ตอนที่ 2 หนทางสู่การสร้างเงิน
ท่าทางของเหย่หลิงเฉินสร้างความตกใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก
“นายแน่มากเหย่หลิงเฉิน! ฉันตกใจเลยนะเนี่ย!”
“ให้ตายสิ สุดยอดมากจริง ๆ นี่ถ้าให้ฉันทำนะ ฉันคงเขียนได้แค่เครื่องหมายเท่ากับเท่านั้นแหละ ขอคำนับเลย!!”
“โอ๊ยย เขาแค่แกล้งเขียนสูตรกับคำตอบมั่ว ๆ ขึ้นมานั่นแหละ เชื่อสิ”
…
ตอนนี้อารมณ์ของอสุราหลี่ใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทนแล้ว! เขาเพียงแต่รอจังหวะที่เหย่หลิงเฉินพลาดเท่านั้น.. แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเนื้อหาที่เขียนบนกระดาน เขาก็ห้ามความรู้สึกประหลาดใจนี้ไว้ไม่ได้ ริมฝีปากของเขาสั่นรัวไปด้วยหลากหลายความรู้สึก จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ณ ตอนนี้บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเพียงแต่เสียงชอล์กที่เหย่หลิงเฉินเขียนบนกระดานดำ...
สูตรการคำนวณต่าง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา เหย่หลิงเฉินยังคงเขียนไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มีทั้งสูตรที่เคยเรียนและสูตรที่คาดว่าเป็นของระดับชั้นมหาวิทยาลัย หลิงเฉินเขียนสูตรและวิธีการคำนวณทั้งหมดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
โดยปกติแล้วพวกนักเรียนหลังห้องจอมขี้เกียจไม่มีทางที่จะเข้าใจและแก้โจทย์ปัญหาข้อนี้ได้เลย มีแต่เพียงนักเรียนหัวกะทิเกรด A หน้าห้องเท่านั้นที่สามารถทำได้ แถมพวกนักเรียนหัวกะทิเหล่านี้ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้กับสูตรที่หลิงเฉินเขียนออกมา สูตรพวกนั้นสามารถใช้แก้ปัญหาโจทย์ข้อนี้ได้ด้วยหรอเนี่ย.. ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนักเหย่หลิงเฉิน!
ไอ้อ้วนจางมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความประหลาดใจราวกับว่าร่างกายของเหย่หลิงเฉินมีแต่แสงออร่าสว่างวาบปรากฎออกมา จางยังคงหาคำตอบกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เหย่เหลิงเฉินทำให้จางรู้สึกว่าเขาได้กลายเป็นคนที่น่าเกรงขามผิดกับเมื่อก่อนไปซะแล้ว
ในที่สุด.. คำตอบ d = 2 ก็ปรากฏขึ้น
“สุดยอด!! วิธีการแก้โจทย์ของเขาน่าประทับใจมาก แต่ว่านะคำตอบมันเท่ากับ 2 จริง ๆ เหรอ”
“ให้ตาย นี่เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย ตอนนี้ฉันรู้สึกราวกับว่าโลกกำลังจะล่มสลายแล้วสิ”
“นั่นมันเป็นไปได้จริง ๆ เหรอ หรือว่าที่ผ่านมาเหย่หลิงเฉินคือนักเรียนหัวกะทิเกรด A กันแน่!”
“เป็นไปได้ไหมว่าที่ผ่านมาเขาตั้งใจสอบให้ได้ศูนย์คะแนน!”
…
ทุกคนตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่เหย่หลิงเฉินได้แสดงให้พวกเขาเห็นนั้นทำให้ตอนนี้บรรยากาศในห้องเรียนเริ่มเต็มไปด้วยความปั่นป่วนและโกลาหล
“เงียบ!!” อสุราหลี่จ้องมองไปที่นักเรียนทุกคนด้วยสายตาที่แข็งกร้าวเพื่อต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ของทุกคน “เพื่อนกำลังทำโจทย์อยู่ อย่ารบกวน!”
‘คำตอบก็ออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ d = 2 ไง นี่ยังไม่เสร็จอีกเหรอ หรือมีวิธีอื่นอีกนะ?!’
