ตอนที่ 4 เกมนี้เริ่มแพร่หลาย (รีไรท์)
"รีบวางบอมเชอร์รี่ดิ"
"ไม่ๆๆ ใส่พริกขี้หนูตรงนี้จะช่วยเก็บแสงแดดได้ 25 ดวง"
ริชาร์ดไม่ได้เล่นเองมากว่าชั่วโมงนึงแล้ว เพราะมีคนคอยกำกับอยู่ข้างหลังเขาไม่ต่ำกว่า 20 คน ว่าวซื่อๆ ก็ครึ่งหนึ่งของคนทั้งห้องเกม กำลังดูเกมบนหน้าจอคอมฯเขาอยู่
ทุกคนส่งเสียงจอแจกันด้วยความกระตือรือร้นว่าจะนำต้นไม้มารวมกันอย่างไร พอเล่นถึงเลเวล 19 ริชาร์ดก็เริ่มลนเล็กน้อย ในที่สุดสถิติของเขาหยุดลงที่เลเวล 25
"เฮ่อ น่าเสียดาย"
"ริชาร์ด เอ็งแม่มอย่างกากปล่อยให้ตัวเองติดกำแพงถั่วตั้งนาน"
"ริชาร์ดคุณเมิงลงมาเลย เอ็งหมดสิทธิ์ยึดคอมฯ แล้วเฟ้ย"
"ไอ้จั๊ดง่าวเอ๊ย ทำไมเราต้องมารุมแย่งกันเล่นเกมอยู่เครื่องเดียวด้วยเล่า วิลเลียมมีซีดีไรท์ เราทุกคนก็เอาไปลงเล่นเองได้เฟ้ย"
"แจ่มวิลเลียม เอาแผ่นลงเกมให้ตูด่วน!!"
กลุ่มคนมาห้อมล้อมวิลเลียมทันที วิลเลียมถึงกับปวดหูเพราะมีพวกนี้มาแหกปากอยู่ข้างๆ หูเขาถึง 2-3 คน
เขารีบยื่นซีดีเกมให้เพื่อนร่วมชั้นที่ใกล้ที่สุด กลุ่มคนผลัดออกจากเขาทันที ไปล้อมรอบคนที่ถือซีดีแทน
เมื่อเห็นกลุ่มทหารผ่านศึกกำลังตบตีแย่งชิงกันอยู่ วิลเลียมก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูท่าว่าเกมคลาสสิกเกมนี้ก็ยังเป็นเกมคลาสสิกต่อไป เกมแนวกลยุทธ์นี้เคยได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปและอเมริกา
วิลเลียมอยู่ในห้องเล่นเกมมาสามชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ทั้งห้องก็เล่นเกม Plants vs. Zombies เพื่อนร่วมชั้นบางคนตกใจกับฉากร้อนแรงในห้องเกม ใช้เวลาไม่นานในการดู ก็สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเพื่อนร่วมชั้นกำลังเล่นกันอยู่
พวกเขาทุกคนไม่ใช่คนโง่ ไม่มีคนโง่ที่ไหนจะเข้ามหาวิทยาลัยลอนดอนได้ แต่ตอนนี้คนเหล่านี้มองวิลเลียมด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด สายตาในการมองวิลเลียมของพวกเขาหลายคนเปลี่ยนไป
วิลเลียมมองไปที่นาฬิกาของเขา คิดว่าตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วแถมไม่มีใครผ่านระดับจนจบหลังจากเล่นมาตั้งแต่เช้า
วิลเลียมเดินไปที่ผนังกระดานดำในห้องเล่นเกมและปรบมืออย่างแรง พูดเสียงดังว่า "เฮ้ เฮ้ พวกหยุดก่อน ทุกคนดูนี่"
หลังจากหลังจากจอแจกันอยู่ซักพักกลุ่มผู้มีความสามารถก็หยุดเกมและมองไปที่วิลเลียม พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นแฟนเกมตัวยง พวกเขาอาจจะรู้ว่าเกมนั้นดีหรือไม่ แต่วิลเลียมกำลังจะได้รับโชคครั้งใหญ่
พอวิลเลียมเห็นทุกคนมองมาที่เขา ก็เริ่มพูดว่า : "พวกนายทุกคนรู้ดีว่าเกมนี้ออกแบบมาเพื่อให้คนเล่น แต่เป้าหมายสูงสุดของมันก็คือการขายเพื่อหาเงิน ฉันเลยอยากถามทุกคนว่าถ้าเกมนี้ขายได้ 5 ปอนด์พวกนายจะซื้อกันมาเล่นกันไหม? แน่นอนเพื่อเป็นการตอบแทนที่ตอบคำถาม ฉันจะให้ซีดีเกมนี้ไปเล่นฟรีๆ"
