ตอนที่ 9: หม่าล่าลูกกุ้ง (ส่วนที่2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ลูกกุ้งนั้นจับได้ง่ายกว่าพวกปลามากๆ. แค่หว่านแหไปก็ได้มาเพียบแล้ว. ไม่นานลูกกุ้งก็เต็มถัง. เสี่ยวฉีหยิบลูกกุ้งขึ้นมาแล้วถาม “พี่ขาๆ วันนี้เราจะกินเจ้าตัวนี้หรอ?”
ลูกกุ้งดิ้นไปมาที่นิ้วเธอ. พอเสี่ยวฉีไม่ระวังตัว มันก็ลื่นหลุดจากนิ้วเธอแล้วหล่นหายไปในแม่น้ำ.
“มันหนีไปแล้ว!” เสี่ยวฉีอยากจะพุ่งตามไปแต่ชิยูห้ามเธอไว้.
“ปล่อยมันไปเถอะจ่ะ! เรามีเยอะแล้ว!”
“อื้อๆ” จากนั้นเสี่ยวฉีรีบวิ่งไปเด็ดดอกไม้.
ชิยูยิ้มขณะที่มองเสี่ยวฉีกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขไปมา. ที่ด้านหลังเธอ เล่าเอ๋อ, เสี่ยววูกับเสี่ยวหลิวเด็กผู้ชายทั้ง3คนเดินตามเธอพร้อมกับถังในมือ.
ไม่นานเสี่ยวฉีก็กลับมาพร้อมกับมงกุฏดอกไม้แล้วเธอก็วางมันลงบนหัวของชิยู. พวกเธอทั้งสองมีมงกุฏบนหัวและมีความสุขกันมากๆ.
สายลมอ่อนๆ, ความเยาว์วัย, อิสระภาพ, ชีวิตแบบนี้มันก็ไม่เลวนักหรอก.
พอเอาลูกกุ้งเข้าเมืองมา, มีหลายคนเห็นพวกเธอจึงถาม “พวกเธอจับเจ้าพวกนี้มาทำไมน่ะ?”
“เอามากินค่ะ!” เสี่ยวฉีรีบตอบทันที. พอเธอนึกถึงอาหารอร่อยๆที่พี่สาวเธอทำให้ทุกๆวัน เธอก็น้ำลายสอทันที.
“เจ้าพวกนี้มันกลิ่นแรงมากเลยนะ แถมล้างยากด้วย. มันเหมือนกับกินโคลนเข้าไปเลย ไม่อร่อยซักนิด”
“มีแต่พวกสามัญชนแหละที่กินของแบบนี้” กลุ่มสตรีหัวสูงรีบแซะทันที.
“เห้อพวกเธอนี่น่าสงสารจังนะ. ชั้นว่าพวกนี้คงไม่มีวันได้กินเนื้อสัตว์ปราณตลอดไปแน่!” สตรีอีกคนหยิบสตางค์ออกมาแล้วโยนลงพื้นจากนั้นมองหยามมาทางชิยู “เอ้านี่ ชั้นให้”
ชิยู: “.....”
แค่โยนเหรียญให้ก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าแล้วเหรอ?
ชิยูจับมือเสี่ยวฉีพร้อมเรียกเด็กคนอื่นๆแล้วรีบเดินผ่านไป.
สตรีอายุน้อยนั้นไม่ได้รับคำขอบคุณตามที่เธอหวังไว้จึงโกรธขึ้นมา “นี่ เจ้าพวกสามัญชนนั่นน่ะ! ชั้นอุตส่าทำบุญให้, ทำไมไม่คุกเข่าแล้วขอบคุณชั้นล่ะห้ะ? พวกชั้นต่ำแบบพวกแกนี่ไร้มารยาทจริงๆ!”
ชิยูไม่ชอบในสิ่งที่เธอพูดเลย.
ใครคือ ‘พวกชั้นต่ำ’งั้นหรอ? พวกเค้าอาจจะยากจนแต่พวกเขาก็มีศักดิ์ศรีนะ.