ทุกคนจ้องมองไปที่กระดานอย่างไม่ละสายตา ตาของพวกเขาโตเสียจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าแล้วเมื่อเห็นว่าเหย่หลิงเฉินกำลังใช้วิธีคิดที่ 2 ในการแก้โจทย์ปัญหานี้ต่อ ทุกคนยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก!
เหย่หลิงเฉินลองเปลี่ยนวิธีคิดและใช้สูตรในการแก้ปัญหาใหม่ เขาเขียนมันออกมาอย่างขะมักเขม้น
ความเร็วของเขาเร็วมากกว่าการแก้โจทย์เมื่อสักครู่ และสุดท้ายคำตอบก็ออกมา d = 2
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงวิธีคิดออกมาได้ถึง 2 วิธีแล้ว เขาก็ยังคงถือชอล์กอยู่ในมือและยืนนิ่งอยู่หน้ากระดานดำราวกับว่าเขากำลังหลงอยู่ในความคิด
อีกไม่นาน เขาก็เขียนวิธีคิดที่ 3 ขึ้นมา..
อะ อะไรกัน.. มีวิธีที่ 3 อีกเหรอ?
ตอนนี้อสุราหลี่หายใจเร็วและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ! ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ตกใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับนักเรียนทั้งชั้น
อาจกล่าวได้ว่าวิธีคิดแก้โจทย์ปัญหานี้เป็นการผสมผสานระหว่างส่วนที่ยากที่สุดทั้งหมดของในโรงเรียนมัธยมปลาย เพราะว่าจะต้องใช้ทั้งสูตรที่แปลกใหม่ในการแก้แถมยังเป็นสูตรที่เกินกว่าระดับชั้นมัธยมปลายด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินก็สามารถใช้ความรู้ทั้งหมดที่เขาได้เรียนมาอย่างเชี่ยวชาญแก้โจทย์ปัญหาในครั้งนี้ อสุราหลี่รู้สึกอับอายมากที่ความสามารถของเขาด้อยกว่าเหย่หลิงเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ก็ตาม
อสุราหลี่หยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเขาเห็นวิธีคิดที่ 3 ดูเหมือนว่าเขาจะได้มองเห็นจักรวาลแห่งใหม่แห่งการแก้โจทย์ปัญหา เขาพึมพำออกมาจากมุมปากอย่างช่วยไม่ได้ “ใช้วิธีนี้แก้ได้เหมือนกันสินะ..”
น่าประทับใจจริง ๆ วิธีที่ 3 ของเหย่หลิงเฉินคือการแก้โจทย์ปัญหาด้วยการวาดแผนภาพ!
มันดูง่าย แต่มีประสิทธิภาพ เราสามารถรู้คำตอบของโจทย์ข้อนี้ได้เลยเพียงแค่ดูแผนภาพนี้เท่านั้น
อสุราหลี่รู้สึกเหมือนเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของเขาไปแล้ว เขารู้สึกอยากจะทุ่มตัวเองลงบนกระดานดำเพราะเขารู้สึกราวกับว่าเขาควรจะเป็นนักเรียนแทน ในขณะที่เหย่หลิงเฉินเป็นครูของเขา
“เฮ้อ ที่ไม่พอซะแล้วสิ” เหย่หลิงเฉินถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นเขาก็วางชอล์กลง
‘เป็นไปได้ไหมน่ะว่าเขายังมีวิธีคิดที่ 4 ในการแก้โจทย์ปัญหา?!’
นักเรียนถึงขั้นตกใจจนยกมือขึ้นมาปิดปากและน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
สิ่งมหัศจรรย์ที่ผิดปกติเช่นนี้มีอยู่จริงบนโลกนี้ นี่มันความอยุติธรรมของสวรรค์ชัด ๆ!
