ตอนที่ 8 เกมที่ทำเงินได้สูงที่สุด (รีไรท์)
หลังจากขายไปได้กว่า 150,000 แผ่นวิลเลียมก็ไม่ได้ผลิตแผ่นเกมอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าราคา 6 ปอนด์ต่อแผ่นนั้นมันถูกเกินไป หลายๆ คนในมหาวิทยาลัยเอาไปอัพราคาเป็นแผ่นละ 10 ปอนด์แม้ว่าจำนวนที่ขายได้จะไม่มากแต่ก็มีคนทำไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ..
เท่าที่วิลเลียมพอนับได้รวมๆ ก็เสียหายกว่าหลายแสนปอนด์ แต่เขาไม่ทางเลือกอื่น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือการทำให้เกมมันดังให้เยอะที่สุด เพราะถ้าเกิดเขาขายในราคา 10 ปอนด์ต่อแผ่น แล้วเขายังสามารถขายได้สัก 50,000 ก็อปปี้ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าแล้วล่ะ
ยอดขายเกมในลอนดอนพุ่งกระฉูดกระจุยกระจาย ทั้งยอดขายและบทวิจารณ์เชิงบวก ดึงดูดเอาเหล่าบริษัทเกมใหญ่ๆ มีทั้งตัวแทนขายเกมและซูเปอร์มาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็น EA และ Ubisoft และแม้แต่ Beststar ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญขายเกมดีวีดีและเกมคอมพิวเตอร์ในสหรัฐอเมริกามาที่นี่ไม่น้อย กำไรที่ลดลงไปหลายแสนปอนด์ก็คิดไปซะว่าเป็นทุนให้พวกรุ่นพี่หลายร้อยคนจากมหาวิทยาลัยลอนดอนที่อุตส่าห์มาขายเกมให้เขา และเป็นค่าโฆษณาเพื่อดึงดูดบริษัทใหญ่ๆ เหล่านั้นด้วย
วิลเลียมถูกบริษัทเหล่านี้ทาบทามมาเมื่อไม่กี่วันก่อน บอกว่าพวกเขาต้องการเจรจากับตัวแทนไม่ก็อยากซื้อลิขสิทธิ์เกม ดังนั้นเขาเลยเดินทางไปหาบริษัทกฎหมายชั้นนำบางแห่งในลอนดอน
แล้วก็ได้เจอกับแอนโธนีหุ้นส่วนระดับอาวุโสของบริษัทกฎหมายยูเอลิดา ซึ่งวิลเลียมจะต้องจ่ายเงิน 1,000 ปอนด์ต่อชั่วโมงเพื่อจ้างผู้ชายคนนี้ ซึ่งในการเจรจาธุรกิจแบบนี้ไม่สามารถทำได้ภายในสองสามวัน
แม่มเอ๊ย งั้นเขาต้องจ่ายให้นายแอนโธนีคนนี้ไปอีกหลายหมื่นปอนด์เลย แต่โชคดีที่วิลเลียมกับบริษัทกฎหมายยูเอลิดาเซ็นสัญญาคิดค่าบริการรายชั่วโมงหากเป็นสัญญาแบ่งปันเขาก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายให้บริษัทกฎหมายยูเอลิดาไปอีกเท่าไหร่
วิลเลียมจองห้องประชุมในโรงแรมลอนดอนฮิลตัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้า แล้วเขาก็ได้เจอตัวแอนโธนีแห่งบริษัทกฎหมายยูเอลิดา
ก่อนจะเริ่มประชุมวิลเลียมจับมือทักทายด้วยรอยยิ้มแอนโธนี : "อรุณสวัสดิ์ครับคุณแอนโธนี ตอนนี้ 8 โมงแล้วคุณจะคิดเงินเลยหรือเปล่าครับ? "
แอนโธนีรู้ว่าวิลเลียมแค่หยอกเล่น : "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเดวอนเชอร์ถ้าคุณคิดว่าการเริ่มต้นการเรียกเก็บเงินภายในสิบนาทีจะทำให้คุณมีความสุข งั้นเราจะเริ่มนับเวลากันตั้งแต่ 8:10 น. ทางผมก็ไม่รังเกียจนะครับ"
