ตอนที่ 31 โหมโรงวัฒนธรรม
“เขียนตอนจบได้น่าเศร้าจริงๆ!”
ดยุคแห่งกระดูกนั่งด้วยความโกรธที่โต๊ะยาวในห้องโถง ขณะที่นางมองโจชัวที่กำลังยุ่งอยู่กับการตัดต่อ
ดยุคแห่งกระดูกควรโกรธมนุษย์ที่น่ารังเกียจเหล่านั้นที่บุกเข้ามาในดินแดนของนาง แต่ไม่ใช่ นางกลับดูตัวอย่าง"โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" ที่สมบูรณ์ มีดวงไฟเล็ก ๆ สองก้อนไหลออกมาจากเบ้าตาที่ว่างเปล่าของนาง และนางก็รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้นานเกินไป เพราะดยุคแห่งกระดูกจำได้ว่าคนเขียนบทนั่งอยู่ข้างๆนาง! ดังนั้นดยุคจึงรีบหันไปมองเขาด้วยสายตาอาฆาต
“ท่านหญิง ถ้าท่านไม่พอใจกับเรื่องราว ท่านสามารถเขียนบทใหม่เพื่อให้มันจบลงอย่างมีความสุข”
โจชัวถือดินสอถ่านของเขาวาดรูปทรงกลม ขณะตอบดยุคโดยไม่เงยหน้าขึ้น
“ฝ่าบาท ท่านหมายถึง ข้าเปลี่ยนตอนจบได้อย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรของดยุคแห่งกระดูกดูเหมือนจะบ่งบอกว่าถ้าโจชัวไม่ยอมนาง นางจะแก้ไขตอนจบด้วยการบังคับเขา
“สิ่งที่ข้าหมายถึงคือท่านสามารถเขียนเรื่องราวที่ท่านต้องการ โดยใช้เรื่องราวนี้เป็นแม่แบบ ใคร ๆ ก็ทำได้”
วิธีการสร้างของโจชัวเรียกว่าการดัดแปลง ในแง่ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นก็จะเรียกว่าแฟนฟิกชัน
ภาพยนตร์“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ที่เห็นในยุคต่อมาล้วนดัดแปลงจากต้นฉบับ ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์หรือเวอร์ชันฝรั่งเศส ทั้งหมดเป็นการดัดแปลงภาพยนตร์แทนที่จะเป็นงานต้นฉบับ และโจชัวก็เช่นกัน
โจชัวไม่ได้ต่อต้านผู้คนในโลกนี้ที่ปรับเปลี่ยน "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" จริงๆแล้วเขาให้กำลังใจเสียด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะการดัดแปลงหลาย ๆ ครั้งจะทำให้เรื่องแพร่กระจายไปได้กว้างไกล ...
โจชัวมีคำขอเพียงข้อเดียวที่ให้บุคคลใดก็ตามที่ดัดแปลงผลงาน ขอให้ให้เครดิตผู้แต่งต้นฉบับ ฌานน์-มารี เลอแปรงซ์ เดอ โบมง(Jeanne-Marie Leprince de Beaumont) โบมงเป็นผู้ประพันธ์ต้นฉบับเรื่อง“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” นักเขียนหญิงชาวฝรั่งเศส
มันเป็นความต้องการของโจชัวสำหรับตัวเขาเองด้วย เขาไม่เคยวางแผนที่จะอ้างว่าผลงานเป็นของตัวเองในโลกนี้ ท้ายที่สุดโจชัวอยู่ที่นี่เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของโลก ไม่ใช่เพื่อลอกเลียนแบบ
ในฐานะผู้เผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีนั่นคือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่สุด
“ข้ายังไม่อยากทำให้ตัวเองอับอาย”
ดยุคแห่งกระดูกครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่นางจะล้มเลิกความคิด นางไม่มีความคิดสร้างสรรค์ใด ๆ
“ในกรณีนี้ ท่านหญิง…บอกชื่อนามสกุลของท่านกับข้าได้ไหม?”