“การแก้โจทย์ปัญหาของเธอนั้นสมบูรณ์แบบมาก ทั้ง 3 วิธีคิดนี้ช่างยอดเยี่ยมและไม่มีที่ติ ทุกคนทำความเข้าใจและจดวิธีคิดทั้งหมดนี้เอาไว้ด้วย” ตอนนี้อสุราหลี่กลับกลายเป็นอาจารย์หลี่แล้ว เขารู้สึกประทับใจและยกย่องเหย่หลิงเฉินจากการแก้โจทย์ปัญหาเมื่อสักครู่นี้ ความโกรธจากการที่นักเรียนไม่สนใจเรียนกับถูกแทนที่ด้วยความเมตตา “เหย่หลิงเฉิน เธอได้พิสูจน์ตัวเองอย่างแท้จริงแล้วว่าเธอเป็นนักเรียนของฉัน ช่างน่าประทับใจจริง ๆ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันอนุญาตให้เธอไม่ต้องสนใจเรียนวิชาของฉันได้ และจะต้องไม่ไปรบกวนนักเรียนคนอื่น ๆ ตอนที่เขากำลังเรียนอยู่”
เหย่หลิงเฉินเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอย่างสงบภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคนในห้อง ไอ้อ้วนจางรู้สึกมึนงงด้วยความสับสนก่อนหน้านี้ เขาถึงกับพูดออกมาว่า แกนี่มันอัจฉริยะจริง ๆ เหย่หลิงเฉิน!!
เหย่หลิงเฉินยืดอกรับด้วยความภาคภูมิใจ เขาหยิบหนังสือวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาจากใต้โต๊ะและเริ่มพลิกดูหน้าต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็ว
ท่าทางที่เขาพลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็วนั้นมีลักษณะไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือแบบปกติทั่วไปเลยสักนิด ราวกับว่าเขาไม่ได้อ่านมันอย่างนั้นแหละ อย่างไรก็ตามเมื่อเพื่อนในห้องของเขาเห็นท่าทางของเหย่หลิงเฉินเช่นนี้ ก็พากันคิดไปว่าบางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดาสินะ
‘การเรียนรู้ด้วยตนเองในหนังสือเรียนวิชาอังกฤษ ความสามารถทางอังกฤษ +1 ’
‘การเรียนรู้ด้วยตนเองในหนังสือเรียนวิชาอังกฤษ ความสามารถทางอังกฤษ +1 ’
…
กริ๊งงงงงง!!!!
เมื่อเสียงระฆังบอกเวลาหมดคาบวิชาสุดท้ายดังขึ้น ก็ได้เวลากลับบ้าน นักเรียนทุกคนเก็บกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยขณะเตรียมกลับบ้าน
“ไอ้อ้วนจาง ไหนแกบอกฉันซิว่าวิธีที่ดีที่สุดในการหาเงินตอนนี้คืออะไร” เหย่หลิงเฉินถาม
“หาเงิน?” จางมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความประหลาดใจ “เรายังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเลยนะเพื่อน จะเอาวุฒิที่ไหนไปสมัครงานล่ะ ถ้าแกมีปัญหาเรื่องเงิน ฉันให้แกยืมก็ได้นะ”
“จะบ้าเหรอ ใครบอกแกกันว่าการที่เราจะหาเงินต้องเรียนจบจากมหาวิทยาลัยก่อน” เขาเม้มริมฝีปาก “นี่แหละเป็นเวลาที่จะแข่งกับคนอื่น ๆ โดยการอาศัยความสามารถของตัวเองยังไงล่ะ! เอาล่ะ สรุปแกรู้วิธีหาเงินดี ๆ บ้างไหม?”
“นี่แกตั้งใจจะหาเงินจริง ๆ หรอ?” ใบหน้าอ้วน ๆ ของจางเริ่มมีความสงสัย คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากัน “แกก็พูดถูก แกเรียนเก่งขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องรอเรียนจบก่อนก็ได้”
จางนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะพูดต่อว่า “สตรีมมิงสด!”
“ฮะ? สตรีมมิงสด??” เหย่หลิงเฉินทำหน้างง
“ก็ใช่น่ะสิ สตรีมมิงสดเนี่ยแหละเวิร์ค! ฉันได้ยินมานะว่าสตรีมเมอร์พวกนี้ได้รายได้ต่อปีมากกว่า 1 ล้านบาทเลยนะ แกแค่ใช้อินเทอร์เน็ตก็สร้างรายได้ดี ๆ ได้แล้ว!” จางแนะนำอย่างกระตือรือร้นแต่เขาก็แอบอิจฉาเหย่หลิงเฉินอยู่ไม่น้อย “แกเขียนนิยายด้วยก็ได้นะ จะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแถมยังสร้างรายได้อีกด้วย”
การเขียนนิยายจะต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์สั่งสมเป็นเวลานาน แถมเร่งไม่ได้ด้วยนี่สิ เหย่หลิงเฉินจึงตัดความคิดนี้ทิ้ง และถามจางว่า “ว่าแต่ เมื่อกี้แกพูดถึงสตรีมมิงสดใช่ไหมนะ?”
