บทที่ 39 เผชิญหน้ากับตำนาน
บทที่ 39 เผชิญหน้ากับตำนาน
แววตาสีขาวอันคมกริบคู่หนึ่งมองผ่านช่องของถ้ำอย่างรอบคอบ ที่นั่นเขาเห็นใครบางคนยืนอยู่บนดาบบินดูราชาภูเขาโกลิอัทผู้ล่วงลับจากระยะไกลในสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาตกใจ
ดวงตาของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อหรี่ลงเมื่อเห็นเขา ...
นั่นคือมนุษย์
สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อนี้แยกเขี้ยวใส่เขาทันที
เขาเป็นใครกัน เขามาทำอะไรที่นี่? เขามาที่นี่เพื่อล่าพวกมันเหมือนกับคนอื่นๆ หรือไม่? หรือเขามาที่นี่เพื่ออย่างอื่น? หรือบางทีเขามาที่นี่เพื่อสำรวจสิ่งนั้น?
ดวงตาของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อจ้องมองอย่างเยือกเย็น ไม่ว่าเขาจะมีเจตนาอะไรหากเขาเป็นคนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา มันจะไม่ยอมถอยออกไปโดยไม่มีการต่อสู้ไม่ว่ามันจะอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม
จากนั้นร่างกายของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อก็ตื่นตัวขึ้นทันทีที่เขาเห็นมนุษย์ขยับตัวจ้องมองมาที่มันมันเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้กับมนุษย์แข็งแกร่งที่สุด
แม้ว่าสิ่งที่ไม่ทราบชื่อนี้อยู่ในท่าเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใดๆ ในขณะที่คนๆนั้นมองไปที่มันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหายไป
เมื่อมนุษย์คนนั้นจากไปร่างกายของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วขณะที่มันหอบเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า ที่จิตสำนึกทางความคิดบางส่วนขอมัน มันอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเองเล็กน้อย ตัวตนอันยิ่งใหญ่ของข้าหายไปไหน? มันเป็นแบบนี้เพราะมนุษย์ตัวเล็กๆคนนั้นหรือ ... ข้าผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
คนที่มันไม่เคยเห็นนั้นค่อยๆเดินมาขณะที่มันค่อยๆเคลื่อนตัวออกห่างจากที่เขาเพื่อไปหาวัตถุหน้าตาแปลกประหลาดภายในถ้ำ มันเป็นผลไม้ ผลไม้หน้าตาแปลกๆไม่ทราบชนิดที่วางอยู่ตรงหน้าขณะที่เขาเลียมัน
ผลไม้นั้นไม่ได้เป็นผลไม้ธรรมดาอย่างที่เห็นได้จากลักษณะของมัน มันเป็นผลไม้อายุยืน สิ่งที่ทุกๆคนต้องการและตามหามัน นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ชนิดเดียวกันที่สามารถปลดปล่อยมันจากความทุกข์ทรมานได้ สิ่งที่มันต้องทำคือการกินมันและรอสองสามวันก่อนที่จะฟื้นคืนความแข็งแกร่งได้ แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้มันฟื้นตัวได้เต็มที่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ดีกว่าการที่ไม่ได้กินผลไม้อายุยืนนี้
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถกินได้ในตอนนี้ ขอบเขตการฝึกตนของมันตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย มันต้องรวมขอบเขตของตัวมันก่อนจึงจะกินผลไม้ได้อย่างเต็มที่
สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อหลับตาลง เนื่องจากมนุษย์คนนั้นได้จากไปแล้วในที่สุดมันก็สามารถมีสมาธิในการรวมขอบเขตของมันได้ มันคาดว่าจะใช้เวลาสองวันในการทำมันให้เสร็จ เมื่อถึงตอนนั้นในที่สุดมันก็สามารถกินผลไม้และออกจากขุมนรกแห่งนี้ไปได้
สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อลืมตาขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขามองไปยังสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอันบอบบางข้างๆมันด้วยความโศกเศร้า สิ่งมีชีวิตตนนี้หลับไปอย่างรวดเร็วขณะที่มันนอนขดตัวอยู่บนพื้นและร้องครวญครางเบาๆในการนอนหลับของมัน สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อจ้องมองไปที่บาดแผลของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวนั้น มันมีบาดแผลใหญ่ที่ด้านข้างลำตัว
สำหรับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆเช่นนี้ บาดแผลแบบนี้เป็นอันตรายต่อชีวิตของมันอย่างแน่นอน สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อได้พยายามทำสิ่งที่มันสามารถทำได้เพื่อรักษาสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ แม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่มันก็บังคับตัวเองให้ไปหาสมุนไพรบางอย่างที่สามารถฟื้นฟูสภาพของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้ น่าเศร้าที่ความพยายามของมันไม่เพียงพอ หากยังทำแบบนี้ต่อไปสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้อาจจะตายได้
ในขณะที่สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชื่อกำลังดูสภาพของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กกลิ่นสมุนไพรก็ค่อยๆลอยขึ้นไปที่ถ้ำของพวกมันจนไปเตะจมูกอสูรตนหนึ่ง
มันมองไปที่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กราวกับว่ามันกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นด้วยรูปลักษณ์ที่มุ่งมั่นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบชื่อหยิบผลไม้อายุยืนและรีบออกมาจากถ้ำของมัน
ความเร็วของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบชื่อนั้นรวดเร็วมาก มันคงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วขนาดนี้ในสภาพปกติของมัน แต่มันบังคับให้ร่างกายทำเช่นนั้น ถึงกระนั้นมันก็รับภาระหนักมากจากร่างกาย มันสูญเสียการควบคุมและสะดุดล้มลงได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ยังไม่ลดความพยายาม มันยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเต็มที่โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ทุกวินาทีมีค่าสำหรับมัน ไม่มีเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์
แม้ว่าจะทำให้มันจะต้องตาย แต่มันก็ต้อง –
…
ยุ่นหลิงเช็ดปากด้วยหลังมือหลังจากดื่มน้ำกายศิษย์ที่เขาหยิบมาจากแหวนเก็บของ เนื่องจากเขาไม่มีพลังงานทางจิตอยู่รอบตัวร่างกายของเขาจึงไม่สามารถเติมเต็มพลังทางจิตที่เขาใช้เพื่อการใช้ดาบบินได้ หากเขาต้องการกู้คืนพลังงานทางจิตที่เขาสูญเสียไปเขาต้องนำพลังงานทางจิตรอบตัวเขามาเติมเต็มเท่านั้น น้ำกายศิษย์สามารถใช้เพื่อทดแทนพลังงานทางจิตได้ มันเป็นสิ่งของราคาแพงที่มีพลังทางจิตที่ปรุงโดยนักเล่นแร่แปรธาตุโดยเฉพาะเพื่อให้ผู้ฝึกตนฟื้นฟูพลังทางจิตของพวกเขาได้ด้วยการดื่มมัน
แม้ว่ายุ่นหลิงจะไม่ได้ใช้พลังงานทางจิตไปมาก แต่เขาก็ยังคงดื่มน้ำกายศิษย์หนึ่งอึกเพราะเขาต้องการอยู่ในสภาพที่พร้อมตลอดเวลา
ขณะที่เขากำลังจะนำน้ำกายศิษย์ที่เหลือกลับไปที่แหวนเก็บสัมภาระของเขา ยุ่นหลิงก็ตื่นตัวขณะที่เขารู้สึกว่ามีคนพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วสูง
เขาหยิบดาบเล่มยาวบางๆ ออกมาจากแหวนเก็บสัมภาระอย่างรวดเร็วขณะที่เขาเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่อาจเกิดขึ้น
ไม่กี่วินาทีต่อมาจิ้งจอกสีขาวก็อยู่ต่อหน้าเขาแล้ว
ยุ่นหลิงหรี่ตา
แต่จิ้งจอกที่เขาเห็นมีเพียงหนังหุ้มกระดูกขนของมันก็แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว และขนที่ยังเหลือก็อยู่ในสภาพที่พร้อมจะร่วงได้ทุกเมื่อ มันยังมีบาดแผลหลายแห่งในร่างกายของมันโดยบางส่วนยังคงมีเลือดไหลสดๆ จิ้งจอกตัวนี้ดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง ด้วยสภาพในตอนนี้ของมันยุ่นหลิงไม่แปลกใจเลยหากมันต้องตายในตอนนี้ เพียงแวบเดียวเขาก็สามารถบอกได้ว่าจิ้งจอกตัวอยู่ในสภาพใกล้กับความตายเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นแววตาของจิ้งจอกก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต
ยุ่นหลิงจ้องมองไปที่ผลไม้หน้าตาแปลกประหลาดที่คาบอยู่ที่ปากของจิ้งจอกตัวนั้น เพียงแค่แว่บเดียวเขาก็สามารถนึกได้ทันทีว่ามันคืออะไร
ผลไม้อายุยืน
ทันใดนั้นจิ้งจอกตัวนั้นก็คาบผลไม้วางไว้ที่พื้นขณะที่มันมองเขาอย่างไม่ละสายตา
ชายหนึ่งคนและจิ้งจอกหนึ่งตัว ...
และนี่ก็คือช่วงเวลาที่หนึ่งในสามอัจฉริยะระดับสูงสุด กับจิ้งจอกในตำนานของโลกพสุธาได้เจอกันเป็นครั้งแรก