บทที่ 43 ไม่จำเป็น
บทที่ 43 ไม่จำเป็น
"เจ้าแน่ใจไหม?" จิ้งจอกถามขณะมองไปที่ยุ่นหลิงด้วยความประหลาดใจ
ยุ่นหลิงหยักหน้า
มีเหตุผลที่ดีว่าทำไมเขาถึงให้ผลไม้อายุยืนแก่จิ้งจอกตัวนี้ แม้ว่าผลไม้ที่มีอายุยืนจะมีคุณค่า แต่จิ้งจอกก็พิสูจน์แล้วว่ามีค่ามากสำหรับมัน อันที่จริงเขาสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของต้นไม้เซียนวิลโลว์ได้โดยไม่เสียชีวิตในขณะที่อสูรจำนวนมากไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกันแบบเขาขนาด ราชาภูเขาโกลิอัธซึ่งเป็นอสูรที่ทรงพลังในขอบเขตราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ยังต้องตายลงเมื่อได้เผชิญกับต้นไม้เซียนวิลโลว์แต่จิ้งจอกตัวนี้ไม่เป็นแบบนั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้รอดมาอย่างปลอดภัยและได้รับบาดเจ็บ แสดงว่าจิ้งจอกตัวก็ไม่ใช่แค่อสูรธรรมดาๆ
“เจ้าควรรวมขอบเขตของเจ้าก่อนที่จะกินมัน สำหรับตอนนี้เราต้องรีบออกเดินทาง มันอันตรายเกินไปที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียวร่วมกับเซียนนั้น” ยุ่นหลิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขาไม่ชอบทำอะไรมั่วๆ ภายในหุบเขาพันภูเขาชีวิตของเขาอยู่ในเงื้อมมือของต้นไม้เซียนวิลโลว์และไม่มีการบอกว่ามันจะมาหรือต้องการชีวิตเขาเมื่อไหร่
เหงื่ออันเย็นเฉียบไหลลงที่ขมับของเขา อีกสิ่งหนึ่งที่เขากังวลคือต้นไม้เซียนวิลโลว์รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาที่นี่แล้วหรือไม่ ยุ่นหลิงไม่แน่ใจ
หุบเขาพันภูเขาอาจมีขนาดใหญ่ แต่เซียนนั้นมีความสามารถในการรับรู้ที่มีรัศมีกว้างกว่าหุบเขาพันภูเขาแห่งนี้เสียอีก คงไม่แปลกที่จะคิดว่าต้นไม้เซียนวิลโลว์อาจรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหุบเขาพันภูเขา บางทีในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันมันอาจกำลังจับตามองพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
นั่นเป็นความคิดที่น่ากลัวที่สุด และเป็นหนึ่งในความคิดที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมากที่สุด
ยุ่นหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้งในความคิดของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเองเล็กน้อยว่า ‘นี่ไม่ตัวข้าเลย ไม่คิดเลยว่าข้าจะกลัวขนาดนี้ทั้งที่ข้ายังไม่ได้พบเจอกับมันนั้นเลย… ’
เมื่อย้อนกลับไปในเมืองหลวงหลายคนหวาดกลัวเขา ไม่มีใครในวัยเดียวกันกับเขาเทียบกับเขาได้ เนื่องจากความยอดเยี่ยมของเขา ยุ่นหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะดูถูกคนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวเขา เขาเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าอัจฉริยะคนอื่นๆ ในจักรวรรดิ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงประเมินตัวเองสูงเกินไป เขาจะไม่สบตาเมื่อเผชิญหน้ากับผู้อื่นที่มีพลังมากกว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเขาเชื่อว่าเขาจะเหนือกว่าพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว
อย่างไรก็ตามเมื่อรู้ว่ามีเซียนที่ฆ่าทุกอย่างที่ขวางมันในหุบเขาพันภูเขายุ่นหลิงก็นึกถึงสิ่งหนึ่ง
การตายของมัน
ในรูปลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของสิ่งต่างๆมันเป็นเพียงการดำรงอยู่ที่ไม่มีความจำเป็น แม้ว่าเซียนจะมีพลังมากมายเกินกว่าที่เขาจะหยั่งถึง แต่ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากกว่าพวกเขา เมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเขาก็เป็นเพียงแค่ละอองฝุ่นเท่านั้น
เส้นเลือดในมือเขาค่อยๆปูดขณะที่เขากำหมัดจนแน่น จากนั้นเขาก็คลายกำปั้นของเขาในขณะที่เขาถอนหายใจ
