Chapter 9: พี่ชายของฉันดีเกินไปแล้ว! (ฟรี)
โฮวอู่ไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อเธอได้ยินโฮวอูเสิ่นปลอบโยนเธอด้วยการบอกเธอว่า "อย่ากลัว" ความรู้สึกไม่สบายใจของเธอก็พลันสงบลง
เธอกระพริบดวงตาสีองุ่นเข้มมองโฮวอูเสิ่น เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “พี่ชาย พี่อยู่กับอาอู่ได้ไหม?”
นี่เป็นครั้งแรกที่โฮวอูเสิ่นเห็นน้องสาวของเขาทำตัวน่ารักและเชื่อฟัง
เขาต้องบอกว่าเขาชอบน้องสาวคนปัจจุบันมากกว่าน้องสาวที่อวดดีและหยิ่งผยองในอดีต
เธอเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา โฮวอูเสิ่นจึงตอบเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่ต่างกัน “ได้สิ”
แม่บ้านจางเดินเข้ามาพร้อมกับยาลดไข้ในมือของเธอ
“คุณชาย ยานี้ได้ผลดีมาก ให้คุณหนูกินยานี้ พรุ่งนี้เช้าไข้ก็ไม่มีแล้วค่ะ ให้ดิฉันป้อนยาคุณหนู” ป้าจางกล่าวอย่างกระตือรือร้น
โฮวอูเสิ่นเหม่อมองโฮวอู่โดยไม่รู้ตัว
โฮวอู่ไม่แม้แต่จะหันไปมองแม่บ้านจาง ดวงตาที่คลุมไปด้วยหมอกขนาดใหญ่ของเธอมองไปที่โฮวอูเสิ่นตลอดเวลา
ดูเหมือนเธออยากจะร้องขออะไรบางอย่าง
แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรโฮวอูเสิ่นก็เข้าใจสายตาของเธอ
เมื่อมีคนป่วยหรืออยู่ในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุด พวกเขาต้องการให้สมาชิกในครอบครัวดูแลพวกเขามากกว่าคนนอก
โฮวอูเสิ่นรับยาจากแม่บ้านจางด้วยมือที่ยังว่างอยู่ จากนั้นก็พูดเบาๆว่า “ไม่จำเป็น”
ดูเหมือนว่าเขาจะป้อนยาโฮวอู่ด้วยตัวเอง
แม่บ้านจางอ้าปากค้างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดปฏิเสธของเขา
ลูกชายคนโตของบ้านมีนิสัยเย็นชา ลืมไปได้เลยเรื่องการป้อนยาคนอื่น แม้แต่ประสบการณ์ดูแลคนอื่นเขาก็ยังไม่มี
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเต็มใจดูแลคนอื่น
แต่แม่บ้านจางก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าโฮวอู่เป็นน้องสาวของโฮวอูเสิ่น
ถึงแม้คุณชายจะทำตัวเย็นชาและห่างเหินกับคนภายนอก ความจริงแล้วเขาก็มีมุมอ่อนโยนกับครอบครัวของตัวเอง
เธอดีใจที่เห็นพี่ชายกับน้องสาวสนิทกัน เธอไม่อยากรบกวนพวกเขาจึงถอยออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
โฮวอูเสิ่นดึงมือออกจากมือโฮวอู่ และวางมือของเธอลงอย่างแผ่วเบา เขาใช้มือซ้ายยกเธอขึ้นมาให้พิงตัวเขา
ร่างของโฮวอู่พิงอกโฮวอูเสิ่นอย่างคนไม่มีแรง น้ำหนักของเธอกดทับตัวเขาเบาๆ
หน้าผากของโฮวอู่อยู่ระดับคางของโฮวอูเสิ่น
เธอสัมผัสถึงลมหายใจของเขา
ลมหายใจแผ่วเบาและอบอุ่น
โฮวอูเสิ่นหยิบยาจากซองถือไว้ในมือ “อ้าปาก”
โฮวอู่ทำตัวดีมากเมื่อเธอป่วย เธอกลืนยาพร้อมจิบน้ำอย่างเชื่อฟัง หลังจากที่เธอกินยาเสร็จ โฮวอูเสิ่นก็เอนตัวเธอนอนลงบนเตียง
โฮวอูเสิ่นยืนขึ้นทำท่าจะจากไปหลังจากป้อนยาเสร็จ โฮวอู่รีบยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อเขาเอาไว้
“พี่ชาย....” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย และสูงมากกว่าเดิมอย่างกับเสียงลูกแมวที่กำลังงัวเงีย
โฮวอู่เสิ่นหยุดเคลื่อนไหวและหันกลับมามองโฮวอู่ที่นอนอยู่บนเตียง เขาถามว่า “เธอ...อยากกินอะไรไหม?”
โฮวอู่ไม่มีความอยากอาหาร เธอไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้าเป็นการตอบ
โฮวอูเสิ่นขมวดคิ้วกับคำตอบของเธอ เธอจำเป็นต้องกินสักหน่อย
“อยากได้โจ๊กเปล่าๆสักถ้วยไหม? ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?”