"ฮ่าๆ ฮามากครับคุณแอนโธนี ผมชอบนะ โอเคมาเข้าเรื่องกัน ผมอยากให้คุณช่วยผมแก้ปัญหาทางกฎหมายทั้งหมด โอเคไหมครับ? "
"แน่นอนว่าไม่มีปัญหาครับคุณเดวอนเชอร์ เราจะทำกันแบบนี้นะครับ ผมรับประกันว่าทางคุณจะไม่มีปัญหากับสัญญาที่บริษัทกฎหมายเราจัดการ นี่ถือเป็นหลักประกันความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นของเรายูนิลิดา" แอนโธนีกล่าวเพิ่มความเชื่อมั่นกับวิลเลียม
วิลเลียมพยักหน้าเห็นด้วยนี่แหละเหตุผลที่เขาเชิญทีมกฏหมายของทางยูเอลิดามา "โอเคครับ ผมยังคงเชื่อมั่นกับพวกคุณยูเอลิดาอยู่ ในฐานะหนึ่งในสามสำนักงานกฎหมายรายใหญ่แห่งอังกฤษ ความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของพวกคุณไม่ต้องสงสัยเลย เพราะงั้นนะครับแอนโธนีมาเริ่มกันเลยดีกว่า วันนี้ผมยุ่งมาก”
วิลเลียมจับมือทักทายกับทีมกฏหมายทั้งสี่คนของแอนโธนี สำหรับเงิน 1,000 ปอนด์ต่อชั่วโมงกับทีมกฏหมายที่ดีที่สุดในลอนดอน วิลเลียมก็ไม่ได้คิดจริงหรอกว่ามันแพงเกินไป เพราะหากมีอะไรผิดพลาดเพราะไปจ้างทีมกฏหมายที่ไม่เป็นมืออาชีพพอ แค่ร้องไห้คงไม่พอ
แน่นอนว่ามีแต่ทนายความเท่านั้นที่สามารถทำเงินได้มากมายในฐานะทีมกฏหมายแบบนี้ได้ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายหลายพันปอนด์ต่อเดือนในการจับมือกับทนายความ
พอเวลาดำเนินไปจนถึง 9 โมง บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งเช่น EA, Ubisoft, Beststar และบริษัทเกมอื่นๆ ก็มากันตรงเวลา
หลังจากที่ทุกคนได้ที่นั่งตามตำแหน่งที่ต้องการแล้ว วิลเลียมก็ไม่รีรออีกต่อไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณภาพและยอดขายของเกมรวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้ของบริษัทเกม ตัวแทนเหล่านี้เองก็ไม่สนใจไม่ว่าตัวเกมจะดีแค่ไหนก็ตาม
วิลเลียมหยิบไมโครโฟนแล้วเดินไปที่โพเดี่ยมในห้องประชุม พูดขึ้นว่า: "ยินดีต้อนรับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ผมชื่อวิลเลียม เดวอนเชอร์ ผมเป็นผู้พัฒนาและออกแบบรวมถึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวของเกม Plants vs. Zombies
เวลาทุกท่านมีค่า ฉะนั้นผมจะไม่ถ่วงเวลาของพวกท่านอีก หลายวันมานี้มีทั้งตัวแทนบริษัทเกมหลายแห่งมาขอพบผม วันนี้เราจึงมารวมตัวกันเพื่อหาข้อสรุป ผมทราบว่าทุกท่านมาที่นี่เพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์เกมไม่ก็ขอเป็นตัวแทนในการจำหน่ายเกม ผมพูดถูกใช่ไหมครับ?"
