ตอนที่ 25 ปรมาจารย์ค่ายกล
เมื่อเห็นว่าตาแก่ลังเล จั๋วฝานก็ยิ้ม“เดาว่าข้าคงต้องยอมขาดทุนและให้ข้อมูลกับท่าน”
“ฮึ่ม อะไรที่เจ้ารู้ ศาลาเฉียนหลงจะไม่รู้ได้อย่างไร?”หลงขุ่ยเชิดหน้าด้วยความดูถูก
จั๋วฝานยิ้ม“ข้าได้ยินว่าศาลาเฉียนหลงมีอำนาจไร้ขอบเขต แต่แมวก็มีทางของแมว หนูก็มีทางของหนู สิ่งที่ข้ารู้ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะรู้”
หลงขุ่ยยิ้มอย่างไม่เชื่อ หลงเจี๋ยส่ายหัว แต่หลงจิ่วกลับจับจ้องจั๋วฝาน
หลงจิ่วไม่สนใจใครอื่น แต่กลับเป็นกังวลต่อจั๋วฝาน ผู้ทำให้พวกเขาตกใจมามาก เขาเริ่มให้ความสำคัญกับชายหนุ่มตรงหน้า
“ว่ามา!’
จั๋วฝานแสยะยิ้ม“ท่านรู้หรือไม่ว่าคนของโหยวหมิงกู่มาถึงที่นี่แล้ว?”
“ว่าไงนะ?”
หลงจิ่วตะโกนด้วยความตกใจ
ตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิ อาณาเขตของเจ็ดตระกูลใหญ่ก็ชัดเจน เมืองเนตรสายลมคือถิ่นขศาลาเฉียนหลง ไม่มีตระกูลใดได้รับอนุญาตให้ตั้งสาขาที่นี่ ไม่งั้นจะต้องเกิดสงคราม
แน่นอน ศิษยืพวกเขาคือข้อยกเว้น มันสามารถเห็นได้จากการที่ศาลาเฉียนหลงเมินเฉยการมาของโหยวเฉวียน แต่ทว่า นี่ไม่รวมถึงผู้อาวุโส
จั๋วฝานรู้เรื่องนี้จากลั่วหยุนชางและก็ไปตรวจสอบมา ตามคาด จากสีหน้า พวกเขาไม่รู้ว่าชายชราหัวล้านได้มาถึงที่นี่แล้ว
“เป็นไปไม่ได้ เราสอดส่องทั่วเมืองเนตรฟ้า ไม่มีใครสามารถเล็ดรอดสายตาเราไปได้”หลงเจี๋ยส่ายหัว
“ฮึ่ม อย่าไปฟังเขา เขาแค่อยากขู่ให้เรากลัว”หลงขุ่ยจ้องจั๋วฝาน
หลงจิ่วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เจ้ามีหลักฐานอะไร?”
จั๋วฝานยิ้ม“ไม่มี”
“งั้นมันก็แค่ลมปาก”หลงขุ่ยพูดอย่างไม่พอใจ
จั๋วฝานหัวเราะ“แต่รูปลักษณ์ของเขาคือชายชราหัวล้าน โดยมีไช่หรงกับผู้นำตระกูลซุนเรียกเขาว่าผู้อาวุโสเจี้ยน!”
“นกแร้ง เจี้ยนฝาน?”
ตาข้างเดียวของหลงจิ่วระเบิดพลังออกมา มันรุนแรงจนไม่มีใครรอบตัวเขาสามารถหายใจได้ และต้องก้าวถอยหลังหลบออกไป
หลังจากนั้นสักพักเขาถึงสงบสติลง
จั๋วฝานกุมหัวใจอย่างสั่นเทา พลังของหลงจิ่วเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรงจนเขายังตกใจ
“ปู่จิ่ว ท่านเคยเจอกับตาแก่นั่นงั้นเหรอ?”จั๋วฝานหยั่งเชิง
“ไม่ใช่แค่เคยเจอ...แต่ตาแก่นั่นคือคนที่ทำลายตาเทพของลุงจิ่ว”หลงเจี๋ยอธิบาย
จั๋วฝานยินดี[ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีเรื่องบาดหมาง แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับเป็นถึงศัตรูคู่อาฆาตกัน ช่างเหมาะสมเสียจริง]
“ลุงจิ่ว ใจเย็นๆ!”จั๋วฝานเปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงแสดงความเห็นใจปลอมๆ
ดวงตาของหลงจิ่วทอประกายเย็นชา“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าพูดถึงรูปลักษณ์เขา ข้าก็จะเชื่อเจ้า เจ้าสามารถไปบ้านพักห่างจากที่นี่ร้อยหลาได้”
“ขอบคุณ ปู่จิ่ว!”จั๋วฝานประสานมือแล้วเดินไปกับหัวหน้าผาง
แต่หลังเดินไปไม่กี่ก้าว หลงจิ่วก็พูดเสียงเย็น“เจ้าหนู ตาแก่นั่นอยู่ไหน?”
