บทที่ 34 ดีกว่าพวกสวะทั่วไป
บทที่ 34 ดีกว่าพวกสวะทั่วไป
องค์ชายที่สี่ยิ้มขณะที่เขาเฝ้าดูหยุนยี่เดินผ่านระเบียงออกจากที่พำนักของเขา
เขามีความสุขมาก ในที่สุดเขาก็ได้ยุ่นหยี่มาอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาหลังจากเตรียมตัวมามาก แม้ว่าเขาจะใช้เงินไปมากมายกับเขา แต่องค์ชายที่สี่ก็ไม่รังเกียจ อันที่จริงเขาเต็มใจที่จ่ายมากขึ้นเพื่อยุ่นหยี่ นั่นเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเขาเนื่องจากยุ่นหยี่เป็นกุญแจสำคัญในการพิชิตตระกูลยุ่น
“ฝ่าบาทข้าควรตามเขาไปไหม” คนที่ยืนอยู่ในที่ร่มห่างจากองค์ชายที่สี่ไม่กี่เมตรถาม
“ไม่จำเป็นหรอก” องค์ชายที่สี่กล่าว “แต่บอกคนอื่นให้จับตาดูเขา เราต้องแน่ใจว่าเราสามารถเชื่อใจเขาได้ก่อนที่จะใช้เขา”
เขาพยักหน้าให้องค์ชายที่สี่ก่อนจะหายไปในความมืด
บุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากองครักษ์ส่วนตัวขององค์ชายที่สี่ซึ่งเป็นบุคคลลึกลับที่ไม่ค่อยแสดงตัวตนให้ใครเห็นเพราะเขาชอบทำงานคนเดียวอย่างลับๆ อันที่จริงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา แม้กระทั่งพ่อของเขาซึ่งเป็นจักรพรรดิก็รู้ว่าองค์ชายที่สี่มีคนอย่างเขาเป็นองครักษ์ส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ในขณะที่องค์ชายที่สี่และยุ่นยี่กำลังคุยกันองครักษ์ส่วนตัวของเขาก็คอยฟังพวกเขาตลอดเวลา องค์ชายที่สี่สั่งให้เขาทำเช่นนั้นในกรณีที่ยุ่นยี่ไม่ได้อยู่ข้างพวกเขา เหตุผลที่องค์ชายที่สี่เปิดเผยหลายสิ่งหลายอย่างต่อยุ่นหยี่โดยไม่ต้องกังวลมากเกินไปก็เพราะ หากยุ่นหยี่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับเขา องค์ชายที่สี่จะสั่งให้องครักษ์ส่วนตัวของเขาฆ่าเขาโดยไม่ลังเล ในที่สุดด้วยข้อมูลที่เขาให้กับยุ่นหยี่ มันจะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะตายเพราะเขาไม่ได้เป็นพันธมิตร และยุ่นหยี่จะกลายเป็นอุปสรรคต่อแผนการของเขาแทน
“ยุ่นยี่, ยุ่นหยี่, ยุ่นหยี่…อย่าทำให้ข้าผิดหวัง...” องค์ชายที่สี่กล่าวขณะยิ้มอย่างมีเลิศนัย
…
ณ โลกพสุธา
เขตปกครองของนิกายวารีพาดผ่าน - ทางเข้าของหุบเขาพันภูเขา
“เฮ้ มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่” ลูกศิษย์จากนิกายอื่นถามขณะที่เขาเฝ้าดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่ทางเข้าหุบเขาพันภูเขา
“ข้าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าลูกศิษย์จากนิกายวารีพาดผ่านยั่วยุใครบางคนให้ออกจากสู้ มีคนอธิบายให้เขาฟังโดยไม่ละสายตาจากที่เกิดเหตุ
สาเหตุที่มีลูกศิษย์จากนิกายอื่นๆ อยู่ในนั้นเนื่องจากหุบเขาพันภูเขาเป็นพื้นที่สาธารณะ แม้ว่าจะตั้งอยู่ในอาณาเขตของนิกายวารีพาดผ่าน แต่ นิกายวารีพาดผ่านก็เป็นเพียงนิกายชั้นสอง พวกเขาไม่สามารถยึดหุบเขาพันภูเขาไปเป็นของพวกเขาได้เพราะพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่ง นิกายอันดับหนึ่งอื่นๆ ก็ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหลังจากการทำข้อตกลงกันอย่างจริงจังระหว่างนิกายอื่นๆ หุบเขาพันภูเขาก็เปิดให้เป็นที่สาธารณะ
“เจ้าเห็นผู้ชายคนนั้นไหม! เขากำลังต่อต้านคนเหล่านั้นจากนิกายวารีพาดผ่านจริงๆ!” อีกคนหนึ่งกล่าวขณะที่เขาดูการต่อสู้ด้วยความหวาดกลัว
“เขาไม่ได้มีเพียงแค่ความเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจเหนือพวกเขาทั้งหมด! เขาอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับศิษย์หลักจากนิกายชั้นหนึ่ง!”
ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างยุ่นหลิงและลูกศิษย์ของนิกายสารีพาดผ่าน พวกเขาเปิดตัวด้วยการใช้ศิลปะการต่อสู้ชั้นยอดสู่ยุ่นหลิง ในทางกลับกันยุ่นหลิงก็หลบการโจมตีของพวกเขาอย่างเกียจคร้านด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย
การต่อสู้เริ่มต้นจากการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่หลังจากที่คู่ต่อสู้คนแรกของเขาพ่ายแพ้ในทันทีที่เหลือก็ตัดสินใจที่จะรวมกลุ่มกับเขา ถึงอย่างนั้นยุ่นหลิงก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะมีปัญหากับคนกลุ่มนั้น
ขณะที่ยุ่นหลิงหลบหลีกการโจมตีของพวกเขา เขารู้สึกได้ถึงพลังงานทางจิตวิญญาณที่สะสมอยู่ด้านหลัง ยุ่นหลิงหันไปรอบๆ และเห็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนิกายวารีพาดผ่านกำลังใช้ฝ่ามือของเขาวนรอบๆเป็นวงกลม
“รับไป! คลื่นพิรุณธาโถม!” ศิษย์ของนิกายวารีพาดผ่านตะโกนขณะที่เขาผลักฝ่ามือขวาไปข้างหน้าตรงวงกลมตรงกลางที่เขาสร้างขึ้น ไม่ถึงชั่วครู่ต่อมากระแสน้ำที่มีแรงกดดันสูงก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขาและมุ่งตรงไปยังยุ่นหลิงด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ยุ่นหลิงกระโดดไปด้านข้างหลีกเลี่ยงการโจมตีในวินาทีสุดท้ายขณะที่กระแสน้ำขนาดใหญ่พุ่งผ่านข้างๆเขา เขากำลังจะขยับและหลบอีกครั้งเมื่อเขารู้สึกได้ถึงการโจมตีอีกระลอกจากคลื่นน้ำที่พุ่งลงมาหาเขา แต่เท้าของเขาไม่ขยับดั่งที่เขาต้องการ เขามองลงไปอย่างรวดเร็วและเห็นเท้าทั้งสองข้างของเขาพันกันด้วยเถาวัลย์และรากที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนออกจากที่ๆเขายืนอยู่ตอนนี้ได้
‘ศิลปะการต่อสู้ประเภทการใช้พืชไม้’ ยุ่นหลิงคิดหลังจากที่ได้เห็นเถาวัลย์และรากไม้ที่ตรึงเท้าของเขา
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและขมวดคิ้วขณะที่เขาเห็นดาบบินหลายสิบเล่มพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็วซึ่งควบคุมโดยลูกศิษย์ของนิกายวารีพาดผ่านจากระยะไกล ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกได้ถึงกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากที่เขาเพิ่งหลบไปที่จะเข้าใกล้เขาจากด้านหลังอีกรอบ
‘นั่นไม่ใช่แค่การโจมตีที่พุ่งมาธรรมดาๆ เท่านั้น เขาสามารถควบคุมกระแสน้ำให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระตามที่เขาต้องการ ’ยุ่นหลิงวิเคราะห์ว่าจู่ๆน้ำที่มีแรงดันสูงมาอยู่ที่ด้านหลังของเขาหลังจากหลบมัน ปรากฏว่ามันสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ตามความต้องการของผู้ใช้
สถานการณ์ของยุ่นหลิงไม่สู้ดีนัก แม้ว่าเขาจะสามารถกำจัดเถาวัลย์และรากไม้ที่รัดเท้าของเขาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถหลบการโจมตีที่มาจากด้านบนและด้านหลังได้ในระยะใกล้เช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยืนหยัดต่อสู้และเผชิญหน้ารับการโจมตีของพวกเขา
