เล่ม1 : บทที่ 74 – การรวมตัว
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 74 – การรวมตัว
รถม้าหรูสามคันกำลังเคลื่อนที่ตรงไปยังเมืองมอสโกรฟ รอบ ๆ ถูกคุมกันด้วยเหล่าผู้พิทักษ์ในชุดเกราะสีแดงราวสามสิบคนหรืออาจมากกว่านั้น
สัญลักษณ์สีแดงของตระกูลบัลวันถูกจารึกอยู่ด้านข้างของตัวรถทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูน่าเกรงขาม
โนอาห์คือหนึ่งในผู้ที่เดินเท้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้พืทักษ์ สายตามุ่งมั่นเนื่องจากเขาศึกษาบทเรียนด้านรูปขบวนมาอย่างละเอียด
‘มีผู้พิทักษ์ราวยี่สิบคนที่อายุไม่ถึงยี่สิบปี คนพวกนี้จะเข้าไปในพื้นที่ด้วย พวกที่เหลือคือระดับสูง จะยืนคอยอยู่ตรงหน้าทางเข้า มองดูคนพวกนี้แล้วรู้สึกถึงอันตรายแบบเดียวกับที่รู้สึกกับเควินเลย น่าจะอยู่ในระดับเดียวกันหรือไม่ก็ต่ำกว่าเล็กน้อย เลี่ยง ๆ คนพวกนี้ไว้น่าจะดีที่สุด’
ความสนใจของเขาเบนไปหาผู้พิทักษ์หนุ่มยี่สิบนาย
‘ทั้งหมดนี่น่าจะเป็นผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งระดับใกล้ ๆ กับฉัน ตราบใดที่อัสซียังคงอยู่ด้วยข้าง ๆ ก็มั่นใจได้ว่าการชนะคนพวกนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก แต่ถ้าเข้ามาพร้อมกันทีเดียวก็อาจจะเป็นปัญหาอยู่ ทั้งนี้ยังมีคนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของภารกิจนี้ด้วย’
หัวหน้าของภารกิจพื้นที่มรดกครั้งนี้คือเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าปีคนหนึ่งผู้มีผมสีดำสั้นและร่างใหญ่กำยำ เขามีชื่อว่า เทรเวอร์ และเขาคือบุตรของผู้พิทักษ์ชั้นสูงนายหนึ่งของเขตใน
ตำแหน่งของเขาค่อนข้างจะมีสิทธิพิเศษในหมู่ผู้พิทักษ์ เนื่องจากตำแหน่งของพ่อเขาและความจงรักภักดีต่อตระกูลที่ไร้ซึ่งข้อสงสัยนั้นจึงทำให้เขาได้รับเคล็ดวิชาและกระบวนการรักษาต่าง ๆ ที่ดีกว่าโนอาห์ทั้งสิ้น
‘ถ้าหมอนั่นไม่มีคาถาอะไรเลย ฉันคงเอาชนะหมอนี่ได้ไม่ยากนัก แต่ถ้ามี...’
ความสนใจของโนอาห์เบนไปหารถม้าทั้งสามคัน
‘เนล ลีน่า และฟาเบียนโดยสารอยู่บนรถม้าทั้งสามคันที่จะมุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่มรดก เนลและฟาเบียนก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ต้องระวังพวกของพิเศษซึ่งเป็นของที่ตระกูลมอบให้ ส่วนลีน่า...’
ลีน่าอายุย่างสิบเก้าปีและด้วยการเลี้ยงดูจากครอบครัว และการที่เธอฝึกฝนใส่โนอาห์อย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของเธอจึงกลายเป็นสิ่งที่โนอาห์พึงระวัง
‘พวกผู้พิทักษ์ระดับสูงต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ จะสู้กับเทรเวอร์และลีน่าในตอนที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ต่อให้รุมก็คงไม่ถึงกับหืดขึ้นคอ และต้องระวังของพิเศษที่ว่านั่นให้ดี’
โนอาห์วิเคราะห์และแยกแยะทุกอย่างในความคิดพร้อมกับพยายามรักษาระยะก้าวให้ทันกับผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ
‘วางแผนทุกอย่างให้รอบคอบไว้ หากต้องไปเจอเรื่องไม่คาดคิดที่นั่นขึ้นมาจะได้รับมืออย่างทันท่วงที’
ที่ดินมรดกถูกแบ่งออกเป็นสองด่านด้วยกัน ด่านแรกมีบริเวณจำกัด เป็นที่ดินแห้งแล้งที่เต็มไปด้วยสัตว์เวทมนตร์มากมาย แต่ละกลุ่มต้องกำจัดฝูงสัตว์ให้สิ้นและฆ่าจ่าฝูงให้ได้ เพื่อที่จะได้รับเส้นทางที่นำไปสู่ทางเข้าของด่านที่สอง
การเข้าไปแต่ละครั้งจะนำไปสู่รูปแบบของด่านที่แตกต่างไปจากกลุ่มอื่น ๆ ด้วยความพยายามที่มากครั้งเพื่อสำรวจมิติที่แยกออกจากันนั้นก็ไม่อาจเอาชนะรูปแบบที่มีมากมายในด่านได้
‘การได้มาซึ่งสิ่งของชิ้นนั้นในพื้นที่อันตราย จำเป็นต้องหนีตายภายใต้เวลาที่ถูกจำกัด ต่อสู้ตัวต่อตัวกับหุ่นเชิด แข่งขันกับตระกูลอื่น ๆ ที่มาเข้าร่วมด้วย มนุษย์แบบไหนกันถึงสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้?’