หลังจากวิลเลียมพูดจบ นักเจรจาของทุกบริษัทก็พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไร ทุกวันนี้บริษัทต่างๆ ที่นั่งอยู่ในที่นี่ล้วนส่งคนมาหาวิลเลียม แต่วิลเลียมไม่เคยแสดงอาการตอบรับใดๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเกมนี้ แต่พวกเขาก็ไม่อยากเป็นถูกวิลเลียมเอาเปรียบเหมือนกัน ก่อนอื่นก็ขอฟังสิ่งที่วิลเลียมต้องการจะพูดเสียหน่อย
วิลเลียมกล่าวต่อไปว่า: "ถ้าอย่างนั้นท่านสุภาพบุรุษฯ ผมจะขอพูดถึงเงื่อนไขต่ำสุดที่ผมสามารถยอมรับได้ก่อนนะครับ หากมีข้อที่ขัดต่อการเกณฑ์ดั่งกล่าว โปรดเงียบเก็บความไม่พอใจไว้ก่อน รอให้ผมพูดจบก่อน"
ทุกคนมองหน้ากันพวกเขาทุกคนในที่นี้ต่างก็เป็นคู่แข่งกัน เกมนี้โด่งดังเป็นพุแตกได้ในเวลาไม่กี่วัน และบริษัทที่สามารถเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ต่างก็มองเกม Plants vs. Zombies ในแง่ดี ตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นนกตัวแรก เลยรอฟังเกี่ยวกับเงื่อนไขของวิลเลียมหากไม่มากเกินไป พวกเขาก็พร้อมจะตกลง
วิลเลียมคิดอย่างมีความสุขว่า ‘ดูเหมือนว่าคนพวกนี้ยังมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเกม Plants vs. Zombies โดยเฉพาะพวกตัวแทนเกมพวกเขาไม่ได้พวกผู้พัฒนาเกมแต่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเดียว ก็ย่อมแน่นอนว่าคงไม่ต้องการปล่อยเกมดีๆ เช่นนี้ไป’
เมื่อเห็นว่าไม่มีการคัดค้านวิลเลียมก็พยักหน้าและพูดว่า : "ขอบคุณครับ เรามาพูดถึงเอเจนซี่ก่อนราคาเอเจนซี่ที่ผมรับได้คือ 8 ปอนด์ต่อก็อปปี้ 8 ปอนด์ก็ประมาณ 13 ดอลลาร์ผมคิดว่า Plants vs. Zombies สามารถขายได้ในราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าราคาเกม EPS ในช่วงปลายปี 80 อยู่ที่ประมาณ 25 ดอลลาร์สหรัฐต่อก็อปปี้ ทุกท่านต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเกมเกือบทุกท่าน คงทราบกันดีว่าที่ผมพูดนั้นถูกต้องหรือไม่ อีกอย่างทุกท่านก็ทราบกันดีว่าราคาต้นทุนเกม 8 ปอนด์ต่อก็อปปี้ก็ถือว่าสมเหตุผลแล้ว หากทุกท่านยอมรับราคา 8 ปอนด์ต่อก็อปปี้ได้เราจะคุยกันต่อ
EA และ Ubisoft ไม่เคยสนพวกตัวแทน แต่พวกเขากังวลว่า บริษัทตัวแทนที่เหลือจะทำกำไรได้ก่อน แล้วสุดท้ายวิลเลียมจะไม่ขายเกมให้พวกเขาอีก แล้วพวกเขาจะมาเพื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่รีบพยักหน้าพลางตอบว่า: "ทางเราไม่มีปัญหาครับ ราคา 8 ปอนด์ต่อก็อปปี้ทางเรารับได้"
เหล่าบริษัทตัวแทนคิดกันอยู่พักหนึ่ง พวกเขาทุกคนที่มาถือเป็นเชี่ยวชาญในการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเกม พวกเขาทราบดีว่าวิลเลียมพูดถูกในสหรัฐไม่มีเกมไหนที่ราคาต่ำกว่า 20 ดอลลาร์
ตรองดูแล้วบริษัทเกมต่างๆ ที่มาก็เห็นด้วย ก็ดูที่บริษัทพวกเขาต้องทำสัญญากับบริษัทผู้ผลิตเกมรายอื่นสิเก็บพวกเขาโคตรแพงพวกเขานี่อย่างเกลียดเลย ‘ไอ้พวกนั้นควรไปลงนรกซะ แต่ละเกมโคตรแพง แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังจะปล้นตัวแทนพวกนั้นอยู่’
ผู้คนจาก Beststar กับบริษัทผลิตเกมใหญ่ส่วนใหญ่ต่างก็พยักหน้าตอบรับราคา
"ดีมากเลยครับที่ทุกคนสามารถยอมรับราคา 8 ปอนด์ได้ เพราะงั้นทางผมจะขอเสนอเงื่อนไขต่อไปเลยนะครับ
ผมมีซัพพลายเออร์ในการจัดจำหน่ายแผ่นเกมทั่วกรุงลอนดอนอยู่ที่ 150,000 ก็อปปี้ต่อเดือน ซึ่งผมไม่ได้ส่งเองแล้วครับ อย่างที่ทุกท่านน่าจะทราบอยู่แล้ว เพราะนี่คือเหตุผลที่ทำให้ทุกท่านกับผมมาเจอกันได้ ท่านอาจไม่รู้จักหุ้นส่วนคนที่สองของผมคนนี้ แต่ผมคิดว่าพวกท่านควรทราบกันเสียหน่อย"