“แกไม่ใช่ผู้หญิง เพราะฉะนั้นแกจะขายหน้าตาไม่ได้ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแกน่ะ คือการสตรีมสดตอนแกเล่นเกม!” จางอธิบายต่อ “อย่างพวก DotA, LoL, PUBG แล้วก็อื่น ๆ อีกมากมาย เกมพวกนี้มีแฟน ๆ รอดูสตรีมอยู่เป็นพันเลยนะ!”
“แต่ว่านะ แกไม่เล่นวิดีโอเกมมาก่อน นี่อาจจะยากสักหน่อยแหละนะ” จางกล่าว
“เค เข้าใจละเพื่อน ขอบใจมาก” เหย่หลิงเฉินขอบใจจางพร้อมกับตบที่ไหล่เขา
…
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว โรงเรียนก็เลยไม่ได้ให้การบ้านนักเรียนเยอะ เพื่อที่พวกเขาจะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือและจะได้ไม่เครียดมากจนเกินไป เหย่หลิงเฉินมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนหลังเลิกเรียน
“พ่อ วันนี้พ่อยุ่งปะ?” เหย่หลิงเฉินเดินเข้าไปในสำนักงานบริหารของโรงพยาบาลอย่างคุ้นเคยพร้อมกับวางกระเป๋าของเขาไว้บนโต๊ะ
เหย่จินขยับแว่นของเขาขึ้น พร้อมกับตอบลูกชายของเขาไปว่า “พ่อมีผ่าตัด คืนนี้แกจะต้องนั่งอยู่ในห้องพ่อแล้วอ่านหนังสือซะ”
‘เหมือนเดิมทุกวัน ฮ่า ๆ’ เหย่หลิงเฉินคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคำตอบของพ่อก็คงจะเหมือนเดิมทุกครั้ง
เหย่จินเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน ด้วยอาชีพหมอเป็นงานที่ยุ่ง ชีวิตของเขาจึงต้องใช้เวลาอยู่แต่ในโรงพยาบาลทั้งวัน บางทีอาจจะเป็นเพราะเขารู้สึกผิดที่ไม่ได้มีเวลาให้กับลูกเหย่หลิงเฉินของเขามากพอ เขาจึงไม่เคยลงโทษเหย่หลิงเฉินเลยสักครั้งเวลาที่ผลสอบของเขาออกมาไม่ดี สิ่งที่เขาขอเพียงอย่างเดียวก็คือให้เหย่หลิงเฉินมาอ่านหนังสือที่โรงพยาบาลหลังเลิกเรียนทุกวัน
เหย่หลิงเฉินดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง เขามองไปรอบ ๆ ห้องจนเหลือบไปเห็นหนังสือทางการแพทย์เล่มหนาวางอยู่บนโต๊ะ
มีทั้ง ‘ตำรายาสมุนไพรจีนสำหรับการแพทย์แผนจีน’ ‘นามานุกรมการแพทย์แผนจีน’ และ ‘กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา’
เขาได้ยินจากพ่อของเขาว่าโรงพยาบาลจะแจกหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ให้กับเจ้าหน้าที่เป็นระยะ ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เรียนรู้และเสริมเพิ่มเติมความรู้ของพวกเขา แต่พ่อจะอ่านมันรึยังนะ..
เหย่หลิงเฉินหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง และเริ่มเปิดผ่านเร็ว ๆ แบบทุกครั้ง
‘ความสามารถจากการเรียนรู้ ตำรายาสมุนไพรจีนสำหรับการแพทย์แผนจีน นามานุกรมการแพทย์แผนจีน และ กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ด้วยตัวเอง +1 ’
‘ความสามารถจากการเรียนรู้ ตำรายาสมุนไพรจีนสำหรับการแพทย์แผนจีน นามานุกรมการแพทย์แผนจีน และ กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ด้วยตัวเอง +1 ’
‘ความสามารถจากการเรียนรู้ ตำรายาสมุนไพรจีนสำหรับการแพทย์แผนจีน นามานุกรมการแพทย์แผนจีน และ กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ด้วยตัวเอง +1 ’
...