หลังจากฟังคำถามของ วิลเลียม ทุกคนก็แหกปากไม่หยุดไม่ปล่อยให้ วิลเลียม รอนาน
"แน่นอนว่าฉันจะซื้อมันในราคา 5 ปอนด์เกมยอดนิยมแบบนี้สามารถขายได้อย่างน้อย 8 ปอนด์ขึ้นไป"
"วิลเลียมฉันต้องการซื้อซีดี 4 แผ่นในราคา 5 ปอนด์ตอนนี้เลย"
"ไม่มีปัญหา ราคาไม่แพงเลย"
วิลเลียม ได้ยินว่าพวกเขาสามารถรับราคา 5 ปอนด์ได้ แถมอีกหลายคนคิดว่า 5 ปอนด์นั้นถูกไป วิลเลียมเลยมีความมั่นใจขึ้นมากเกี่ยวกับแผนขั้นต่อไป
จอแจกันไปอีกซักพักวิลเลียมก็ปรบมือเรียกความสนใจ ขอให้ทุกคนเงียบและพูดว่า : "พวกเราเป็นเพื่อนกัน หลายคนก็รู้สถานการณ์ครอบครัวของฉัน ฉันไม่มีเงินมาก ไม่สามารถหาเจ้ามือเกมรายใหญ่ที่จะช่วยให้ฉันโปรโมตเกมได้ ก็เลยคิดหาวิธี ฉันไม่รู้ว่าเจ้าไหนยอมรับได้ "
วิลเลียมลังเลอยู่พักหนึ่งพลางคิดว่าจะพูดอย่างไร
"เฮ้ วิลเลียมฉันบอกได้เลย ว่าเกมของนายจะต้องได้รับความนิยมแน่ แต่วิลเลียม ฉันคิดว่านายควรจดลิขสิทธิ์เกมตอนนี้ดีกว่า ไม่งั้นนายจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่ในอนาคตแน่" โรเบิร์ต คาร์เตอร์จากโรงเรียนกฏหมายเอ่ยเตือนวิลเลียม
เขากับวิลเลียมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะเขาเป็นคนผิวดำและไม่สนใจเรื่องสีผิวของวิลเลียม ทั้งสองจึงเคยออกไปเล่นด้วยกันอยู่สองสามครั้ง หลังจากที่พวกเขาพบกันในชมรมเกมก็กลายเป็นเพื่อนกัน
"ขอบใจนะโรเบิร์ต นายมั่นใจได้เลยเมื่อไม่กี่วันก่อนฉันเพิ่งไปจดลิขสิทธิ์ทั้งสตอรี่เกมและการออกแบบเกมรวมถึงลิขสิทธิ์ทั้งหมดที่สามารถลงทะเบียนสำหรับเกมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวพืชหรือตัวละครในเกมจดหมดเกลี้ยง" วิลเลียมกล่าวพลางขอบคุณ
เขารู้ว่าโรเบิร์ตเป็นคนใจดี แถมสามารถเตือนเขาในทันที บอกได้คำเดียวว่านี่แหละเพื่อนแท้ ดูได้จากเขาเป็นเพียงคนเดียวในห้องนี้ที่เตือนวิลเลียมเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยไม่สนจำนวนคนในห้องเลย?
แม้ว่านักศึกษาบางคนจะไม่ได้คาดหวังมุ่งร้ายในเรื่องนี้นัก แต่ก็มีนักศึกษาหลายคนในชมรมที่สนใจจะแอบก็อปเกมนี้นอกเวลาไปขายบริษัทเกมเพื่อหาเงิน
วิลเลียมกล่าวต่อไปว่า : "ฉันได้รับใบรับรองลิขสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้ฉันคิดว่าถ้าพวกนายสามารถยอมรับราคา 5 ปอนด์ได้ นักศึกษาที่เหลือก็คิดว่ามันน่าจะยอมได้สำหรับเกมที่ขายในราคามากกว่า 5 ปอนด์
ดังนั้นฉันจะขายเกมนี้ให้พวกนายในราคา 4 ปอนด์แล้วพวกนายก็ไปขายต่อสัก 6 ปอนด์ให้เพื่อนในคลาสหรือเพื่อนที่พวกนายรู้จัก พวกนายจะรับได้ไหม?"
