ตอนที่14 ทำไมคุณดูมีความสุขจัง?
ตอนที่14 ทำไมคุณดูมีความสุขจัง?
หลังจากเล็กซี่เติมความสุขให้ตัวเองด้วยบะหมี่และแกล้งชูรูจนพอใจ เธอจึงเรียกบริกรเพื่อจะจ่ายบิล แต่พนักงานดันบอกว่าอาหารมื้อนี้ที่เธอกิน และเมื่อใดก็ตามที่เธอรับประทานอาหารที่นี่ เธอไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งนั้น ซึ่งทำให้เธอตกใจเล็กน้อย
แม้ว่าเล็กซี่จะยังคงยืนกรานที่จะจ่ายค่าอาหาร แต่ไม่ว่าเธอจะเจรจาอย่างไร พวกเขาก็ยืนยันที่จะไม่รับเงินของเธอ ดังนั้นเล็กซี่ก็ได้แต่จำนน และแสดงความขอบคุณกลับไป
หลังจากที่เล็กซี่จากไปแล้ว คุณยายชราในชุดเรียบง่ายกำลังเฝ้าดูเธอออกจากร้านไปพร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของเธอ
" ช่างเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ " หญิงชราเอ่ยอย่างเป็นสุข
----
[ภายในรถของเล็กซี่]
ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสระหว่างเดินทางกลับบ้าน ชูรูที่จ้องมองมาที่เธอ มีสีหน้าสงสัย และเอ่ยถามออกมา
“ทำไมคุณดูมีความสุขจัง?”
“ไม่มีอะไรหรอก…แค่รู้สึกดีที่ได้ทานอาหารฟรี”
อันที่จริง เล็กซี่ไม่เคยทานอาหารฟรี เพราะเธอรู้ว่าคงไม่มีอาหารที่ได้ฟรีในโลกนี้ นอกจากนี้ด้วยความมั่งคั่งและร่ำรวยของเธอ ไม่มีเพื่อนคนไหนที่เคยเลี้ยงอาหารให้เธอ และทุกครั้งที่มีการทานอาหาร เธอมักจะเป็นคนจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากเธอ
แม้จะรู้อย่างนั้นแต่สำหรับเล็กซี่ เธอก็ยอมรับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ ดังนั้นเธอก็ไม่รังเกียจที่จะจ่ายให้ อนิจจา ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเธอ ไม่มีใครที่เธอเรียกว่าเพื่อนคอยปลอบใจ หรือเคียงข้างเธอเลยในยามนั้น
แต่ก็เข้าใจได้ ความก้าวร้าวของเธอในตอนนั้นที่ทำต่อมอริสและคนอื่น มันทำให้ทุกอย่างแย่ลง แต่ตอนนี้เธอก็มีความสุขได้จากการได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ อย่างการได้มาทานอาหารที่นี่ ต้องขอบคุณอีธานจริง ๆ
ชูรูยิ้มอย่างสดใสเมื่อรู้สึกถึงความอารมณ์ดีของเล็กซี่ ท้ายที่สุดชูรูก็ยึดติดกับความรู้สึกของเล็กซี่ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอมีความสุขหรือผิดหวังชูรูก็รู้สึกได้เช่นกัน
“ทำไมเธอยิ้มด้วยล่ะ” คิ้วของเล็กซี่ ยกขึ้นไปทางชูรูสงสัยว่าทำไมเธอถึงดูมีความสุข
"เพราะคุณมีความสุข ชูรูก็มีความสุขเหมือนกัน ชู ~!" ชูรูตอบอย่างร่าเริงจากนั้นเธอก็เต้นไปรอบ ๆ และขยับสะโพกไปด้านข้างใ นขณะที่มือก็โบกไปมาในอากาศ
เล็กซี่หัวเราะอย่างไม่รักษาอาการ เธอพบว่าเจ้าเกี๊ยวนี่น่ารักมากจริง ๆ หัวใจที่เย็นชาของเล็กซี่อุ่นขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากได้มีโอกาสในชีวิตที่สอง ซึ่งทำให้เธอหัวเราะออกมาอย่างแท้จริง
