ตอนที่ 26 ข้ารับใช้
ผีสองตัวที่สิงเชิงเทียนกับนาฬิกาค่อยๆเผยให้เห็นรูปแบบผีของพวกมัน
“อย่าปล่อยให้มนุษย์อยู่ในปราสาทนี้…นานเกินไป เจ้านายของเราเกลียดมนุษย์มาตลอด”
น้ำเสียงของฟ็อกเกอร์ยังคงเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและหวาดกลัว
ผีทั้งสองรับใช้ดยุคแห่งกระดูกมาหลายร้อยปีแล้ว และพวกมันก็ภักดีต่อนาง
ในช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมาพวกเขาได้เห็นมนุษย์ที่โง่เขลาจำนวนมาก ที่เข้ามาในอาณาเขตของดยุคและถูกกลุ่มผู้กินวิญญาณจำนวนมากกลืนกินโดยไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ แม้แต่คนที่โชคดีก็ยังถูกเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตอันเดธ
มนุษย์ทุกคนที่กล้าเข้าใกล้อาณาจักรของดยุคต้องพบกับจุดจบที่น่าสยดสยอง และหญิงชราคนนี้ซึ่งไม่ใช่แม้แต่ผู้วิเศษไม่เพียงแต่เข้ามาในปราสาท แต่ยังเพลิดเพลินไปกับอาหารอีกด้วย!
ในอดีตพวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้
กระนั้นในความเป็นจริงต่อหน้าพวกเขาก็คือดยุคแห่งกระดูกกำลังปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วย "ความกระตือรือร้น"
“นี่คือพระประสงค์ของท่านดยุคเอง เจ้าไม่สังเกตหรอว่าหลังจากที่เจ้าชายเสด็จมา ท่านดยุคมีความสุขมากขนาดไหนในสองวันที่ผ่านมา? แม้แต่เสียงดนตรีของท่านก็แทบจะกลายเป็นรูปโน้ตดนตรี”
ฟาร์โลว์เป็นหนึ่งในนักไวโอลินในวงออเคสตราของดยุคแห่งกระดูก ความทรงจำในอดีตชาติของเขายังคงสดใหม่แม้จะจบลงด้วยการบวงสรวงศพของดยุค
“นอกจากนี้ ’” Canon in D“ของฝ่าบาทก็น่าทึ่งจริงๆ ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าอยากไปเยี่ยมนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่คนนั้นในประเทศที่ห่างไกลของเขาจริงๆ”
ในขณะที่พวกเขาคุยกัน เสียงเปียโนเบา ๆ ก็ดังขึ้นในปราสาท โน้ตดนตรีช่วยบรรเทาความหนาวเย็นและความเศร้าโศกที่แทรกซึมไปทั่วปราสาทก่อนหน้านี้
“เจ้าไม่คิดว่าการปกครองของท่านดยุคหวนกลับไปเป็นเหมือนในอดีตในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้หรือ?”
เมื่อฟังเพลงนี้ฟาร์โลวก็ตระหนักว่าตั้งแต่โจชัวมาถึงดยุคแห่งกระดูกก็เปลี่ยนไปมาก
ก่อนหน้านี้ดยุคแห่งกระดูกหวาดระแวงมาตลอด นางจะไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใด ๆ เข้าสู่อาณาเขตของนาง และหากจำเป็นจริงๆนางจะไม่ออกจากอาณาเขตของตัวเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงใช้เวลาเนิ่นนานในการขังตัวอยู่ภายในปราสาท
"เมื่อก่อน? แน่นอน ในที่สุดท่านก็หัวเราะในแบบที่เราไม่เห็นมาหลายทศวรรษแล้ว”
ฟ็อกเกอร์มองไปที่เพื่อนของเขา และหลังจากเป็นเพื่อนกันมานาน ฟ็อกเกอร์ก็เข้าใจความหมายของฟาร์โลว์ เมื่อเขากล่าวถึง "อดีต"
“ให้ตาย! ถ้าไม่ใช่เพื่อการปฎิวัติเลวร้ายเหล่านั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าชายจะต้องพ่ายแพ้ต่อนายท่านของเราอย่างแน่นอน”
“อะแฮ่ม…ฟาร์โลว์”ฟ็อกเกอร์กระแอมในลำคอและเตือนฟาร์โลว์ ในขณะที่ฟาร์โลว์เป็นผี แต่มันก็ยังรู้สึกหนาวสั่นที่หลังได้
“ถ้านายท่านของพวกเจ้าได้ยินสิ่งที่เจ้าสองคนเพิ่งพูด มันจะมีเหตุผลมากเกินพอที่นางจะเลี้ยงเจ้าทั้งสองไว้กับสุนัข”
เสียงเล็กๆดังขึ้นข้างหลังพวกเขา และพวกเขาหันไปหาผีหนุ่มและโค้งคำนับทันที
"ท่านโดโม"
โจชัวเดินตามผีเข้าไปในห้องโถง ขณะที่มันนำทางไป ผีตัวนี้เป็นรองแค่ดยุคแห่งกระดูกและเป็นพ่อบ้านของปราสาท
เขายังเป็นผีที่เล่นบทบาทของถ้วยน้ำชาก่อนหน้านี้
“ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ยังมีอีกหลายส่วนยังไม่เสร็จที่ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วย”
โจชัวไม่เคยทำได้ดีกับคำพูดซ้ำซาก
ชีวิตของโปรแกรมเมอร์มักจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นและพูดน้อยลง ดังนั้นโจชัวจึงอธิบายสั้น ๆ กับผีที่อาศัยอยู่ในปราสาทว่าจะต้องทำยังไงต่อไป
มีผีทั้งหมดยี่สิบเอ็ดตัวในปราสาทที่มีสิทธิ์รับใช้ดยุคแห่งกระดูก เห็นได้ชัดว่าพวกมันแตกต่างจากผีที่คงรูปร่างไว้เพียงปีหรือสองปี และผีจำนวนหนึ่งในปราสาทอาจมีมาตั้งแต่ในยุคก่อนรุ่งอรุณของมนุษยชาติ
ผีทั้งยี่สิบเอ็ดตัวมีความสามารถในการสิงสิ่งของและใช้เป็นร่างได้ นั่นช่วยให้โจชัวแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งใน“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ก็คือข้าวของที่มีชีวิต
“ความปรารถนาของท่านคือคำสั่งของเรา ฝ่าบาท”
ผีทั้งสามคำนับให้โจชัวอย่างสุภาพ
“งานปัจจุบันของเจ้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเจ้าทุกคนอาจจะออกไปพักผ่อนบ้าง”
โจชัวเป็นคนนอกของปราสาทเป็นคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์สั่งใคร แม้จะเป็นเช่นนั้นโจชัวก็ไม่พบความขุ่นเคืองใด ๆจากผี
มันอาจเป็นตัวตนของเขาในขณะที่เจ้าชายสามที่มามีบทบาทในเรื่องนี้หรือไม่?
โจชัวไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นในตอนนี้ ขณะที่เขาเฝ้าดูผีทั้งสามหายไป เขาก็หันไปหาซีนาร์ทข้างๆเขา
ปีศาจบาปสวมเครื่องแต่งกายสั่งทำพิเศษซึ่งซ่อนผิวหินลาวาทั้งหมดของมัน และแสดงท่าทางเจ้าระเบียบเล็กน้อย
ซีนาร์ทเพิ่งเสร็จสิ้นฉากแรกของเขาที่เจ้าชายอสูรโยนพ่อของเบลล์เข้าไปในคุกใต้ดิน
ซีนาร์ทแสดงเป็นตัวเอก ในขณะที่เขารับบทเป็นเจ้าชายผู้คลั่งไคล้ที่กลัวการสื่อสารกับคนอื่น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซีนาร์ทรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย
“เพลงกล่อมเด็กของดยุคแห่งกระดูกทำให้นางหลับแล้ว นางจะได้รับการดูแลอย่างดีเมื่อตื่นนอน”
โจชัวรู้สาเหตุที่ซีนาร์ทรู้สึกแย่
ในฐานะที่เป็นปีศาจบาปผู้กล้าหาญและบ้าคลั่งในสงคราม ซีนาร์ทสามารถตัดหัวโจรทุกคนในหมู่บ้านนั้นอย่างไร้ความปราณีและทำให้พื้นดินอาบไปด้วยเลือด
แต่เมื่อเทียบกับหญิงชราที่ไร้พลัง เพียงแค่ตะคอกใส่นางและโยนนางเข้าไปในคุกใต้ดินอย่างหยาบคายก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ซีนาร์ทรู้สึกอับอาย
เมตตา?
มันเป็นอารมณ์ที่เผ่าพันธุ์ซึ่งเกิดมาเพื่อเข่นฆ่าอย่างปีศาจบาปไม่ควรมี เปลวไฟของซีนาร์ทถูกเตรียมไว้สำหรับคนบาปและผู้ที่ทำชั่วเท่านั้น
“อินอร์จะมาที่ปราสาทในตอนบ่าย หลังจากการถ่ายทำ มนุษย์คนนั้นจะเป็นอิสระ ซีนาร์ทใช้เวลานี้เพื่อค้นหาผีสองตัวที่สามารถเต้นได้ เพื่อเรียนรู้การเต้นรำซะ”
โจชัวมั่นใจว่าเขาสามารถถ่ายทำ“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ให้เสร็จได้ภายในเวลาอันสั้น
โดยปกติแล้วส่วนที่ใช้เวลาถ่ายทำมากที่สุดคือความผิดพลาดจากนักแสดง และการจัดมุมกล้อง เทคนิคหลังการถ่ายทำและสิ่งที่ไม่ ...
อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับโจชัว นักแสดงทุกคนในปราสาทเป็นคนรับใช้ของดยุคแห่งกระดูก ซึ่งแตกต่างจากชาวบ้านที่ยากต่อการควบคุม
หากสิ่งต่างๆดำเนินไปเร็วพอโจชัวคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการถ่ายทำทั้งหมดของภาพยนตร์ในเวลา 1 สัปดาห์
ท้ายที่สุดแล้ว“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของแผนการ ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นก้าวย่างของโจชัวสู่อาณาจักรมนุษย์