โจชัวหยุดการเขียนชั่วคราว นับตั้งแต่ที่เขาทำพันธสัญญากับดยุคแห่งกระดูก โจชัวรู้เพียงชื่อของดยุค แต่ไม่ใช่ชื่อสกุลของนาง
“ฝ่าบาทถามอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”
“ข้าอยากจะบอกผู้ชมที่ฟังเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าใครคือศิลปินคนนั้น”
โจชัวทำให้กระดาษแผ่นยาวเป็นสีดำสนิทก่อนที่เขาจะเขียนรายชื่อนักแสดงด้วยสีขาว คนแรกในรายชื่อคือมิสซิสโบมอนต์ ส่วนคนที่สองคืออินอร์ที่รับบทเป็นเบลล์ และซีนาร์ทที่รับบทเจ้าชาย แม้แต่ชื่อของผีที่เล่นเป็นเฟอร์นิเจอร์มีชีวิตก็รวมอยู่ด้วย ชาวบ้านสองสามคนที่ออกกล้อง และซิริ ลอยด์ ด้วย
“สกุลของข้าไม่สำคัญ แค่เจ้าเขียนชื่อของข้า ข้าก็พอใจแล้ว”
ดยุคแห่งกระดูกดูเหมือนจะไม่พอใจนามสกุลของนาง เมื่อนางร้องขอ โจชัวจึงเขียนชื่อที่นางตั้งให้เท่านั้น “ดนตรี: เซโลนิก้า”
ชื่อชุดสุดท้ายคือชื่อโจชัว ผู้กำกับ นักวางแผน นักเขียนบท ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ กล้อง การตัดต่อและอื่นๆ คือโจชัว แอนเนอร์ลาวด์
หลังจากใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างภาพยนตร์ โจชัวจึงไม่อายที่จะให้เครดิตตัวเอง
หลังจากที่เขาเขียนเครดิตเสร็จแล้ว ก็ทำฉากเปิดตัวต่อ
ฉากเปิดตัวไม่มีอะไรมากไปกว่าการอวดโลโก้ของสตูดิโอ โจชัวครุ่นคิดสักพักก่อนที่เขาจะวาดโลโก้ของโลกลงบนกระดาษในที่สุด ก่อนที่เขาจะเขียนว่า“Production of Studio Earth” ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
แม้ว่ามันอาจจะดูงี่เง่าเล็กน้อย แต่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่หมุนวนคือโลโก้ที่โจชัวจะใช้ในอนาคต ท้ายที่สุดภาพยนตร์และนวนิยายเหล่านี้ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากโลก
การหมุนนั้นทำจากแอนิเมชั่น เนื่องจากโจชัวยังไม่ทราบวิธีแทรกรูปภาพลงในโปรแกรมที่เขาเขียน
“และ…เสร็จแล้ว”
หลังจากโจชัวทำเสร็จ เขาก็บันทึกลงในผลึกออริจินัม โดยประกาศว่าผลิตภัณฑ์สุดท้ายของ“ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร: ได้รับการผลิตสำเร็จแล้ว
“ท่านหญิงนี่คือของที่ระลึกสำหรับท่าน”
โจชัวหยิบผลึกออริจินัมที่ว่างเปล่าออกมา และทำสำเนาก่อนที่เขาจะมอบให้กับดยุคแห่งกระดูก
กระบวนการถ่ายทำทั้งหมดใช้ผลึกออริจินัมประมาณร้อยชิ้น หลังจากเรียนรู้เวทย์ขาวที่ซิริสอนแล้ว โจชัวก็สามารถนำผลึกกลับมาใช้ใหม่ได้ และจริงๆแล้วก็ไม่ได้ใช้ไปทั้งหมด
“ฝ่าบาทเจ้าวางแผนที่จะฉายการสิ่งนี้ในอาณาจักรมนุษย์ต่อไปหรือไม่?”
ดยุคแห่งกระดูกรับผลึกออริจินัมมาจากโจชัว นางเคยได้ยินเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของโจชัวมาระยะหนึ่งแล้ว โจชัวจะไม่หยุดเพียงแค่ให้คนหนึ่งหรือสองคนดูหนัง ความทะเยอทะยานของเขาคือคนทั้งโลก!”