ชูรูยังคงเต้นต่อไปอีกสักพักจนกระทั่งเล็กซี่ ขอให้เธอหยุด
---
เมื่อถึงคฤหาสน์ตระกูลหยาง เล็กซี่ปลดเข็มขัดนิรภัยของเธออย่างสบาย ๆ ก่อนที่เธอจะหันไปสนใจชูรูที่นั่งอยู่ที่นั่งข้าง ๆ
"เอาล่ะตัวเล็ก เราถึงแล้ว” จบข้อความดังกล่าว เล็กซี่เปิดประตูออกจากรถของเธอและก้าวเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ ขณะที่ชูรูบินและร่อนลงบนไหล่ของเธอ
ขณะที่เล็กซี่ เข้ามาถึงห้องนั่งเล่น รอยยิ้มของเธอก็หยุดนิ่งในทันที ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ผู้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาราคาแพง
พ่อของเธอนั่งอยู่บนนั้นพร้อมกับแม่ของเธอนั่งทางด้านขวา ตรงข้ามของพวกเขาคือชายหนุ่มแสนเย็นชา ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก มอริส หยาง
ขณะนี้มอริส และพ่อแม่ของเธอกำลังคุยอะไรบางอย่างกันด้วยท่าทีสงบ ราวกับว่าทั้งสองฝ่ายเคยมีความบาดหมางกัน ทันทีที่แม่ของเธอสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเธอ เธอก็อุทานขึ้น
"เล็กซี่! ลูกรัก ลูกไปที่ไหนมา มอริสเขามารอลูกนานแล้วนะ " แม่หยางเดินเข้ามาหาเธอด้วยน้ำเสียงโทนอบอุ่น แม่ของเธอจับมือที่ชื้นเหงื่อออกของเล็กซี่ และพาเธอไปที่โซฟาที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่
เล็กซี่ก้มหัวแสดงความเคารพพ่อของเธอ โดยไม่รู้ตัว สายตาของเธอกลับมองไปที่มอริสที่กำลังจ้องเธออย่างเย็นชา
' ตัวเล็ก? เธอสามารถอ่านใจได้ไหม? ’ เล็กซี่ตื่นตระหนกกลังจากเผลอจ้องหน้าเขา ด้วยเหตุนี้เธอจึงลองถามชูรู ผ่านทางความคิด
'ไม่ได้ชู ~. " ชูรูขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในหัวใจของเล็กซี่
" พี่มอ- ประธานหลิว คุณมาทำอะไรที่นี่ " เล็กซี่ซักถามอย่างเชื่องช้าโดยยังคงยืนอยู่ข้างพ่อของเธอ
"เล็กซี่ นั่งลง" พ่อหยางเอ่ยเสียงเข้ม และเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่เล็กซี่พูดกับมอริสแบบนั้น
ถึงแม้ว่าก่อนหน้ารี้ มอริส เป็นต้นเห็นให้บริษัทของพวกเขาเจอวิกฤต และผลักพวกเขาให้จนมุม แต่อนิจจา ทุกอย่างล้วนเข้าใจได้เพราะว่าเล็กซี่ได้ทำผิดต่อเขาจริง
ดังนั้นแม้ว่ามุมมองของคุณพ่อหยางที่มีต่อมอริสหลิวจะเปลี่ยนไป และไม่เห็นด้วยที่เขาจะเป็นลูกเขยในอนาคต แต่ในฐานะนักธุรกิจ คุณพ่อหยางรู้ดีว่ามอริสหลิวมีอำนาจและจะบดขยี้บริษัทของพวกเขาได้เสมอ และนี่ก็เป็นเหตุผลมากพอให้เขายังคงต้อนรับมอริสอยู่
" มอริสมาที่นี่เพื่อขอโทษเกี่ยวกับการกระทำที่ก้าวร้าวของเขาจ๊ะ " แม่หยางบอกเล็กซี่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ซึ่งทำให้ดวงตาของเล็กซี่เบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ
'ไม่เชื่อหรอกชู! " ชูรูเอ่ยอย่างโกรธเคือง เธอเองก็ไม่เชื่อคำพูดที่เธอได้ยิน