ทันทีที่วิลเลียมพูดจบ เพื่อนร่วมชั้นในห้องก็เริ่มจอแจเสียงดังกันอีกครั้ง
"นี่เป็นความคิดที่แจ่มแมวมากเพื่อน ฉันจะสั่งซื้อกับนายทันทีเลย เกม EPS ที่ฉันซื้อครั้งล่าสุดมีราคาตั้ง 12 ปอนด์แถมเกมนั้นก็ไม่สนุกเท่าเกมนายเลย ฉันว่าฉันสามารถขายซีดีเกมนี้ได้เป็น 100 แผ่น"
"แค่ 100 แผ่นหรอ ฉันคิดว่าฉันขายได้มากกว่า 200 แผ่นอีกในเขตชุมชนของฉัน 200 คนที่ขายส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้นไม่ใช่น้อย ในชุมชนนั้นมีเด็กๆ พวกนี้เพียบ คงจะคลั่งกันแน่ถ้าเจอเกมที่พวกเขาชอบ"
"เฮ้ ไรอันพวก นายแม่มสมแล้วกับการเรียนการตลาด ทำไมฉันคิดไม่ได้ว่าจะขายในเขตชุมชน ฉันคิดแค่ว่าจะบอกพวกเพื่อนร่วมชั้นหรือไม่ก็พวกเพื่อนสนิท แบบนี้ก็แจ่มไปเลย ฉันว่าถ้าเกมนี้อยู่ในเขตชุมชนของฉันนะ มันคงจะปังสุดติ่งกระดิ่งแมวแน่นอน”
"บางทีเราน่าจะเปิดจอโชว์วางโน็ตบุ๊คสักสองสามเครื่องไว้ในพื้นที่มหาลัยเรานะ แล้วให้พวกรุ่นพี่ศิษย์เก่าลองเล่นดูก็ได้ ถ้าที่มหาลัยของเราเป็นที่นิยมทุกคนก็เอาของไปขายของที่มหาวิทยาลัยอื่นได้ นายคิดว่าไง สนป่าว?"
"น่าสนใจเป็นความคิดที่ดีน่าลองในมหาวิทยาลัยของเราก่อนพวกเราจะจัดตั้งทีมขายด้วยกันถ้าเราลองในมหาลัยจะได้ไม่ต้องเสียแรงหรือเงินมากเกิน พวกนายใครต้องการเข้าร่วม ก็มาได้เลย มาสมัครกับฉันนี่"
"เพิ่มฉันด้วย ฉันอยากจอยด้วย"
"อีกอย่างฉันคิดว่าเราน่าเปิดรับสมัครในนามของชมรมเกมของมหาลัยนะ ถ้าสมัครวันนี้เราคงจะได้รับการอนุมัติในวันพรุ่งนี้พอดี"
วิลเลียมฟังการอภิปรายอย่างกระตือรือร้นของทุกคนเกี่ยวกับการโปรโมตเกม หัวใจของเขาก็เบ่งบาน ในที่สุดมีคนมากกว่า 50 คนเจรจาร่วมกันทุกคนเสียเงิน 4 ปอนด์ให้วิลเลียมและจะได้รับเงิน 6 ปอนด์
วิลเลียมรู้ดีว่าราคานั้นต่ำไปหน่อย แต่ตอนนี้เกมยังไม่เป็นที่รู้จักเขาทำได้แค่โปรโมตเกมได้ในราคาต่ำเท่านั้น สำหรับ 4 ปอนด์เขาสามารถได้รับกำไรมากกว่า 3 ปอนด์ เขาจะได้รับมากขึ้นอีก เพราะคนกว่า 50 คนกำลังโปรโมตเกมนี้ให้เขาฟรีๆ เป็นพนักงานขายที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก แถมยังสามารถกระตุ้นการทำงานของทุกคนได้
ท้ายที่สุดถ้าคุณขายได้คุณจะได้รับมากกว่าหนึ่งสิ่ง เพื่อนร่วมชั้นเรียนในที่นี้ ล้วนเป็นทหารผ่านศึก(ผู้เชี่ยวชาญ) หลายคนเคยพัฒนาเกมมาก่อนและรู้ว่าเกมไหนดีไม่ดียังไง
วิลเลียมขอให้โรเบิร์ตและนักศึกษากฎหมายระดับสูงหลายคนทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับวิลเลียม ด้วยราคาที่เป็นกันเองโดยให้ซีดีเกมพวกเขาคนละ 25 แผ่น
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับข้อกำหนด รายละเอียดและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทั้งหมดแล้ว วิลเลียมก็หยิบปากกากับกระดาษออกมาเพื่อถามชื่อและจำนวนซีดีของทุกคนที่พวกเขาต้องการ
คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการจำนวนมากนักในการขายครั้งแรก แต่อย่างน้อยขอแผ่นจากวิลเลียมกันเป็นสิบๆ คน ยังมีนักการตลาดมองกาลไกลอีกหลายคนก็ขอมากกว่า 200 แผ่น
หลังจากนับจำนวนที่ทุกคนต้องการเรียบร้อยแล้ววิลเลียมก็ผงะกับข้อมูลที่ได้ 1,050 แผ่น ลองเฉลี่ยดูแล้วก็คนละประมาณ 20 แผ่น
หลังจากโรเบิร์ตกับคนอื่นๆ จัดเรียงเอกสารทางกฎหมายแล้วพวกเขาก็อ่านให้ทุกคนฟัง
วิลเลียม ใช้ลิขสิทธิ์เกมเป็นหลักประกันในการเรียกเก็บเงินมัดจำจากทุกคนเป็นเงิน 4 ปอนด์ต่อแผ่นเกม แล้วซีดีก็จะพร้อมสำหรับทุกคนภายในหนึ่งสัปดาห์
วิลเลียมได้เรียนรู้เกี่ยวกับตลาดการค้นหาราคาซีดีรอมแบบตายตัวในลอนดอนมาก่อน
ราคา 0.8 ปอนด์สำหรับสั่งซื้อแผ่นซีดีน้อยกว่า 10,000 แผ่น
ราคา 0.6 ปอนด์ สำหรับสั่งซื้อแผ่นซีดีมากกว่า 10,000 แต่น้อยกว่า 50,000
ราคา 0.5 ปอนด์ สำหรับสั่งซื้อแผ่นซีดีมากกว่า 50,000 แผ่น
แม่มเอ๊ย วิลเลียมจำได้ว่าในปี 2000 ซีดีรอมในประเทศจีนจะขายราคาเพียง 5 หยวน ถึงจะไม่ใช่ของแท้ เพราะถ้าเป็นของแท้ดูเหมือนจะขายราคามากกว่า 100 หยวน พี่ชายชาติก่อนของเขาซื้อเกม Warcraft ของถูกลิขสิทธิ์มันมีราคามากกว่า 100 หยวน
หลังจากที่ทุกคนจ่ายเงินเพื่อเซ็นสัญญา วิลเลียมก็กำเงิน 4,200 ปอนด์ไว้ในมือและรู้สึกตื่นเต้นสุดระงับ นี่เป็นกองทุนก้อนแรกของเขาตั้งแต่เขาเกิดใหม่มา เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะผ่านก้าวแรกมาได้อย่างง่ายดาย
วิลเลียมเอาเงินกลับไปที่หอพัก รีบไปหาศาสตราจารย์ที่เขาติดต่อไว้ก่อนหน้านี้
ในความเป็นจริงตามสิ่งที่รู้ พวกเขาสามารถผลิตก็อปปี้ได้น้อยกว่า 10,000 ชุดในเวลาน้อยกว่า 3 วัน แต่จุดประสงค์ของการเซ็นสัญญากับศิษย์เก่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์คือเพื่อเผื่อเวลาอีกสองสามวันในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
เขาใช้ลิขสิทธิ์เกมเป็นหลักประกัน หากมีปัญหาเขาเชื่อว่าเพื่อนร่วมชั้นกว่า 50 คนจะฉวยโอกาสกระโดดออกไปสร้างปัญหาแน่ บางทีพวกเขาอาจจะรอให้วิลเลียมมีปัญหา พวกนี้หลายคนก็เคยทำแบบนั้นมาก่อน แอบขายเกมในชมรมไปขายให้บริษัทเกม
เขาไม่กล้าเสี่ยง เลยใช้รูปแบบตายตัว วิลเลียมวางแผนที่จะไรท์ 5,000 แผ่นเองโดยตรง
มีค่าใช้จ่าย 4,000 ปอนด์เพื่อรับซีดี 5,000 แผ่นใน 3 วัน ยังมีเงินเหลืออีก 200 ปอนด์พร้อมเงินในมือของเขา วิลเลียม ตั้งใจจะจดทะเบียนบริษัท 2 บริษัทใน 3 วันนี้
ภาษีส่วนบุคคลในสหราชอาณาจักรสามารถสูบเงินในกระเป๋าได้สูงถึง 50% ตราบใดที่รายได้ต่อปีมากกว่า 150,000 ปอนด์ จะต้องจ่ายภาษีบุคคลธรรมดา 50% ของรายได้ทั้งหมด
ภาษีนิติบุคคลประจำปีอยู่ที่ 26% จากรายได้ต่อปี 300,000 ปอนด์เท่านั้น หลังจากปี 2012 ก็ลดลงไปเหลือ 24%
เพราะงั้น หลังจากได้ยินคำเตือนของโรเบิร์ตวิลเลียมรู้สึกว่าเขาต้องจดทะเบียนบริษัทด่วนจี๊เลย
========================