วิลเลียมว่าแล้วก็หยุดมองไปที่ผู้ที่รับผิดชอบ ห้างคาร์ฟูร์เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับทีมเครือข่ายขายเกมของพวกเขา
กว่า 20 วันแล้วที่ผมได้เซ็นสัญญาอนุมัติให้ห้างคาร์ฟูร์มหาลัยสำหรับจำหน่ายเสื้อยืดหมวกและของใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ เขายังต้องเซ็นสัญญาเอาไว้แต่เนิ่นๆ ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เขาออกจะยินดีเสียด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เลยมอบอำนาจขายสินค้าลิขสิทธิ์จากเกมให้กับห้างคาร์ฟูร์กว่า 5 เขตเทศมณฑลทั่วกรุงลอนดอนในการผลิตภาพการ์ตูนของ Plants vs. Zombies ซึ่งพวกเขาจะได้รับอนุมัติตลอดช่วง 15 วันนับตั้งแต่เริ่มจำหน่ายของที่ว่ามีการใส่เรื่องราวตัวละครต่างๆ ใน Plants vs. Zombies ไปกว่า 120 ร้านค้าทั่วกรุงลอนดอนแล้วก็กำลังขยายไปกว่า 430,000 แห่งแล้ว
แต่ละร้านก็จะขายได้ประมาณ 3,600 ชิ้นในเวลาแค่ 15 วัน เฉลี่ยต่อวันก็ประมาณ 240 ชิ้น มูลค่าการซื้อขายประมาณ 6.45 ล้านปอนด์เฉลี่ยราคา 15 ปอนด์ต่อชิ้น
พอได้ยินข้อมูลที่วิลเลียมพูดนี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนในห้องประชุมรู้เรื่องนี้ ถ้าไม่นับสมาชิกในครอบครัว
พอได้ยินว่าใน 15 วันขายใน 5 เขตรอบๆ ลอนดอนพวกเขาขายพวกสินค้าลิขสิทธิ์ได้กว่า 6.45 ล้านปอนด์ แล้วหากเป็นตัวเกมล่ะจะสามารถขายได้เท่าไหร่ นี่มันอย่างกับเกิดไฟไหม้ลามทั่วทั้วโลกเลย พวกเขาตื่นเต้นกันใหญ่
พวกสินค้าลิขสิทธิ์พวกนี้ถือเป็นแหล่งเงินหลักของจริง ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกาเข้มงวดในการตรวจสอบลิขสิทธิ์กันมาก คดีที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ชัดเจนจะได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง
วิลเลียมรู้ว่าพรุ่งนี้จะมีบริษัทมาหาเขามากกว่านี้อีก
หลังจากที่ทุกคนสงบลงแล้ววิลเลียมก็พูดต่อว่า: "ดังนั้นผมคิดว่ามันคงไม่แปลกหากเกมนี้จะสามารถขายได้ขั้นต่ำ 1 ล้านชุดนี่นับเฉพาะโซนยุโรปนะครับ อันที่จริงผมคิดว่าน่าจะขายได้เกิน 3 ล้านชุดในหนึ่งปีหรือสองปีด้วยซ้ำ ในเมื่อเกมมันดังเสียขนาดนี้"
ตอนนี้การแสดงออกของทุกคนที่นี้เริ่มดูซีเรียสหนัก พวกเขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับค่าประมาณในใจ ก็มีอีกสองสามคนที่คาดการณ์มากกว่านี้เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คิดว่ามันน่าจะขายได้หลายแสนชุดเท่านั้น
เพราะต่อให้มีเกมดีๆ มากมายในปี 2000 ก็ยังไม่เคยมีเกมอย่าง Plants vs. Zombies ที่สามารถทำให้ทั้งผู้สูงอายุ เด็กและผู้ใหญ่สนใจเกมแบบนี้ได้ ต้องเข้าใจด้วยว่าในโลกเดิมของวิลเลียมมีการดาวน์โหลดเกม Plants vs. Zombies มากกว่า 25 ล้านครั้ง
วิลเลียมกล่าวต่อไปว่า: "นับแค่สหรัฐก็สามารถขายได้ประมาณ 2 ล้านชุด เพราะฉะนั้นกับประเทศอื่นๆ รวมๆ กันก็สามารถประมาณการณ์ไว้ที่ 2 ล้านชุดภายในปีเดียว
ท่านสุภาพบุรุษครับ โปรดคำนึงด้วยว่าเกมที่สามารถขายได้มากกว่า 7 ล้านชุดขึ้นไปดูสิ มูลค่าการตลาดของเกมนี้สร้างความมั่งคั่งให้ทุกท่านได้มากมายแค่ไหนกัน"
"เชี่ย นี่จะมันแค่สร้างความมั่งคั่งให้กับคุณเท่านั้นแหละ" ทุกคนแหกปากลั่นในใจ
========================