ชิยูหยิบตำลึงเงินออกมาก้อนนึงแล้วโยนไปให้หญิงคนนั้น “ตำลึงเงินนี่ชั้นให้เธอ. ไม่ต้องคุกเข่าแล้วขอบคุณชั้นหรอก. ชั้นกำลังรีบ”
พอพูดเสร็จก่อนที่หญิงคนนั้นจะตอบโต้ ชิยูก็พากลุ่มเด็กขอทานรีบหนีไป. พอเธอเข้ามาถึงซอยเธอก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาก.
“เร็ว, วิ่งไป!” ชิยูรีบคว้าถังแล้ววิ่งเข้าไปในซอยเขาวงกต. พื้นที่ของสามัญชนแถบนี้มีทางเลี้ยวและทางลัดอยู่มาก. ถ้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่ล่ะก็คงจะหลงได้ง่ายๆเลย.
หื้ม, เธอโหดเกินปไ. เธอต้องทำตัวเสงี่ยมกว่านี้รอบหน้า.
เมื่อพวกเธอมาถึงบ้าน, เธอก็เทลูกกุ้งทั้งหมดลงในถังน้ำใสๆแล้วปล่อยให้พวกนั้นคลายดินออก. ชิยูพร้อมจะเตรียมมื้อค่ำแล้ว.
พอเธอกำลังจะทำก็มีแขกมาหา2คน.
ชิยูคิดไว้แล้วว่าพวกเขาน่าจะมาไม่ช้าก็เร็ว. เธอบอกให้เล่าเอ๋อดูลูกกุ้งทั้งหมดไว้แล้วไปเปิดประตู.
เป็นอย่างที่คิด, แขกนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากเชฟหลี่กับศิษย์ของเขา, ปู้หยาน.
เชฟหลี่รีบมองไปรอบๆแล้วเอ่ยชม “เธอนี่เก่งจังนะ. ที่นี่สะอาดมากๆ.”
ชิยูยิ้ม. เสี่ยวฉีเอาแก้วน้ำชามาให้2ใบแล้วเสิร์ฟให้แขก.
เชฟหลี่นั่งลงบนเก้าอี้แล้วรีบเข้าเรื่องทันที “ชิยู, ชั้นได้ยินมาว่าหนูขายซาลาเปาอยู่. ซาลาเปาพวกนั้นเป็นที่นิยมมากถึงขนาดว่ามีคนไปเข้าแถวรอซื้อตั้งแต่เช้า. เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ?”
ชิยูยิ้ม “นี่เป็นแค่ธุรกิจเล็กๆเท่านั้นค่ะ. พวกเราโชคดีที่ลูกค้าหลายคนอยากช่วยเรา”
“อื้ม, ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกนะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของเชฟหลี่เริ่มจะกว้างขึ้น “การทำอาหารของหนูนั้นยอดเยี่ยมมาก. ชั้นขอพูดตรงๆเลยแล้วกัน. หนูขายสูตรให้ชั้นได้มั้ย?”
“.....” ชิยูไม่เคยคิดเลยว่าอาหารง่ายๆอย่างซาลาเปาจะต้องมีสูตรด้วย.
เชฟหลี่เห็นว่าชิยูไม่ตอบและคิดว่าเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่. เขาจึงพยายามกดดันเธอทันที “หนูรู้รึป่าวว่ามีหลายคนเริ่มสนใจหนูแล้ว? ธุรกิจหนูกำลังไปได้สวยแต่มันก็ไปแย่งลูกค้าจากคนอื่นๆ. หนูคิดดูสิไม่เกิน3วันคงจะมีคนมาสร้างเรื่องให้แน่. แล้วร้านหนูก็จะพังแล้วหนูกับเด็กคนอื่นๆก็จะเจ็บกันหมด. หนูเสียกับเสียแน่!”
สิ่งที่เชฟหลี่พูดนั้นคือสิ่งที่ชิยูรู้อยู่แล้ว. ในเมืองชิงฉานนี้มีร้านอยู่กี่ร้านล่ะ? ขนาดร้านอาหารใหญ่ๆยังขายซาลาเปาเลย. พอคนหันมาซื้อซาลาเปาเธอเยอะๆ พวกนั้นก็คงจะอิจฉาและเกลียดแน่นอนอยู่แล้ว.
“คุณให้หนูได้เท่าไหร่คะ?” เธอถาม.