โนอาห์ทบทวนข้อมูลเรื่องมิติที่ถูกแบ่งแยกและรู้สึกสับสน
‘ความรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกตนของฉันมีแค่รูปแบบการต่อสู้ เรื่องอื่นนี่แทบจำไม่รู้เลยจริง ๆ’
ความคิดที่จะหลบหนีของเขายิ่งทวีความหนักแน่นเพิ่มขึ้น
‘นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันต้องไปที่สำนัก ส่วนที่เหลืออยู่กับตระกูลบัลวันก็คงมีแค่ชื่อฉันเท่านั้นแหละ’
ขบวนรถม้ายังคงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางจนกระทั่งพวกเขามาถึงกำแพงด้านนอกของเมืองมอสโกรฟ บนพื้นมีธงปักอยู่ซึ่งมีสัญลักษณ์ของตระกูลโชสติที่กำลังสะบัดไปมาอยู่ในอากาศ
ตามประเพณีของพวกเขา ตระกูลโชสติจะให้ตระกูลขุนนางขนาดกลางและขนาดเล็กมารรวมตัวกัน จากนั้นก็จะนำพวกเขาไปสู่ทางเข้า
ตระกูลบัลวันเป็นตระกูลแรก ๆ ที่มาถึงจุดรวมพลซึ่งมีกองขบวนขนาดเล็กอีกสองสามขบวนกำลังรออยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
เมื่อพวกเขามาถึง หนึ่งในผู้พิทักษ์ระดับสูงก็ชี้ทางไปยังกลุ่มที่เหลือเพื่อให้ไปรอทุกคนมาพร้อมกัน โนอาห์เห็นขบวนจำนวนมากมาถึงพร้อมกับตราสัญลักษณ์หลากสีสันที่จารึกอยู่บนรถม้า ทั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่เด่นชัดของตระกูลขุนนางขนาดใหญ่ได้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย
เขาเห็นสัญลักษณ์ที่คุ้นตาอย่างดีอย่างตระกูลเมอร์เจอร์และลานเซย์ แต่กลับไร้ซึ่งวี่แววของเควินและเบซิล
‘เดาว่าสองคนนั้นคงไม่รอด’
เขาส่ายหน้าเล็กน้อย
เขาไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเบซิลนัก แต่เขาหวนนึกถึงการแปลงร่างของเควินในตอนที่เขารีดพลังทั้งหมดออกมาใช้
‘คน ๆ นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ต้องมาพ่ายให้กับจอมเวทย์แค่ไม่กี่คน ถ้าฉันจะต้องฆ่าริส ฉันต้องมีพลังมากถึงขั้นไหนกัน?’
เขายังไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดของคำถามนี้ แต่ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ การจะไปยังจุดนั้นได้ย่อมใช้เวลานาน
เมื่อขบวนมากถึงสิบห้าขบวนมารวมตัวกันภายใต้ธง จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากกำแพงเมืองเหยียบอยู่เหนือยอดธง ผู้พิทักษ์วัยเยาว์หลายคนต่างอ้าปากค้างในความประหลาดใจที่ได้เห็นหญิงผู้นี้หล่นลงมาจากที่ซึ่งสูงกว่ายี่สิบเมตรได้อย่างสง่างาม
“ข้าคือ เวอร์จิเนียร์ โชสติ และหน้าที่ของข้าคือนำพวกท่านทุกคนไปยังพื้นที่มรดกของตระกูล จึงเรียนมาเพื่อทราบ เนื่องด้วยทายาทของตระกูลได้เข้าสู่ภารกิจไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฉะนั้นพวกเขาจะไม่ต้อนรับพวกท่านไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จึงหวังว่า การมาของข้าคงจะเป็นคำว่าการของตระกูลต่อหน้าท่านทั้งหลายที่เพียงพอแล้ว”
เวอร์จิเนียร์ โชสติ คือหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดที่โนอาห์เคยเห็น เธออายุราวยี่สิบปี ผมของเธอสีทองและมีดวงตาที่เป็นประกายด้วยสีเขียว เรือนร่างของเธอช่างสง่า เอวที่ผอมบางถูกรัดแน่นด้วยชุดเดรสหรูสีขาว
เธอโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อสื่อถึงความเคารพต่อกลุ่มคนข้างล่าง ขณะเดียวกันผู้พิทักษ์และทายาททุกคนต่างโค้งคำนับตามเช่นกันแทบจะเก้าสิบองศาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความอ่อนน้อย
เวอร์จิเนียร์ พยักหน้าเมื่อเห็นเช่นนั้นและเผยให้เห็นรอยยิ้มอันงดงามที่สะกดสายตาทุกคู่ที่ได้มองมา
“เนื่องจากทุกท่านมากันครบแล้ว ฉะนั้นข้าจะขอนำพวกท่านเข้าไป ได้โปรดตามข้ามา เราจะไปถึง ณ ทางเข้าในอีกครึ่งวัน”