จั๋วฝานหยุดเท้า“ตระกูลไช่ แต่ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในตระกูลซุนซะมากกว่า”
“เข้าใจแล้ว!”หลงจิ่วพยักหน้า กระดูกในหมัดของเขาส่งเสียงปริแตก เมื่อจั๋วฝานหายไปจากสายตา เขาก็พูด“อาเจี๋ย รายงานมันกับตระกูลให้พวกเขาส่งผู้อาวุโสมาเพิ่ม ข้าจะไม่ปล่อยให้เจี้ยนฝานออกจากที่แห่งนี้ไปแบบเป็นๆ นอกจากนี้ อยู่ที่นี่คอยดูแลตระกูลลั่ว ข้าไม่อยากให้พวกเขาทำอะไรที่อาจทำให้เจี้ยนฝานตกใจหนี”
“ลุงจิ่ว เขาคือผู้อาวุโสโหยวหมิงกู่ ถ้าเขาตายที่นี่ มันจะกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลเรา”หลงเจี๋ยแสดงความกังวล
“ฮึ่ม ไม่ใช่ว่าเขาคือคนที่ไม่ทำตามกฏและลอบเข้าอาณาเขตเราหรือไร?ถ้าข้าปล่อยเขาไป ข้าคงไม่สามารถระบายความแค้นที่เขาพรากดวงตาของข้าไปได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลงเจี๋ยกับหลงขุ่ยก็ถอนหายใจพร้อมเดินจากไป ถึงแม้จะจากไปแล้ว พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าของหลงจิ่ว…
เช้าวันต่อมา จั๋วฝานพาสองพี่น้องกับหัวหน้าผางไปบ้านใหม่พวกเขา นี่คือที่ที่ศาลาเฉียนหลงใช้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ มันใหญ่กว่าเรือนรับรองที่พวกเขาเคยใช้ มันเป็นสถานที่ที่ดีสุดในเมือง
ในเวลาอันสั้น ตระกูลลั่วได้เป็นที่พูดคุยของทั้งเมืองเรื่องที่พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของศาลาเฉียนหลง ทุกคนรู้ว่าศาลาเฉียนหลงสนับสนุนพวกเขา ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ได้อยู่ในบ้านพักตระกูลหลง
ตระกูลไช่กับตระกูลซุนดีใจที่ไม่รับงานของผู้อาวุโสเจี้ยน จากสถานการณ์วันนี้ มันเห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่ทำร้ายตระกูลลั่วจะต้องเจอกับความพิโรธของศาลาเฉียนหลง
เช่นเดียวกันนั้น วินาทีที่ตระกูลลั่วก้าวเข้าบ้านใหม่พวกเขา มันก็ถูกประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเนตรสายลม พวกเขาอยู่เหนือแม้กระทั่งตระกูลไช่กับตระกูลซุน แม้จะเป็นตระกูลเล็กๆสี่คน
“เราจะอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
ลั่วหยุนชางเข้ามาเป็นคนแรก นางตกใจกับบรรยากาศโอ่อ่าของสถานที่ รวมถึงทหารจำนวนมากรอบตัว ทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญกลั่นลมปราณ แถมยังมีทหารชุดเกราะทองอีกยี่สิบคนคอยเฝ้าระวัง พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูก
ทหารเช่นนี้สามารถเห็นได้ในเจ็ดตระกูลใหญ่เท่านั้น
ลั่วหยุนไห่กับหัวหน้าผางตะลึง หัวหน้าผางนั้นหวาดกลัวกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่ลั่วหยุนไห่อยากรู้อยากเห็น