เชฟหลี่ยิ้มแล้วยกนิ้วขึ้น2นิ้ว.
“???” ชิยูถามไป “200ตำลึงเงินหรอคะ?”
“ปู้ด..” เชฟหลี่พ่นน้ำชาออกจากปาก “2ตำลึงเงินต่างหากเล่า. นี่แค่สูตรซาลาเปาธรรมดาๆ. 2ตำลึงเงินก็เยอะแล้วนะ”
“.....” ชิยูยิ้ม.
เธอโกรธมาก.
เชฟหลี่คนนี้คิดว่าเธอเป็นเด็กไร้เดียงสาหรอ? หลายวันมานี้เธอทำเงินได้อย่างน้อยก็1ตำลึงเงิน. ตอนนี้เขาอยากจะซื้อสูตรมันด้วยเงินแค่2ตำลึงเงินนี่นะ. หลอกซื้อกันชัดๆ.
เชฟหลี่เห็นว่าชิยูยิ้มเลยคิดว่าเธอคงจะพอใจ. เขาควักเงินออกมาแล้วพูด “เอ้านี่เงิน. หนูบอกสูตรให้ชั้นฟังแบบปากเปล่าก็ได้”
ชิยูไม่อยากขายสูตรแต่เธอคิดว่าตอนนี้เธอยังไม่มีกำลังใดๆเลย จึงเลือกที่จะไม่ทำให้เชฟหลี่ไม่พอใจดีกว่า. ดังนั้นเธอจึงรับเงิยมาแล้วบอกสูตรไป.
ปู้หยานเดินออกไปเพื่อเลี่ยงการแอบฟัง.
หลังจากพักหนึ่งเชฟหลี่ก็จากไปอย่างมีความสุข. แต่ก่อนเขาจากไปเข้าหันไปทางปู้หยานแล้วขอให้เขาอยู่ “อายุพวกเธอน่าจะใกล้ๆกัน ลองดูสิเพื่อพวกเธอสองคนจะเข้ากันได้”
ชิยูได้กลิ่นแผนทันที เธอจึงขมวดคิ้ว.
ปู้หยานเองก็รู้สึกว่าอาจารย์เขาเยอะเกิน. เขาขอโทษอย่างอายๆ “อย่าอารมณ์เสียเลยนะครับ”
“โอ๊ะ ไม่หรอก. เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายหรอกนะ. แต่รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ทำไมนายถึงยังตามเขาอยู่ล่ะ?”
ชิยูถาม.
ปู้หยานค้อมหัวลง, “ท่านอาจารย์เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดีน่ะ”
“เลิกโกหกเถอะ. ดูชุดนายสิ. ตอนที่ชั้นเห็นนายครั้งแรก ชุดนายมีรูด้วย. ตอนนี้รูมันก็กว้างขึ้น. ถ้าเขาเลี้ยงดูนายอย่างดี, ต่อให้ไม่ซื้อเสื้อดีๆให้ใส่ก็น่าจะห้ามไม่ให้นายใส่ชุดขาดๆนี่นา! ช่างเหอะ! บางอย่างนายก็ควรต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง. ตอนนี้นายก็อยู่นี่แล้ว รอกินมื้อค่ำด้วยกันสิ”
พอพูดถึงปู้หยาน ชิยูรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายนัก. เด็กหนุ่มคนนี้มีจิตใจที่อ่อนโยนและเป็นเชฟฝึกหัดที่ร้านอาหาร. เธอจึงสงสัยความสามารถเขา.
ชิยูพาเขาเข้าไปในครัวแล้วบอก “วันนี้ชั้นจะทำอะไรอร่อยๆให้นายกิน. แต่นายต้องไม่บอกเรื่องนี้ให้อาจารย์นายฟัง. ต่อให้เขาถามนายก็ต้องปิดเป็นความลับเอาไว้ซะ”
ปู้หยานประหลาดใจแล้วพยักหน้า “ผมจะปิดเป็นความลับแน่”
ชิยูยิ้มด้วยความพอใจ. เชฟหลี่บอกให้ปู้หยานอยู่นี่เพื่อคอยสอดส่องสูตรอาหารเพิ่ม. ถ้าปู้หยานสามารถขโมยมาให้เขาได้คงจะดีไม่น้อย.