ตอนที่ 23 สมคบคิด
“ไสหัวออกไป!’
ในคืนเงียบสงัด จั๋วฝานพยายามอย่างหนักที่จะขับเลือดออกจากหน้าอก ขณะนั่งบนเตียง ลั่วหยุนชางอยากช่วยเขาแต่จั๋วฝานกลับผลักไล่ไสส่งนาง
แม้จะชนะโหยวเฉวียน ชัยชนะของเขาก็ไม่ได้หอมหวาน
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลอบโจมตี การต่อสู้คงเป็นฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับผู้บ่มเพาะปีศาจ แต่เขากลับรู้สึกถึงความไร้อำนาจอย่างสุดซึ้งจากการต่อสู้วันนี้
แม้พวกเขาจะห่างกันสี่ขั้น เขาก็เชื่อว่าตัวเองคือจักรพรรดิปีศาจ ผู้แม้แต่เด็กก็ยังต้องฉี่ราดเมื่อได้ยินชื่อ
แต่ความจริงกลับแสดงว่าไม่เพียงเขาจะไม่ชนะ แต่เขายังเสียเปรียบในการต่อสู้ เขาต้องอาศัยอุบายล่อให้ศาลาเฉียนหลงออกมา และฆ่าศัตรูทีเผลอ ขณะหาทางออกให้ตระกูลลั่ว
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่มันยังไม่ทิ้งรสชาติดีไว้ในปาก
“อ่อนแอเกินไป..”
เพื่อกำจัดปัญหาของพวกเขากับตระกูลไช่และตระกูลซุน พวกเขาจึงยุ่งกับความขัดแย้งของเจ็ดตระกูลใหญ่ มันเป็นการแลกเปลี่ยนยาพิษตัวหนึ่งเป็นอีกตัว ตอนนี้ทุกอย่างเงียบ แต่ไม่ช้าพวกเขาต้องเจอกับท่อนฮุคของบทเพลง
แต่ ด้วยพลังของเขา เขายังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับตระกูลลั่ว
“ข้าต้องรีบแข็งแกร่งขึ้น!”
จั๋วฝานกัดฟัน แสดงท่าทางแปลกๆขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีแดงน่าขนลุก
ตอนนี้ ไช่เซียวถิงกำลังนั่งสมาธิในห้อง แต่จู่ๆก็พลันปวดท้องจนใบหน้าบิดเบี้ยว เม็ดเหงื่อไหลหยดบนหน้าผากของเขา และไม่ช้าเขาก็หมดสติ
แสงสีเลือดพุ่งออกจากหน้าท้องเขา และทารกขนาดเท่าฝ่ามือก็โผล่ออกมา
มันคือทารกโลหิตของจั๋วฝาน
ขณะที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ไช่ จั๋วฝานได้แทรกทารกโลหิตไปในตัวไช่เซียวถิง เพื่อควบคุมไช่หรง เพราะการเคลื่อนไหวของเขาเร็วเกินไป จึงไม่มีใครเห็น และภายใต้การคุกคามชีวิตของลูกชาย ไช่หรงจึงปล่อยตระกูลลั่วไป
ต้องขอบคุณทารกโลหิตในตัวไช่เซียวถิง จั๋วฝานถึงจับตาดูเรื่องราวได้ เขาจำได้รับคำเตือนล่วงหน้าถึงแผนการใดที่อาจเกิด