“เฒ่าผาง เมื่อตระกูลลั่วฟื้นตัว เจ้าคิดยังไงกบัการเป็นผู้นำของกลุ่มเช่นนี้”จั๋วฝานตบไหล่เขา
หัวหน้าผางส่ายหัว“ผู้คุ้มกันที่นี่ทุกคนต่างแข็งแกร่งกว่าข้า มันคงดีถ้าข้าแกร่งได้เท่าพวกเขา แต่ข้าไม่กล้าเป็นผู้นำเขาหรอก”
แม้จะพูดอย่างนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความหวัง
จั๋วฝานหัวเราะ“วันนั้นจะมาถึง”
แต่เสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังขึ้น“คุณชายจั๋ว ท่านไม่เพียงโกหกคนอื่นแต่ยังโกหกพวกตัวเองด้วย พ่อบ้านอย่างเจ้าคงมีดีแค่ปาก”
หลายคนหันไปมอง เห็นหลงเจี๋ยกับหลงขุ่ยเดินมา
นับตั้งแต่นางตระหนักว่าจั๋วฝานหลอกใช้ศาลาเฉียนหลง นางเสียความเป็นมิตรทั้งหมดกับจั๋วฝาน“ด้วยพรสวรรค์ของหัวหน้าผาง เขาคงเป็นได้แค่กลั่นลมปราณขั้นหก คนแบบนี้เป็นได้แค่ทหารทั่วไปให้เรา ไม่ใช่ระดับหัวหน้า ข้าขอแนะนำให้ตระกูลเล็กๆอย่างเจ้าอย่าคิดฝันอะไรแบบนั้น”
ลั่วหยุนชางกับหัวหน้าผางเศร้าใจ ขณะที่จั๋วฝานหน้าตึง
“แม่นางหลงขุ่ย อย่างคำพูดที่พูดกัน อย่าดูถูกคนที่สิ้นหวัง คำพูดของเจ้ารุนแรงเกินไป”
“ฮึ่ม ข้าไปดูถูกตอนไหน?นั่นคือความจริง มันเป็นได้แค่ฝัน ทุกตระกูลที่รุ่งโรจน์ได้สร้างเส้นทางพวกเขามานับพันปีกว่าจะถึงจุดสูงสุด อย่าคิดว่าเจ้าจะพึ่งพาไหวพริบของเจ้าเพื่ออยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาลาเฉียนหลงไปได้ตลอด ในสายตาข้า เมืองเนตรสายลมแค่เม็ดทราย ต่อให้เจ้าเป็นราชาหรือจักรพรรดิที่นี่ เจ้าก็เป็นได้แค่กบก้นบ่อ ไม่เคยได้มองโลกกว้าง…”
เมื่อได้ยินนางพูดพล่ามไม่หยุด จั๋วฝานก็หัวเราะ
[ไม่เคยได้มองโลกกว้าง?กบก้นบ่อ?ถ้าทุกอย่างดำเนินอย่างที่ควรเป็น จักรพรรดิปีศาจอย่างข้าคงไม่ตกลงมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์] ในสายตาข้า มันคือจักรวรรดิเทียนหวี่ที่ต่ำต้อย ไม่ต้องพูดถึงศาลาเฉียนหลง
“จั๋วฝาน+ง
เมื่อเห็นเขาโกรธ ลั่งหยุนชางก็ดึงมือเขา พวกเขาไม่ควรยั่วโมโหผู้พิทักษ์ตัวเอง
หลงเจี๋ยรู้สึกว่าหลงขุ่ยข้ามเส้นและส่ายหัวหลังละความสนใจจากนาง
“คุณหนู ขอข้ายืมหินลมปราณหน่อย”จั๋วฝานพูดเสียงเย็น
ลั่วหยุนชางตกใจ นางไม่รู้ว่าเขาอยากทำอะไรแต่ก็มอบแหวนให้ตามที่เขาขอ
จั๋วฝานกระโดดขึ้นไปบนจุดสูงสุดของบ้าน กวาดมองทั่ว
“เห้ย นี่ไม่ใช่บ้านเจ้า ลงมานะ!”หลงขุ่ยร้อง
โดยไม่สนใจนาง จั๋วฝานพูด“ค่ายกลมังกรขดระดับสาม”
หลงขุ่ยกับหลงเจี๋ยตกใจ สิ่งที่จั๋วฝานพูดคือค่ายกลที่หลงจิ่วตั้งไว้ในสถานที่นี้ แต่เด็กนี่กลับมองออกในแวบเดียว
แต่ก่อนความตกใจจะหายไป จั๋วฝานก็กระโดด กระจายหินปราณรอบตัวเขาจากแหวน ในเวลา 15 นาที หินปราณเกือบหมื่นก้อนก็ฝังอยู่ในลาน
เมื่อจั๋วฝานลงถึงพื้น หลงขุ่ยก็ถาม“เจ้าจะทำอะไร?”