แถวคำพวกนี้ปรากฏขึ้นในความคิดของเหย่หลิงเฉินอย่างต่อเนื่องซ้ำ ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด หนึ่งในบล็อกทักษะที่ดำคล้ำถูกปลดล็อกออกมาแล้ว และเริ่มแสดงทักษะทางการแพทย์ที่เขาเพิ่งเรียนรู้มา “ระดับความเชี่ยวชาญ: 10% และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหย่จินกลับเข้ามาและพบว่าลูกของเขากำลังอ่านหนังสือทางการแพทย์อยู่ด้วยความสนใจ เขาถอนหายใจเบา ๆ “อยู่เวรแทนพ่อที่นี่ด้วยล่ะ เดี๋ยวพ่อจะไปเข้าห้องผ่าตัดแล้วจะกลับออกมาในอีกสองชั่วโมง”
เหย่หลิงเฉินพยักหน้ารับในขณะที่เขายังคงอ่านหนังสือทางการแพทย์ในมือของเขาต่อ คิ้วบนใบหน้าของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
“อ๋อใช่ พ่ออยากจะเตือนแกหน่อยนะ การอ่านหนังสือน่ะมันก็ปกติดีอยู่หรอก แต่อย่าเที่ยวเอาไปฝึกรักษากับใครอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า กฎข้อที่ 1 ของแพทย์คืออย่าฝืนทำสิ่งที่ไม่ได้รู้จริง ๆ” เหย่จินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
เหย่จินรู้นิสัยของลูกชายเขาดี หากลูกชายของเขาคิดว่าตัวเองมีความรู้เพียงพอจากการอ่านหนังสือแค่นี้ไปเที่ยวรักษาคนอื่น จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่
‘การเรียนรู้ด้านจริยธรรมทางการแพทย์ ความสามารถจากการเรียนรู้แพทย์แผนจีนด้วยตัวเอง +10’
‘การเรียนรู้ด้านจริยธรรมทางการแพทย์ ความสามารถจากการเรียนรู้แพทย์แผนจีนด้วยตัวเอง +10’
…
“ช่างแ*งละโว้ย!”
เหย่หลิงเฉินรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของพ่อมาก
เขากวาดสายตาอ่านหนังสือเล่มเดิมในมืออย่างรวดเร็วเช่นเคย แต่แปลกที่หลังจากเหย่จินพ่อของเขาออกจากห้องไปแล้ว ระดับความสามารถของเขากลับไม่เพิ่มขึ้นอีกเลย
‘หรือถ้าฉันอ่านหนังสือเล่มเดิมต่อไปเรื่อย ๆ ขีดความสามารถจะไม่เพิ่มขึ้นกันนะ..’
เขาครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะวางหนังสือในมือลงแล้วหันไปหยิบหนังสือเล่มใหม่ ‘นามานุกรมการแพทย์แผนจีน’ มาอ่านแทน ทันใดนั้นเองระดับความสามารถของเขาก็กลับมาเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง!
มันเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ ว่าการเพิ่มขึ้นของระดับความสามารถนั้นจะไม่เพิ่มขึ้นอีกถ้าเขายังคงอ่านหนังสือเล่มเดิมต่อ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็คิดได้ว่า การอ่านหนังสือเพียงไม่กี่เล่มแค่นี้ไม่สามารถทำให้เขามีความรู้และประสบการณ์มากพอในการประกอบอาชีพแพทย์ได้ เขาต้องการหาวิธีที่ใช้เวลาสั้นลง เรียนรู้เพียงไม่นานและสามารถเพิ่มระดับความสามารถของเขาต่อได้ คงจะเหลือวิธีเดียวแล้วสินะที่จะเพิ่มระดับความสามารถได้ นั่นก็คือจะต้องไปเรียนกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
เหย่หลิงเฉินเลยล้มเลิกความคิดการเพิ่มระดับความสามารถทางการแพทย์ เขาหันไปเห็นคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของพ่อ ความคิดดี ๆ ก็ได้ผุดขึ้นมา..
‘สตรีมมิงแบบสดหรอ หึ ลองดูสักหน่อยก็แล้วกัน...’
? ติดตามผลงานและข่าวสารก่อนใครได้ที่
Facebook : June6 Translate นิยายแปลไทย
Thank you ?
June6