แต่ตอนนี้ การสอดแนมตระกูลไช่หมดคุณค่าแล้ว
ทารกโลหิตเห็นไช่เซียวถิงหมดสติและส่งเสียงหัวเราะเยาะของจั๋วฝาน“ฮึ่ม ข้าจะไม่เอาชีวิตเจ้าเพื่อให้เจ้าได้เห็นถึงการล่มสลายของตระกูลไช่”
จากนั้นทารกโลหิตก็เปลี่ยนเป็นแสงสีแดง บินออกไป
ในสวนมืดมิด ผู้คุ้มกันตระกูลไช่กำลังลาดตระเวน แต่แสงสีแดงก็พลันบินเข้าตัวเขา เขาไม่สามารถเปล่งเสียงได้ขณะที่ร่างกายสั่นกระตุก ไม่ช้าเขาก็หดตัวและลมเบาบางก็สลายเขาเป็นฝุ่น ทิ้งแสงสีแดงไว้เบื้องหลัง
ด้วยลักษณะนี้ ผู้คุ้มกันกว่าสามสิบคนจึงหายตัวไปจากตระกูลไช่
ในโรงเตี๊ยม จั๋วฝานได้ส่งทารกโลหิตไปหาเหยื่อรายต่อไปต่อ
เขากับทารกโลหิตเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อทารกโลหิตเข้าตัวผู้บ่มเพาะ เขาจะใช้เคล็ดปีศาจแปลงกายเพื่อดูดซับแก่นเลือดกับปราณของคนมาไว้ใช้กลั่นทีหลัง
เขาไม่วางแผนใช้ทารกโลหิตเร็วขนาดนี้ แต่เขาต้องรักษาหัวใจเขา ดังนั้นเขาจึงใช้มันลดจำนวนคนของตระกูลไช่ไปเลยทีเดียว
ทารกโลหิตไปถึงระดับกลั่นปราณอยา่งรวดเร็วและแแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูกก็ยังสู้กับมันได้ลำบาก สำหรับศัตรูระดับกลั่นปราณ ทุกคนจะโดนมันฆ่าในชั่วพริบตา
ถ้าจั๋วฝานมีทารกโลหิตตอนสู้กับโหยวเฉวียน เขาคงชนะได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแผนร้าย
เขาถอนหายใจขณะคิดว่าทารกโลหิตกับเคล็ดปีศาจแปลงกายนั้นเป็นอะไรที่ลงตัวกันอย่างมาก
การเลี้ยงดูทารกโลหิตยากมาก และแม้กระทั่งปรมาจารย์ปีศาจโลหิตก็ยังเลี้ยงมันได้ถึงแค่ระดับนักบุญ แต่ต้องขอบคุณเคล็ดปีศาจแปลงกาย จั๋วฝานจึงเลี้ยงมันถึงระดับกลั่นปราณได้ภายในเวลาแค่สิบวัน
เขาทำมันช่วงก่อนหน้านี้ วันแรกเขาใช้เพื่อมัดทารกโลหิต ที่เหลือคือมอบแก่นโลหิตให้มัน เนื่องจากทารกโลหิตมาถึงระดับดังกล่าว มันจึงถึงเวลารวบรวมแก่นโลหิต
และในตระกูลอย่างตระกูลไช่ ผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูกหายาก จั๋วฝานจึงไม่กลัวว่าทารกโลหิตจะโดนทำร้าย นี่ทำให้เขาสามารถดูดผู้คุ้มกันห้าสิบคนได้จนแห้ง
แต่ขณะที่เขากำลังวางแผนจะกำจัดคนอื่นต่อ พลังงานน่าขนลุกก็ดึงดูดความสนใจเขา
“ผู้บ่มเพาะปีศาจ?”
จั๋วฝานตกใจ ชักนำทารกโลหิตไปยังแหล่งพลังนั้น
มันเข้าใกล้ห้องเล็กๆ ที่มีแค่แสงไฟอ่อนๆ มีผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณขั้นสูงสุด 20 คนยืนเฝ้าอยู่
มันกระตุ้นความอยากรู้ของจั๋วฝานและบังคับทารกโลหิตไปตรงหน้าต่าง สำหรับผู้คุ้มกันเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถตรวจพบทารกโลหิตได้เลย ไม่ต้องพูดว่าจะเห็นมัน
มีผู้อาวุโสสามคนนั่งในที่นั่งรับแขกกับที่นั่งหลัก
คนในที่นั่งหลักคือไช่หรง ที่นั่งทางซ้ายเขาโดนจับจองด้วยชายชราหัวล้านดวงตาขุ่นมัวและแผ่กลิ่นอายพิศดาร
จั๋วฝานมองออกแต่แวบแรกว่ามันคือผู้บ่มเพาะปีศาจ
ชายชราทางขวาของไช่หรงสวมชุดขุนนาง มีร่องรอยปราณปีศาจรั่วไหลจากเขา มันแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ระหว่างการเปลี่ยนไปใช้เคล็ดบ่มเพาะปีศาจ
แต่ไช่หรงกับชายชราแต่งตัวสูงศักดิ์กลับแสดงความเคารพอย่างมากต่อผู้บ่มเพาะปีศาจหัวล้าน
[หรือว่า..]
จั่วฝานรู้สึกว่าเขาดันมาพบอะไรบางอย่างตอนผู้นำตระกูลไช่ประสานมือตรงหน้าชายชราหัวล้าน“ผู้อาวุโสเจี้ยน ลมอะไรกันที่หอบท่านกับผู้นำตระกูลซุนให้มาหาข้าถึงที่?”
ดวงตาขุ่นมัวนั้นจ้องไช่หรงจนกระทั่งเขาตัวสั่น จากนั้นผู้อาวุโสเจี้ยนถึงยิ้ม“ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงรู้ วันนี้ศิษย์จากโหยวหมิงกู่ของข้าโดนฆ่าตายโดยศาลาเฉียนหลง”
“อืม มันเป็นฝีมือตระกูลลั่วไม่ใช่หรือครับ?”ไช่หรงหัวเราะแห้ง
“เจ้าคิดว่าตระกูลลั่วจะกล้าหรือไง?”ผู้อาวุโสเจี้ยนหัวเราะ ดวงตาขุ่นมัวของเขาทอประกาย“ความบาดหมางระหว่างโหยวหมิงกู่กับศาลาเฉียนหลงติดอยู่ในทางตัน ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครกล้าลงมือก่อนและทำลายสมดุลของเจ็ดตระกูลใหญ่ แต่ศาลาเฉียนหลงกลับใช้ตระกูลลั่วมาฆ่าศิษย์ของข้า พวกมันมีเป้าหมายอะไร?”
สิ่งนี้ทำให้จั๋วฝานหัวเราะเบาๆ
ตามคาด เจ็ดตระกูลใหญ่นี้ได้รับการปฏิบัติเหมือนราชามาหลายปีจนพวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าท้าทายอำนาจพวกเขา มันเพราะความหยิ่งผยองดังกล่าวที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าศาลาเฉียนหลงเป็นคนวางแผนแทนที่จะมองตามความเป็นจริง
ศาลาเฉียนหลงก็ไม่ต่างกัน เต็มใจรับความอยุติธรรมนี้แทนที่จะแสดงความอ่อนแอ
“เอ่อ งั้นท่านมาหาข้าเพราะ..”ไช่หรงลังเล
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรมาก แค่ช่วยเราสอดแนมศาลาเฉียนหลง ทำความเข้าใจเจตนาอีกฝ่าย มันดูเหมือนเหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างตระกูล”
“เอ่อ..ผู้อาวุโสเจี้ยน นั่นคือศาลาเฉียนหลง ตระกูลไช่ของข้าไม่สามารถตอแยด้วยได้”ไช่หรงตื่นตระหนก
เขาคิด[ทำไมพวกเจ้าเจ็ดตระกูลใหญ่ถึงลากตระกูลเล็กๆของข้ามายุ่งด้วย?]
ผู้อาวุโสเจี้ยนส่ายหัว“ผู้นำตระกูลไช่ อย่าเข้าใจผิด ไม่จำเป็นที่ตระกูลเจ้าต้องเผชิญหน้ากับศาลาเฉียนหลง แค่ทดสอบพวกมัน นั่นคือการจัดการกับตระกูลลั่วและคอยดูท่าทีของศาลาเฉียนหลง”
“ว่าไงนะ ตระกูลลั่ว?”
ไช่หรงตกใจมาก
ไม่มีใครในเมืองเนตรสายลมที่ไม่รู้การต่อสู้ระหว่างโหยวเฉวียนและจั๋วฝาน ที่ตระกูลลั่วได้รับการหนุนหลังโดยศาลาเฉียนหลง
[แต่เจ้าก็ยังขอให้ข้าให้ยุ่งกับตระกูลลั่ว นั่นไม่เท่ากับการตอแยศาลาเฉียนหลงหรืออย่างไร?]
ไช่หรงมองผู้นำตระกูลซุน และเห็นแค่รอยยิ้มมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
[บัดซบ!ในเมื่อเจ้าสนิทกับโหยวหมิงกู่ ทำไมเจ้าไม่ไปยุ่งกับตระกูลลั่วเอง?ลูกสาวเจ้าเป็นคนสร้างเรื่องไม่ใช่หรือไง?แต่ตอนนี้เจ้าเห็นตระกูลลั่วอยู่กับศาลาเฉียนหลง เจ้าถึงไม่กล้าขยับตัวสักนิด!]
ไช่หรงรู้สึกคันมือคันเท้ามาก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธโหยวหมิงกู่“เห้อ ข้าจะพูดตามจริง ข้าเกลียดเจ้าเด็กจั๋วฝานมาก เขามาตระกูลข้าหลายวันก่อน มาสร้างปัญหา ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้ลูกไม้สกปรกอะไร แต่เขาทำให้ลูกชายข้ากระอักเลือดไปหลายวันและเรายังไม่รู้วิธีรักษา ถ้าข้าไปหาเขา เขาคงใช้ลูกไม้เดียวกันเพื่อพรากชีวิตของลูกชายข้า…”
อุฟ…
ก่อนไช่หรงจะพูดจบ จั๋วฝานก็แทบกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่
เขาทิ้งทารกโลหิตไว้ในตัวไช่เซียวถิงเืพ่อสั่งสอนบทเรียนให้ตระกูลไช่ แต่ไม่เคยคิดใช้มันอีกหลังจากนั้น เขาไม่คิดว่าผู้นำตระกูลจะใช้ข้ออ้างแบบนี้มาหลบหนีสถานการณ์
แม้กระทั่งผู้อาวุโสเจี้ยนก็ไม่เชื่อในคำพูดของไช่หรงและใบหน้าก็เริ่มตึง
เมื่อเห็น ไช่หรงก็รีบเสนอทางเลือก”ผู้อาวุโสเจี้ยน ผู้นำตระกูลซุนคือคนที่เหมาะกับงานนี้สุด แถมยังสนิทกับโหยวหมิงกู่ การปล่อยให้เขารับหน้าที่นี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง’
“เห้ย ไช่หรง เจ้าพูดอะไรออกมา?”
ผู้นำตระกูลไช่กระโดดตัวโหยง ตระกูลลั่วน่าปวดหัวมากและพวกเขาไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ของมันกับศาลาเฉียนหลงแน่นแฟ้นแค่ไหน ถ้าเขาไปยุ่งกับตระกูลลั่ว เขาคงพังพินาศ
แม้ตระกูลซุนกับโหยวหมิงกู่จะเกี่ยวข้องกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ การไปหาเรื่องศาลาเฉียนหลงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี มันไม่รู้ว่าโหยวหมิงกู่จะยื่นคอมาช่วยเหลือตระกูลซุนหรือไม่
การไปหาตระกูลลั่วเท่ากับการฆ่าตัวตตาย
เมื่อเห็นทั้งสองตระกูลแย่งกันประกาศความภักดี หลีกเลี่ยงหน้าที่ตนเองในช่วงเวลาสำคัญ ผู้อาวุโสเจี้ยนก็ตะคอก“พอได้แล้ว เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ข้าไม่ต้องการพวกเจ้า ข้าจะหาคนอื่นมาทำงานเอง”
“นอกจากนี้ไช่หรง เจ้านำวิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณ ลูกเตะสลายลมมาด้วยหรือไม่?”
“เชิญตรวจสอบมัน ผู้อาวุโสเจี้ยน”ไช่หรงรีบยื่นแท่งหยก แต่ดวงตายังแสดงความไม่เต็มใจ“ผู้อาวุโสเจี้ยน นี่คือวิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณหนึ่งเดียวของบรรพบุรุษที่สืบทอดลงมาในตระกูลไช่ของข้า”
“หึ ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก”ผู้อาวุโสเจี้ยนโยนแท่งหยกให้เขา“นี่คือวิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณ ดัชนีเพลิง ขั้นสูงกว่าเจ้า”
ไช่หรงยินดี แสดงความขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า จั๋วฝานที่อยู่ด้านนอกรู้สึกงงงวย[โหยวหมิงกู่กลับแลกวิชายุทธ์จิตวิญญาณขั้นกลางกับขั้นต่ำ?]
“ผู้อาวุโสเจี้ยน ท่านหาคนที่จัดการกับตระกูลลั่วได้แล้วหรือยัง?ถ้าท่านไม่ว่าอะไร ข้าขอบังอาจถาม”
โดยไม่สนใจวิชายุทธ์ที่โหยวหมิงกู่มอบให้ไช่หรง ผู้นำตระกูลซุนถาม ไช่หรงจึงแคะหูเพื่อฟัง
ดวงตาของผู้อาวุโสเจี้ยนฉายแววดูถูก“พวกฝูงสุนัข กลัวว่าจะมีคนมาแทนที่พวกเจ้าหรือไง?ฮึ่ม ไม่ต้องห่วง คนคนนั้นมาจากโหยวหมิงกู่”
“โหยวหมิงกู่เริ่มดำเนินแผนแล้ว?ทำไม..”ผู้นำตระกูลซุนกับไช่หรงไม่สนใจคำพูดดูถูกของผู้อาวุโสเจี้ยนและแปลกใจ
ด้วยแสงแปลกๆในดวงตาเขา ผู้อาวุโสเจี้ยนพูดขึ้น“เขาเป็นสายที่เราวางไว้ในภูเขาลมดำมานานแล้ว..”
“ภูเขาลมดำ!”
จั๋วฝานตกใจจนหัวใจเต้นผิดจังหวะและการควบคุมพลังงานก็ไม่เสถียร
“นั่นใคร?”
ผู้อาวุโสเจี้ยนสะบัดหัว สะบัดฝ่ามือออกไป ประตูถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เห็นทารกโลหิตเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงและบินหนีไป
ผู้อาวุโสเจี้ยนรีบกระโจนออกไปด้านนอก
“เร็วมาก!”
จั่วฝากตกใจ แต่โชคยังอยู่ข้างเขา เขาแสยะยิ้ม กระตุ้นให้ทารกโลหิตเข้าตัวใครสักคน
“เลือดเดือด!”
ผู้คุ้มกันพองตัวจนระเบิด โดยไม่มีเวลาหลบ คนอื่นข้างเขาต่างตาย
ร่างของจั๋วฝานโดนขัดขวางด้วยแรงระเบิด ช่วยให้ทารกโลหิตหลบหนีได้
ไช่หรงกับผู้นำตระกูลซุนเห็นฉากนี้และตกใจกลัว“นั่นคืออะไร?”
ผู้อาวุโสเจี้ยนส่ายหัว แต่ใบหน้ากลับดำมืด“ข้าไม่รู้ แต่มันต้องเป็นของผู้บ่มเพาะปีศาจ..”