เหล่าลูกศิษย์ของนิกายวารีพาดผ่าน รู้สึกตื่นเต้นเมื่อในที่สุดพวกเขาทำให้ยุ่นหลิงติดกับดักของพวกเขาได้ ในระหว่างการปะทะกันก่อนหน้านี้พวกเขาสังเกตเห็นพวกเขาไม่สามารถโจมตีให้โดนยุ่นหลิงได้เลย เหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาโกรธมากที่ไม่ได้จริงจังกับเขาและยังทำให้พวกเขาคิดว่าจะทำยังไงกับยุ่นหลิงดี พวกเขาวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ ยุ่นหลิงอีกเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจ พวกเขาจึงโจมตีพร้อมกันทุกทิศทางเพื่อทำให้ยุ่นหลิงไม่สามารถหลบการโจมตีได้
ในที่สุดพวกเขาก็แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเขาแทบจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของพวกเขาจากกับดักนี้ได้
ในขณะที่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ลูกศิษย์ที่เหลือก็มีโอกาสแสดงกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดในตัวของพวกเขาและส่งกระบวนท่าทั้งหมดนี้ไปที่ยุ่นหลิง
ยุ่นหลิง ทำเพียงแค่ยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้ เมื่อการโจมตีของพวกเขาอยู่ห่างเพียงไม่กี่วินาทีจากตัวของเขา เขาก็ประสานมือหนึ่งครั้ง
ตู้มม!
กระบวนท่าทั้งหมดของลูกศิษย์นั้นหายไปในครั้งเดียว แรงจากการตบมือทั้งสองของยุ่นหลิงมีพลังมากพอที่จะทำลายการโจมตีของพวกเขาทั้ง ลูกศิษย์บางคนที่อยู่ใกล้ยุ่นหลิงกระเด็นออกไปประมานสี่ถึงห้าเมตร
นั่นเป็นหนึ่งในศิลปะชั้นยอดที่ยุ่นหลิงมีอยู่ในตัวของเขา ด้วยการผสมผสานพลังทางจิตวิญญาณของเขาเข้าด้วยกันและตบมือเข้าด้วยกันเขาสามารถสร้างคลื่นเสียงที่ทรงพลังมากพอที่จะตอบโต้กระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมของฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดและทำลายพวกมันลง
ถ้ายุ่นหลิงทำสิ่งนี้ในระยะใกล้เคียงกับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า พวกเขาน่าจะแก้วหูแตกและหูหนวกหรือระเบิดเป็นเสี่ยงๆจากแรงสั่นสะเทือนนั้นเอง แน่นอนว่ายุ่นหลิงสามารถทำเช่นนั้นกับลูกศิษย์เหล่านี้ได้ แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น พลังของคลื่นเสียงของเขามุ่งเน้นทำลายกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามมากกว่า มิฉะนั้นพวกเขาจะบาดเจ็บหนักมากกว่าการถูกทำให้กระเด็นออกไปสะอีก
ลูกศิษย์ของนิกายวารีพาดผ่านและแม้แต่ลูกศิษย์จากนิกายอื่นๆ ก็มองเขาด้วยความตะลึง ผู้ชายคนนี้ช่างประหลาด ในสถานการณ์แบบนั้นเขายังคงสามารถพลิกผันสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย มันทำให้พวกเขาสงสัยว่าเขาห่างชั้นกับผู้ชายคนนี้มากแค่ไหนกัน
"ไม่เลวนี่ ลูกศิษย์นิกายนั้นดีกว่าพวกสวะทั่วไปในโลกภายนอกที่ข้าเคยเห็นมา พวกเจ้ามีทีมเวิร์คที่ดีมากเมื่อเทียบกับพวกเขา” ยุ่นหลิงกล่าวโดยนึกถึงผู้เข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทองที่เขาเคยเห็นในงานเลี้ยง โดยเฉพาะพวกเขาอยู่ในระดับที่เท่ากันหรือด้อยกว่าผู้ฝึกฝนเหล่านี้ที่อยู่ในนิกายที่นี่เสียอีก อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการต่อสู้แบบทีมพวกเขาจะแพ้แปดในสิบครั้งอย่างแน่นอน
คำพูดของยุ่นหลิงทำให้ลูกศิษย์ของนิกายวารีพาดผ่านโกรธ
ยุ่นหลิงกล่าวเสริมว่า “น่าเสียดายที่เจ้าอ่อนแอเกินไป แม้แต่พวกเจ้าทุกคนเข้ามาพร้อมกันก็ยังไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”