“แน่นอนว่าที่แรกคือนอร์แลนด์เมืองแห่งเวทย์มนตร์” โจชัวกล่าว
เกี่ยวกับตำแหน่งที่แน่นอนของการฉายโจชัวยังไม่ได้คิด เมื่อถึงเวลาเขาจะถามซิริเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดนางรู้จักอาณาจักรมนุษย์ดีกว่าเขา
ทันใดนั้นผีก็ลอยมาที่ด้านข้างของโจชัว เขาเป็นพ่อบ้านของดยุคแห่งกระดูกที่รับบทเป็นถ้วยน้ำชาในภาพยนตร์
พ่อบ้านวางตราบนโต๊ะข้างมือของโจชัวก่อนที่เขาจะหายตัวไป
โจชัวหยิบตราที่สลักไว้อย่างวิจิตรบรรจง มันถูกทำเป็นลายดอกไม้ และภายในตรานั้นมีเวทย์มนตร์ที่ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้
พื้นผิวของตรานั้นดูเหมือนว่ามันมีอายุพอสมควรเนื่องจากมีรอยสึกกร่อนมากมาย
"นี่คือ…"
“บางสิ่งบางอย่างที่มีมาเนิ่นนานซึ่งไร้ประโยชน์สำหรับข้า ฝ่าบาท ท่านสามารถรับตรานี้ และขอความช่วยเหลือจากตระกูลดัลค์ได้ ถ้าข้าไม่ผิดครอบครัวนี้น่าจะอยู่ในธุรกิจโรงละคร”ดยุคแห่งกระดูกกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
ตราที่ดยุคแห่งกระดูกมอบให้จะเปิดประตูใหม่ให้กับโจชัวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่โจชัวไม่ได้ถามอะไรมากเพราะดยุคดูเหมือนจะไม่พอใจนามสกุลของนางมากจนต้องมีอดีตที่นางไม่อยากพูดถึง
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะลาไปตอนนี้เลย ท่านหญิงเมื่อข้ามาเยี่ยมครั้งต่อไป แสดงว่าข้ามาร่วมดูท่านแสดงในโรงละครอย่างแน่นอน นี่คือโน้ตเพลงที่ข้ารวบรวมไว้”
โจชัวเก็บข้าวของบนโต๊ะก่อนที่เขาจะส่งต่อโน้ตดนตรีมากมายให้กับดยุคแห่งกระดูก ในนั้นมีผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักดนตรีจากโลก
“การแสดง…ข้าไม่คาดหวังว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จะเกิดขึ้น แต่ฝ่าบาท…หากท่านถ่ายหนังเรื่องต่อไปเสร็จแล้วโปรดส่งมาให้ข้าล่วงหน้าด้วย”
ดูเหมือนว่าดยุคแห่งกระดูกจะเจอของมีค่าที่โจชัวมอบให้นางก่อนที่นางจะตอบกลับเขา
ตอนนี้นางติดหนังแล้วหรือเปล่า? ความบันเทิงดังกล่าวเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับคนที่อยู่อาศัยในโลกนี้
"แน่นอน"
หลังจากรับคำขอแล้ว โจชัวก็หยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมา และเดินขึ้นไปที่ประตูปราสาทของดยุค
ซิริรออยู่ข้างนอกปราสาทนานแล้ว
“เรากำลังจะกลับไปที่โลกมนุษย์ ตื่นเต้นไหม?” โจชัวเดินลงบันไดไปหาซิริ แล้วถาม
“กลับไปที่โลกมนุษย์? เดี๋ยวก่อน…ลืมไปก่อน เร็วเข้ามาเล่นเกมป็องกับข้า!”
ซิริขว้างถุงมือใส่โจชัวนับตั้งแต่การถ่ายทำเสร็จสิ้น ซิริได้ไปประลองป็องกับโจชัว แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือนางพ่ายแพ้ให้กับโจชัวสิบเกมรวด
นั่นปลุกกระแสการแข่งขันของซิริอย่างสมบูรณ์
“เจ้ารอจนกว่าเราจะขึ้นรถม้าได้ไหม?”
“ได้!”
เดิมทีโจชัวคิดว่ามูลค่าการเล่นเกมซ้ำ ๆ นั้นไม่น่าสนใจ มันไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสีย ท้ายที่สุดด้วยผลงานชิ้นเอกสามชิ้นที่กลับมาบนโลก โจชัวรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยในด้านสุนทรียศาสตร์
อย่างไรก็ตามสาระสำคัญของวิดีโอเกมคือการมอบความสุขและความสนุกสนานให้กับผู้เล่น และป็องดูเหมือนจะนำความสนุกมาสู่ซิริอย่างมาก
ซิริรีบวิ่งเข้าไปในรถม้าที่ซีนาร์ทขับ ก่อนจะตบเบาะส่งสัญญาณให้โจชัวขึ้นมาเร็ๆๆ
โจชัวมองเห็นเลยว่าซิริจะกลายเป็นอย่างไร เมื่อยุคของอินเทอร์เน็ตมาถึง
เขาไม่คิดว่าจะอีกไกล เนื่องจากเขาได้ถีบประตูแห่งยุคที่เปิดกว้างอย่างไร้ความปราณี