทำงานอยู่ที่สุสานโบราณแห่งหนึ่งอยู่” นักโบราณคดีคนหนึ่งพูด
“สุสาน?” แพทย์พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เขาเผลอคิดขึ้นมาว่า หรือเขาจะเจอผีเข้า?
“ผมขอแนะนำให้เขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อนนะครับ” แพทย์พูด
เพื่อนร่วมงานของคนไข้ได้จัดการเรื่องเอกสารการเข้ารักษาในโรงพยาบาลให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย
“นายคิดว่า เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” นักโบราณคดีหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นมา “ตอนแรกเขาก็ยังดีดีอยู่เลย ทั้งพูกคุยหัวเราะเหมือนไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง แล้วทำไมอยู่ๆเขาถึงได้หมดสติไปหน้าตาเฉยแบบนี้?”
“นายคิดว่า เขาจะถูกผีทำร้ายเข้ารึเปล่า?” นักโบราณคดีที่สวมแว่นตาถาม
“เลิกพูดไร้สาระกันได้แล้ว” นักโบราณคดีที่เป็นชายวัยกลางคนพูด
“มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ” นักโบราณคดีหนุ่มพูด “ลองคิดดูสิ ตั้งแต่ที่เริ่มขุดสุสานมา เราก็เจอปัญหาตั้งหลายอย่าง ทั้งคนงานได้รับบาดเจ็บสองคน แล้วเมื่อตอนบ่ายก็ยังตายไปคนหนึ่งด้วย ตอนนี้ คุณเหอยังมาป่วยเข้าโรงพยาบาลอีก แล้วนายจำที่อาจารย์ดูฮวงจุ้ยบอกกับเราว่า สุสานนั้นมีปัญหาได้ไหมล่ะ?”
“อย่าพูดทำให้คนอื่นกลัวไปด้วยสิ” ชายวันกลางคนพูด
“หืม อาจารย์มา” ชายสวมแว่นพูด
“อาจารย์มาทำไมเหรอครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
“คุณเหอเป็นยังไงบ้าง?” ชายชราถาม
“หมอตรวจดูอาการของเขาแล้วครับ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ชายวัยกลางคนพูด
ชายชราเข้าไปคุยกับแพทย์ที่ดูแลอาการของคุณเหออยู่ หลังจากที่ได้รู้ว่า ชายชราเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียง ทั้งยังมาจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย แพทย์จึงตอบคำถามทั้งหมดของชายชราแบบลงรายละเอียดมากกว่าปกติ
“ให้เขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดูสักคืนก่อน ถ้าอาการของเขายังไม่ดีขึ้น เราค่อนส่งตัวเขาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่น” หลังเดินออกมาจากห้องทำงานของแพทย์แล้ว ชายชราก็พูดกับนักโบราณคดีที่เหลือ
“ครับ” ชายวัยกลางคนพูด “อาจารย์ ให้ผมขับรถให้ไหมครับ?”
เขาขับรถพาชายชรากลับไปพักที่โรงแรม
ค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไปโดยไร้เรื่องราวใดๆอีก ฝนตกเบาลงในเช้าของวันใหม่
เมื่อกลุ่มนักโบราณคดีกลับไปที่เขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสุสาน พวกเขาก็พบว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนได้หายตัวไป ทั้งที่ยานพาหนะของพวกเขาก็ยังจอดอยู่ที่เดิม
“พวกเขาไปไหนกัน?” ชายชราถาม
ในตอนแรก พวกเขาคิดว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนอาจจะออกไปเดินสำรวจรอบๆและอีกไม่นานก็คงจะกลับมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน ก็ยังไม่มีใครกลับมา หลังจากนักโบราณคดีคนหนึ่งเจอไฟแช็คหล่นอยู่ในพุ่มหญ้า พวกเขาก็เริ่มเป็นกังวลกันขึ้นมา ชายชราจึงรียสั่งให้ทุกคนในทีมแยกย้ายกันตามหาคนทั้งสอง
ในที่สุด พวกเขาก็เจอคนทั้งสองอยู่ภายในหลุ่มขนาดใหญ่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ภายในหลุ่มเต็มไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาหลายวัน ร่างของทั้งสองลอยอยู่ด้านในนั้น คนอื่นๆจึงช่วยกันดึงร่างของพวกเขาขึ้นมาจากน้ำ ทั้งสองไม่หายใจแล้ว ตอนนี้ มีคนตายเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน