บทที่ 22 โซเนีย อวาริส (2)
ผู้หญิงผมสีฟ้าหอบขณะมองไปรอบ ๆ
ทหารรับจ้างที่อยู่รอบๆตัวเธอกำลังหัวเราะดังด้วยความตื่นเต้น
ดวงตาของเธอมืดลงในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ร่างกายของเธอแทบจะกรีดร้องเพื่อให้เธอได้รู้ว่าเธอเกินขีดจำกัดของเธอแล้ว แต่การต่อสู้จะจบลงถ้าเธอหยุด
โซเนียอวาริสภูมิใจในฝีมือดาบของเธอ
ตั้งแต่อายุยังน้อยเธอมีความสามารถในการเข้าใจวิชาดาบที่ยอดเยี่ยมและพรสวรรค์ของเธอทำให้ตระกูลอวาริสซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าพวกเค้าได้สร้างอัศวินที่มีความสามารถมากมาโดยตลอด
ถ้าเธอเกิดมาเป็นผู้ชายละก็เธอจะสามารถรับช่วงต่อในฐานะหัวหน้าครอบครัวได้อย่างแน่นอน
เมื่ออายุได้ 13 ปีเธอสามารถแสดงออร่าดาบได้ เมื่ออายุได้ 15 ปีเธอสามารถชนะในการดวลกับอัศวินในวังได้ ตอนอายุ 18 เธอได้รับตำแหน่ง "เรนสตอม" จากพระราชา
การได้รับตำแหน่งอัศวินถือเป็นหนึ่งในเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรลัวโนเบิลและยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรที่มีคนรับตำแหน่งนั้นด้วยอายุที่ต่ำกว่า 20 ปี
โซเนียรู้สึกว่าเธอไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ได้อีกแล้วและในทางที่เป็นจริงมันก็ถูกอยู่บางส่วน
ในขณะที่เธออุทิศชีวิตให้กับดาบทันใดนั้นเธอก็ได้รับข้อเสนอการแต่งงานกับจักรวรรดิคัสต์เคา
บุคคลนั้นมาจากตระกูลจุนซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลขุนนางใหญ่ของอาณาจักรคัสต์เคา
จากรุ่นสู่รุ่นอาณาจักรลัวโนเบิลมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดกับอาณาจักรคัตสเคามาโดยตลอด เคยมีสถานการณ์คล้ายๆ กันหลายครั้งที่ตระกูลขุนนางใหญ่สามารถสร้างความผูกพันผ่านการแต่งงานได้
อย่างไรก็ตามโซเนียไม่ชอบทางเลือกที่ครอบครัวให้กับเธอ
‘พ่อมดนั้นอ่อนแอ’
อย่างน้อยพ่อมดแม่มดทุกคนที่เธอเคยพบ
ด้วยความสัตย์จริงโซเนียไม่เคยมีความเห็นที่ดีเกี่ยวกับพ่อมด วันเวลาที่พวกเขามีตำแหน่งสำคัญนั้นหายไปนานแล้ว
ในความเป็นจริงมันเป็นความคิดเห็นของประชาชนสมัยยุคแห่งแสงเมื่อ 4000 ปีที่แล้ว ตอนนี้พวกพ่อมดก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ
แม้แต่คัสต์เคาซึ่งเคยมีชื่อเรียกว่า จักรวรรดิเวทมนตร์ ก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อฝึกฝนอัศวินของตัวเอง
นี่คือยุคของอัศวิน
เธอเคยต่อสู้กับพ่อมดที่มาจากหอคอยเวทย์มนต์มาก่อนและเอาชนะได้โดยไม่ยาก
สิ่งนี้ทำให้เธอเชื่อว่าความคิดที่เธอมีนั้นไม่ผิด
ตอนนี้เธอต้องการพบคนที่เรียกว่า "นักรบเวทย์มนต์"
เธอเคยได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะใกล้ที่เสริมสร้างร่างกายโดยใช้มานาแทนออร่า เธอรู้สึกว่าอย่างน้อยพวกเขาน่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สนุกมากกว่าจับคู่กับพ่อมดหรือแม่มดที่น่าเบื่อ
โซเนียไม่ต้องการแต่งงานกับผู้ชายที่อ่อนแอกว่าเธอ แต่เธอไม่มีทางปฏิเสธความปรารถนาของพ่อ
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจว่าจะไปหาตระกูลจุนโดยตรงเพื่อพบกับพวกเขาด้วยตัวเอง
เดิมทีเธอควรจะใช้หินวาร์ป
แต่โซเนียปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้นอย่างฉุนเฉียว เธอเคยใช้หินวาร์ปครั้งหนึ่งเมื่อเธอยังเด็กและจบลงด้วยอาการปวดท้องปวดศีรษะและอาเจียนมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์
นอกเหนือจากนั้นวิธีเดียวที่จะไปยังอาณาจักรได้คือทางเรือหรือข้ามส่วนหนึ่งของเทือกเขาอิสปาเนีย
อย่างไรก็ตามสภาพอากาศในทะเลไม่ดีนักและจะใช้เวลานานเกินไปสำหรับเธอในการรอให้ทะเลสงบ
มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นั่นหมายความว่าเธอต้องผ่านเทือกเขาที่อันตราย
ด้วยการอารักขาจากอัศวินจากตระกูลอวาริสมอนสเตอร์ที่พวกเขาจะพบได้ที่ชานเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องท้าทายเลย เนืองจากมีภูเขามากกว่าร้อยแห่งในเทือกเขานี้ดังนั้นจึงยังมีวิธีหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตราย
ขบวนรถของเธอประกอบด้วยอัศวิน 10 คนและคนรับใช้ 5 คน โซเนียคิดว่าการมีตัวตนของพวกเค้าจะรั้งแต่ความยุ่งยาก แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะยอมรับมันแทนที่จะบ่น
เธอคิดว่าคงเป็นทริปที่น่าเบื่อ
แต่ความคาดหวังของเธอไม่ได้ผิดไปมากกว่านี้
“ดูเหมือนว่าเรื่องราวของอัศวินแห่งอาณาจักรลัวโนเบิลจะเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น”
ในที่สุดชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็พูดขึ้น
มีศพหลายสิบร่างอยู่รอบๆ ตัวเธอรวมถึงศพจากสมาชิกของเขาด้วย แต่ใบหน้าของชายคนนั้นก็ยังคงผ่อนคลาย
เหตุผลนั้นค่อนข้างชัดเจนอย่างไรก็ตามยังมีคนของเขาราวๆ 20 คนอยู่
ในอีกด้านหนึ่งมีผู้รอดชีวิตเพียงสี่คนรวมถึงโซเนีย
ถึงอย่างนั้นอีกสามคนก็เป็นเพียงคนรับใช้สองคนและอัศวินแก่ที่เกษียณมานานกว่า 10 ปีแล้ว
‘ฉันประมาท…ไม่สิ’
ถึงแม้ว่าเธอจะเฝ้าระวัง แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะเอาชนะได้
ตั้งแต่แรกศัตรูมีมากเกินไป
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่เหตุผลเดียว สาเหตุหลักคือศัตรูเตรียมพร้อมมาดีมากๆ
'พวกเขามุ่งเป้าไปที่ช่วงเวลาที่เรากำลังจะออกจากภูเขาในช่วงที่เราผ่อนคลายที่สุด'
ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอัศวินสามคนก็ถูกสังหารไปแล้ว
“พวกแกต้องการอะไร?”
โซเนียพยายามพูดอย่างหนักในขณะที่หอบและคาร์ลส์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ถามฉันอย่างนั้นเหรอ? หัวของเจ้ายังไงละ”
เขามองไปที่ร่างของโซเนียที่เงียบงัน
"อา แน่นอนฉันไม่ได้แค่ตั้งใจจะฆ่าเจ้าทันทีหรอก เป็นความฝันของฉันที่จะได้ลิ้มรสสตรีผู้สูงศักดิ์สักครั้ง ลูกสาวคนเดียวของตระกูลอวาริส เธอเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบในการเติมเต็มความฝันของฉันเป็นครั้งแรก”
โซเนียรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามของเธอจงใจพูดเช่นนั้นเพื่อที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของเธอ
แต่ถึงสมองของเธอจะรู้เรื่องนั้น แต่ร่างกายของเธอก็ไม่อาจเพิกเฉยได้
ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงหลังจากถูกทำให้อับอายด้วยคำพูดพวกนี่
“ฉันจะฆ่าตัวตายก่อนที่จะให้แกทำเช่นนั่น”
“โอโฮ นั่นก็ดีเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเราจะต้องเล่นกับชายแก่และผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังคุณแทนสินะ”
“ฉันมั่นใจในทักษะการทรมานของฉันซะด้วย พวกเขาจะต้องขอร้องให้ฉันฆ่าพวกเขาแน่นอน”
ชายคนนั้นยิ้มให้เธออีกครั้งและโค้งคำนับเล็กน้อย
โซเนียกัดริมฝีปากของเธอ
'นั่นคือเหตุผลที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่สินะ'
ตอนนี้เธอชัดเจนแล้วว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร นอกจากการฆ่าโซเนียพวกเขาต้องการหาที่ระบาย
เธอคิดว่าพวกเขาไม่สนใจเรื่องนี้ในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพวกเขาทำไปเพื่อหยุดไม่ให้เธอฆ่าตัวตาย
“ไม่ต้องกังวลโซเนีย ฉันจะไม่เป็นภาระ”
ลูเธอร์อัศวินที่เกษียณแล้วและเป็นเสมือนพ่อของโซเนียพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเขาเตรียมพร้อมสำหรับทุกๆอย่างอยู่แล้ว
ดวงตาของโซเนียสั่นไหว จากนั้นเธอก็ปิดมัน
จากนั้นเธอก็มองไปที่สาวใช้ทั้งสอง
“พวกคุณกำลังจะตายเพราะความไร้ความสามารถของฉัน ฉันขอโทษด้วย”
"ไม่เป็นไร"
“มันเป็นสิ่งที่พวกเราเตรียมไว้เมื่อเรากลายมาเป็นสาวใช้ของตระกูลอวาริส”
สาวใช้คนหนึ่งหัวเราะ
“คุณช่วยจบชีวิตพวกเราด้วยมือของคุณได้ไหม ฉันไม่อยากกลายเป็นของเล่นของไอ้สัตว์ร้ายพวกนั้น”
"…ตกลง"
โซเนียก้มหน้า
ริมฝีปากของสาวใช้สั่นเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะพูดแบบสบาย ๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอก็กลัวที่จะตาย
คาร์ลส์ เดาะลิ้นของเขา
‘สมกับเป็นตระกูลขุนนางที่มีเกียรติ แม้แต่สาวใช้ธรรมดาๆก็ยังมีจิตตานุภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ’
เขาสั่งคนของเขา
"หยุดพวกมัน"
ทหารรับจ้างพุ่งเข้าหาพวกเขา แต่ดาบของโซเนียเร็วกว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขามาก
จึก!!!
และมีบางอย่างที่เร็วกว่าดาบของเธอ
"อา?"
โซเนียมองไปที่มือของเธออย่างว่างเปล่า
ดาบไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป
‘มีคนเอาดาบของฉันไป’
แต่เธอใช้เวลาไม่นานในการตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ในฐานะอัศวินนี่เป็นความอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่โซเนียให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น
แต่เธอครุ่นคิดในขณะที่ส่ายหัว
‘มีใครใรกลุ่มมีทักษะแบบนั้นหรือเปล่า…’
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะหยุดการฆ่าตัวตายที่หมดหวังของเธอได้หากพวกเขาต้องการ?
ความสิ้นหวังฉายไปทั่วใบหน้าของโซเนีย
ขณะที่เธอกำลังจะกัดลิ้นตัวเองเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเธอเธอก็ตระหนักว่าทหารรับจ้างที่เคยวิ่งเข้าหาเธอตอนนี้กำลังมองเธอด้วยสายตาเบิกกว้าง
'เกิดอะไรขึ้น?'
โซเนียมองกลับไปและสะดุ้งทันที
นี่เป็นเพราะมีใครบางคนยื่นอยู่ข้างหลังเธอ
มันเป็นผู้ชายที่สกปรก เขามีผมยุ่งมีเครายาวเกินไปและดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ล้างตัวมานาน
แม้ว่าเสื้อผ้าและชุดเกราะของเขาจะอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเนื่องจากลักษณะที่ดูยุ่งเหยิงของเขา
โซเนียไม่เคยเห็นผู้ชายที่รุงรังแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถเปิดปากได้
ดาบอยู่ในมือขวาของชายคนหนึ่ง คือดาบเล่มเดียวกันที่โซเนียเพิ่งถือ
ทหารรับจ้างทั้งหมดหันไปมองชายที่ยืนอยู่ตรงกลางพวกเขา
ชายผู้นี้คาร์ลส์หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างกลอกตาครั้งหนึ่ง
‘หน้าตามอมแมมเครารกและผมหงอก…’
จากนั้นเขาก็พูดอย่างเงียบ ๆ
"ใช่ละ แกคือไอ้ผีตัวนั้นนี่เอง”
เฟรย์ไม่สนใจคำพูดของคาร์ลส์ แต่เขามองไปที่โซเนียและคืนดาบของเธอ
“อ๊ะ”
โซเนียรีบรับดาบของเธอ ปกติเธอจะใจเย็น แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่มั่นคง
จากนั้นเขาก็หันไปมองคาร์ลส์
“แกเป็นหัวหน้า”
เทือกเขามีขนาดใหญ่มากจนเขาต้องใช้เวลานานในการค้นหา ในตอนแรกเฟรย์ไม่มีพรสวรรค์ในการไล่ตามหรือค้นหา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ตั้งแต่ที่เขาเดินทางบนภูเขา
คาร์ลส์มองกลับไปที่เฟรย์และมีแสงที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาของเขา
เขากำลังมองหาว่าค่ายอยู่ที่ไหน
พวกเขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือนดังนั้นจึงมีสิ่งของมากมายที่ต้องเก็บไว้ มันจะละเลยไม่ได้หรือมันจะถูกมอนสเตอร์ยึดไปดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้คน 10 คนเฝ้ามัน
“เกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกที่เหลือของฉัน?”
“แกคิดว่ายังไงละ?”
“…”
ใบหน้าของคาร์ลส์เย็นลงทันทีเมื่อเขาตระหนักถึงบางสิ่ง
ชายคนนี้ไม่มีเจตนาที่จะไว้ชีวิตพวกเขา คำอธิบายของสมาชิกที่บอกว่าเขาโหดร้ายนั้นถูกต้อง
‘เราไม่ควรให้เวลาเขาในการร่ายเวทย์’
คาร์ลส์แสดงท่าทางอย่างรวดเร็ว
“เล็งไปที่พ่อมด! อย่าเข้าใกล้จากด้านหน้าใช้ต้นไม้เป็นโล่บัง!”
พวกทหารรับจ้างย้ายทันที
‘พลังของพ่อมดทั่วไปจะพอๆกับทหารรับจ้างคลาส B ห้าคน เราสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยจำนวนที่เรามีในตอนนี้ ’
“ฮุก!”
เลือดสาดกระเซ็นจากทหารรับจ้าง
คาร์ลส์กระพริบตาด้วยความตกใจ
'อะไร? เกิดอะไรขึ้น…?'
ครู่หนึ่งเขาทำได้เพียงจ้องมองอย่างว่างเปล่า
จากนั้นสัญชาตญาณของเขาก็บอกเขาว่ามีบางอย่างกำลังมาหาเขา
ร่างกายของเขาตอบสนองก่อนที่จิตใจของเขาจะทำได้และเขาดึงดาบสองเล่มของเขาขึ้นมาเพื่อปิดกั้น
แซ่บ!
มันเป็นเวทย์มนต์
มันเป็นคาถาที่มีพลังมหาศาลที่ทำให้ข้อมือของคาร์ลส์เริ่มสั่นหลังจากที่เขาสามารถป้องกันมันได้!
ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียการจับดาบ แต่เขากัดฟันของเขาและอดทนต่อไป
คาร์ลส์เป็นทหารรับจ้างระดับ A
ทักษะของเขาแข็งแกร่งและมีประสบการณ์มากมาย เขาเคยต่อสู้พ่อมดมาหลายครั้งก่อนหน้านี้
ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามีช่วงที่พ่อมดจะไม่สามารถทำอะไรได้หลังการร่ายเวทย์ของพวกเขา
‘เขาไม่สามารถโจมตีต่อเนื้องได้’
ช่วงเวลาที่การโจมตีของเขาจะหยุดลงชั่วคราวและมันจะมาถึงในไม่ช้า ไม่ไม่สำคัญว่าจะมาหรือไม่
“…”
เขายังมีลูกน้องมากกว่าสิบคนอยู่รอบๆตัวเขา เขาแน่ใจว่าพวกลูกน้องของเขาจะตัดศีรษะของนักเวทย์ในขณะที่เขาต้องหยุดพัก
…นั่นคือสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างแปลกๆ ออกไป
ตูมๆ
เหงื่อเย็นปกคลุมทั่วร่างกายของคาร์ลส์
ขาของเขาสั่นและข้อมือของเขาสั่นราวกับจะหัก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ยอมปล่อยดาบของเขา ช่วงเวลาที่เขาปล่อยวางคือช่วงเวลาที่เขาตายเท่านั้น
‘ทำไมคาถายังไม่จบอีก’
ราวกับว่าได้มีพ่อมดหลายสิบคนกำลังร่ายคาถาใส่เขา
เขายึดมั่นมานาน แต่คนอื่น ๆ กำลังทำอะไรอยู่!
คาร์ลส์ตัดสินใจที่จะมองไปรอบ ๆ แม้ว่าจะมีอันตรายก็ตาม
เขามีอาการทรุดลงทันที
‘บะ บ้าไปแล้ว…’
เขาไม่ใช่คนเดียวที่ถือดาบอย่างหมดหวัง
ทหารรับจ้างทุกคนถูกคาถาโจมตี!
‘ใคร - ผู้ชายคนนั้นคือใคร?’
เขาสามารถร่ายและควบคุมคาถาจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ยังไง?
แม้แต่รองหัวหน้าหอคอยเวทมนตร์ที่เขาเคยพบมาก่อนก็ยังไม่ทรงพลังขนาดนี้!
มันเป็นช่วงเวลานั้น
ตรึม
ในที่สุดเวทมนตร์ก็หยุดลง
“ฮึก…! ฮึก…!”
“เอ่อเอ่อ…”
ทหารรับจ้างลดมือลงและสูดอากาศเย็นๆ อย่างหมดหวัง
คาร์ลส์ลดมือลงด้วยขณะที่ตะโกนเสียงดัง
“มา.. - มานาของมันน่าจะหมด! เราต้องฆ่ามันเดี๋ยวนี้!”
ถ้าพลาดโอกาสนี้ก็จบ
คาร์ลส์ไม่มั่นใจที่จะต้านทานการโจมตีเช่นนี้ได้อีกครั้ง
คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะจุดไฟในทหารรับจ้างที่ดูเหมือนพวกเขากำลังจะล้มลงได้ทุกเมือ
“ฆ่ามัน!”
“ไอ้นี่!”
ทหารรับจ้างพุ่งไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน
โซเนียที่จ้องมองด้วยความงุนงงรีบยกดาบขึ้นและพยายามเผชิญหน้ากับพวกเขา เธอไม่รู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ศัตรู
จากนั้นเฟรย์ก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเธอ
"อยู่ด้านหลังไว้ มันจบลงแล้ว”
“หา? จบแล้ว? อะไรจบ…?”
ตึงๆๆ
ตอนนั้นพื้นเริ่มสั่น ทหารรับจ้างอ้าปากค้าง
“เอ่า - แผ่นดินไหว! เวทย์มนต์ระดับ 5 ดาว!”
“ไอ้บ้า! ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
ทหารรับจ้างพยายามดิ้นรนเพื่อหลบหนี แต่ระยะนั้นกว้างเกินไป พวกเขามีประสบการณ์ไม่เพียงพอเมื่อเผชิญหน้ากับพ่อมด
นอกจากนี้หากพวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พวกเขาอาจจะหลบหนีได้ แต่ตอนนี้พวกเขามาถึงขีดจำกัดทางกายภาพแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย
แม้แต่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดยังไม่สามารถหลบหนีการสั่นสะเทือนที่โกรธเกรี้ยวได้
"เหี้ยเอ่ย!"
“กั๊ก…”
ทหารรับจ้างถูกฝังดินในเวลาไม่นาน พวกเขาพยายามดิ้นและขุดทางออกด้วยมือของพวกเขา แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกดูดลงไปที่พื้น
‘ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย! เวทมนตร์ที่เขาใช้จนถึงตอนนี้ก็แค่ถ่วงเวลางั้นเหรอ? '
คาร์ลส์รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากหินที่บดขยี้เขาจากทุกทิศทาง
ชายคนนี้คอยตรวจสอบพวกเขาด้วยคาถาในขณะที่ใช้โอกาสนั้นเพื่อร่ายอีกคาถา
เขารู้ว่าพ่อมดมีความสามารถในการร่ายเบิ้ลได้
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการร่ายเบิ้ลที่ทรงพลังเช่นนี้
กลุ่มทหารรับจ้างทั้งหมดถูกปราบปรามด้วยเพียงคาถาเดียว และพลังของคาถาแผ่นดินไหวนั้นมันยังไงกัน?
มันเขย่าและเปิดพื้นดิน มันดูดพวกมันเข้าไปราวกับว่าโลกมีชีวิต
‘โอ้ไม่นะ ไม่มีทาง…'
คาร์ลส์เต็มไปด้วยความเศร้าโศกแต่เขาไม่มีทางหนีไปได้
กู่ๆๆๆ
การสั่นไหวหยุดลงและพื้นก็กลับสู่สภาพเดิม
“โอ้มายก๊อต!”
โซเนียจ้องมองชายตรงหน้าเธอ
จากนั้นในสมองของเธอก็บอก ชายคนนี้กวาดล้างทหารรับจ้างได้ในพริบตา