จั๋วฝานเริ่มประสานมือ
ในชั่วพริบตา พื้นก็สั่นสะเทือน เสียงมังกรคำรามดังก้อง ตามด้วยมังกรทองเก้าตัวที่พุ่งขึ้นจากพื้น
มังกรกระจายไปทั่วท้องฟ้าเหนือเมืองเนตรสายลม
ผู้อาวุโสเจี้ยน ผู้อยู่ในห้องลับของตระกูลซุนพลันลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ“ฝีมือใครกัน?ตาแก่นั่น?ไม่ เขาไม่มีความสามารถมากขนาดนั้น”
ในศาลาเฉียนหลง หลงจิ่วหยุดชะงักเท้าด้วยความประหลาดใจ“นั่นคือค่ายกลมังกรขดของข้า?ไม่ ค่ายกลของข้าไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น”
บนภูเขาลมดำ คนหนุ่มหน้าตาชั่วร้ายหันไปมองทางเมืองเนตรสายลมด้วยคิ้วที่ขมวด“เกิดอะไรขึ้นในเมือง?แผนถูกเร่งขึ้น?”
แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัว’ไม่ ผู้อาวุโสเจี้ยนไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”
สายตาของทุกคนหันไปมองแสงแปลกๆนี้ หลังผ่านไป 15 นาที การประสานมือของจั๋วฝานก็เปลี่ยนไปและมังกรทองเก้าตัวก็กลับสู่พื้นของลาน
ในไม่ช้า แสงสีทองก็สาดส่องไปทั่ว
“จะ-เจ้าทำอะไร?”หลงขุ่ยพูดตะกุกตะกัก
จั๋วฝานไม่สนใจนางอีกครั้ง แสดงความเคารพอย่างสุดซึ้งขณะมอบแหวนให้ลั่วหยุนชาง“คุณหนู ข้าสังเกตว่าค่ายกลมังกรขดระดับสามไม่แข็งแกร่งพอจะป้องกันคุณหนู เช่นนั้น ข้าจึงตั้งค่ายกลเก้ามังกรขดสวรรค์ระดับห้า ข้าใช้หินปราณไปเยอะ โปรดลงโทษข้า คุณหนู”
อะ-อะไรนะ?!
หลงเจี๋ยกัลหลงขุ่ยหน้าชา
มีคนแค่หยิบมือเดียวที่สามารถตั้งค่ายกลระดับห้าได้ในจักรวรรดิเทียนหวี่ แม้แต่เจ็ดตระกูลใหญ่ก็ไม่มีคนแบบนี้ แต่เด็กนี่กลับทำได้ง่ายๆ
เขาเป็นผู้ใช้ค่ายกลระดับห้า?
ลั่วหยุนชางรู้ว่าจั๋วฝานจงใจทำเพื่อให้ตระกูลหลงอับอาย จากนั้นก็โยนให้นาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเขาอ่อนแรงแบบนี้ มันเป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะกับการกำหนดสถานะของนางในฐานะคุณหนูของเขา
ลั่วหยุนชางยิ้มอยู่ข้างในแต่ใบหน้ากลับแข็งกระด้าง“พ่อบ้านจั๋ว ข้าควรลงโทษเจ้าที่เอาหินปราณไปใช้มากขนาดนี้ แต่ข้าจะไม่ตำหนิเพราะเจ้าทำมันเพื่อเรา ไปกันเถอะ”
อะไร?ลงโทษ?แม้กระทั่งเจ็ดตระกูลใหญ่ก็ไม่กล้าตำหนิตัวตนที่สูงส่งแบบนี้
หลงขุ่ยดูราวกับมีก้อนหินติดในลำคอ
ไม่ช้า จั๋วฝานก็พาลั่วหยุนไห่เข้าไปข้างในพร้อมส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา
มีแค่หลงเจี๋ยกัลหลงขุ่ยถึงยืนนิ่งด้วยความสับสน
พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญกลั่นลมปราณขั้นสองอย่างจั๋วฝานจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้า
ตระกูลไร้ชื่อจะไปมีคนมากพรสวรรค์แบบนี้ได้ไง...