“น่าสมเพช ข้าไม่ใช่คนเดิมที่ข้าเคยเป็น ข้าต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อที่ข้าจะไม่รู้สึกแบบนี้อีก” ยุ่นหลิงพูดกับตัวเองด้วยความมั่นใจ
จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้ว จิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรมาระยะหนึ่งแล้ว ยุ่นหลิงมองไปข้างๆ เขาเพียงเห็นจิ้งจอกที่นอนอยู่บนพื้นโดยไม่รู้สึกตัว ตอนนี้จิ้งจอกตัวนี้อ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ไม่มีอะไรน่ากังวลถ้าผ่านพ้นไปได้สามวันจิ้งจอกตัวนี้จะกลับมามีสภาพที่เหมือนเดิมอีกครั้ง
ยุ่นหลิงรีบช่วยจิ้งจอก เขาตัดสินใจที่ช่วยจิ้งจอกตัวนี้ไว้ภายใต้การป้องกันของเขาเพราะเขาถือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่ามากกว่าผลไม้ที่มีอายุยืน ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้มันตายไป
ยุ่นหลิงถอนหายใจ ก่อนหน้านี้มันยังวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วแท้ๆ หลังจากที่ทุกอย่างจบลงและมันแน่ใจว่าลูกชายของมันไม่ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไปความตึงเครียดในร่างกายของมันอาจจะหายไปและในที่สุดร่างกายของมันก็จะได้รับการพัก นั่นเป็นเอาจเป็นงื่อนไขการฟื้นพลังของจิ้งจอกตนนี้
เขานำร่างของจิ้งจอกเข้าไปในถ้ำทันทีขณะที่ยุ่นหลิงโน้มตัวก้มลง
…
หลายชั่วโมงต่อมาจิ้งจอกก็ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว” ยุ่นหลิงพูด
“ขอโทษด้วยที่ข้าทำให้เจ้าไม่สบายใจ” จิ้งจอกขอโทษด้วยความอับอายที่ปรากฏชัดในน้ำเสียงของเขา
“อย่าเลย มันวิเศษมากที่เจ้าสามารถรอดมาได้นานขนาดนี้แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในสภาพใกล้ตายก็ตาม” ยุ่นหลิงกล่าวด้วยความจริงใจ เขามั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเขาตัดสินใจได้ถูกต้องโดยเลือกให้ความสำคัญกับจิ้งจอกมากกว่าผลไม้อายุยืน
จิ้งจอกดูเหมือนจะสังเกตเห็นมือของยุ่นหลิงที่เปล่งประกายขณะที่เขาจับร่างของมันลง น่าแปลกที่จิ้งจอกค่อยๆรู้สึกว่าร่างกายของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะแค่เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“ข้าได้ใช้อำนาจของข้าในการรวมขอบเขตของเจ้าในขณะที่เจ้าหมดสติ มันอาจไม่ได้ผลเท่ากับเจ้าจะทำด้วยตัวเอง แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ตอนนี้เจ้าตื่นแล้วเจ้าควรทำด้วยตัวเองเพื่อที่เจ้าจะสามารถกินผลไม้อายุยืนได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ” ยุ่นหลิงสั่งขณะที่เขาละมือออกจากร่างของจิ้งจอก
จิ้งจอกถอนหายใจ เขาไม่รู้อีกว่าจะตอบแทนยุ่นหลิงอย่างไรหลังจากสิ่งทั้งหมดที่เขาทำเพื่อมันและลูกชายของมัน
“เจ้าสามารถรวมขอบเขตของเจ้าในขณะที่เจ้ากำลังทำวิ่งอยู่ได้หรือไม่? ข้าต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด ข้าไม่สามารถสบายใจได้ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่ในสถานที่แห่งนี้”
จิ้งจอกพยักหน้า “ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของข้า ข้าทำได้ถ้าเราไม่ไปเร็วเกินไป”
"ดีมาก เรากำลังจะออกเดินทางในตอนนี้ ข้าจะอุ้มลูกชายของเจ้าไว้แทนดังนั้นเจ้าแค่ให้ความสำคัญกับตัวเจ้าเองก่อน”
จิ้งจอกไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น มันสบายใจที่จะฝากลูกชายของมันไว้ที่ยุ่นหลิง นอกจากนี้มันถามเขาแล้วก่อนหน้านี้ว่าหากจะพาลูกชายไปด้วยมันต้องเสียสละชีวิตตัวเองหรือไม่ แต่นั่นไม่จำเป็นอีกต่อไปตั้งแต่ที่ยุ่นหลิงตัดสินใจที่จะช่วยมันด้วยการมอบผลไม้อายุยืนอันมีค่าให้กับมัน