โฮวอู่กินข้าวเช้ากับโฮวอูเสิ่นและโฮวหยวน ตอนบ่ายเธอแค่ดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย
แต่ตอนนี้เธอไม่หิวสักนิด เธอไม่สามารถกลืนอะไรได้จริง ๆ หัวของเธอยังคงปวดตุบๆและเธออาจอาเจียนทุกอย่างที่กินเข้าไป
“อาอู่ไม่อยากกิน” โฮวอู่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจในขณะที่กระพริบตาปริบๆใส่เขา
โฮวอูเสิ่นปวดหัวขณะที่เขาบีบดั้งจมูก
ในช่วง 25 ปีที่เขามีชีวิตอยู่ เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยเผชิญกับอะไรที่ยากเท่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้มาก่อน
โฮวอูเสิ่นยอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับดวงตาลูกสุนัขของเธอ เขาถอนหายใจแผ่วเบาและทรุดนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “พี่ไม่ไปแล้ว”
โฮวอู่ผ่อนคลายขึ้นหลังจากที่โฮวอูเสิ่นบอกว่าไม่ไป
เธอยังกำแขนเสื้อเขาไว้แน่น
เธอรู้สึกว่าตราบใดที่เธอจับเขาไว้ เธอไม่ต้องกลัวอะไร
ตอนนี้ร่างกายของโฮวอู่อ่อนแอมาก เธอนอนลงบนเตียงนุ่มเหมือนปุยฝ้ายและหลับไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นาน
บางทีอาจเป็นเพราะเธอรู้ว่าโฮวอูเสิ่นยังนั่งอยู่ข้างเธอ ครั้งนี้เธอจึงไม่ฝันร้าย
กลับกัน ภายในฝันของเธอสงบสุขอย่างน่าประหลาด
เธอฝันถึงช่วงเวลาความสุขที่สุดในชีวิต
พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปนานแล้ว เธออาศัยอยู่กับย่าในชนบท
ชีวิตในชนบทนั้นเรียบง่ายและสภาพแวดล้อมก็สวยงาม ผู้คนที่อาศัยอยู่ในชนบทมีความซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง
เมื่อไม่ได้ไปเรียน เธอก็ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก เล่นว่าวหรือไม่ก็จับปลากับเพื่อน
มีกิจกรรมสนุก ๆให้ทำตลอดทั้งสี่ฤดูกาล
ช่วงเวลานั้นในชีวิตของเธอมีความสุขที่สุดที่เธอเคยมีมาในช่วงเวลา 24 ปีสั้นๆ ที่เธอมีชีวิตอยู่
เป็นเพราะคุณย่าของเธอยังมีชีวิตอยู่ และเธอก็มีเพื่อนที่ดีมากมาย
ความฝันอันอ่อนหวาน
ความฝันของเธอเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่ไร้กังวลและมีความสุขท่ามกลางผองพื่อน
โฮวอูเสิ่นค่อยๆดึงมือของเขาออกจากมือของโฮวอู่เมื่อเธอหลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากปิดประตู เขาก็หยิบมือถือออกมาโทรหาผู้ช่วย “ฉันต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของฉันก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เธอเกิดจนถึงตอนนี้ ฉันต้องการให้นายสืบทุกอย่างให้ละเอียด ได้ข้อมูลแล้วเอามาให้ฉันที่ออฟฟิศ”
คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์รีบตอบว่า “ครับ คุณชาย”
โฮวอูเสิ่นเปลี่ยนเป็นเย็นชาหลังจากคุยโทรศัพท์
แม้ว่าตระกูลโฮวจะมีอำนาจมากจนไม่หวั่นต่อการสั่นคลอน แต่ตระกูลที่ทรงงอำนาจย่อมดึงดูดศัตรูอยู่เนืองๆ
ไม่ทราบว่ามีกี่คนที่จับตาดูตระกูลโฮวและพยายามวางแผนสร้างความหายนะให้พวกเขา
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่เขากลับมาที่จีน หลายคนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
โฮวอูเสิ่นครุ่นคิดถึงการแสดงออกที่ผิดปกติของโฮวอู่เมื่อเร็ว ๆ นี้ และอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามีใครบางคนกำลังสร้างปัญหาให้กับเธอ
คิดได้เช่นนั้นเขาก็โทรหาคนผู้หนึ่ง
ครั้งนี้เขารอสายนานกว่าสายแรก มีหลายแง่มุมที่เขาจำเป็นต้องพิจารณา
หลังจากที่เขาให้คำแนะนำเสร็จแล้ว พายุที่โหมกระหน่ำภายใต้ดวงตาของโฮวอูเสิ่นก็สงบลงและกลับมาเป็นปกติ
เมื่อโฮวอู่ตื่น โฮวอู่เสิ่นก็นั่งอยู่ข้างเตียงเธอพร้อมแล็ปท็อปในมือ
ไม่มีไฟในห้องดังนั้นห้องจึงมืดเล็กน้อย แสงสลัวส่องบนแล็ปท็อปสีเงินซึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่คมคายของโฮวอูเสิ่น การสะท้อนของแสงสีเงินจากแล็ปท็อปทำให้เขาดูอ่อนโยนขึ้นหลายส่วนและให้ความรู้สึกคลุมเครือ