ทะลุมิติเทพศาสตรา EP.20 หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน 2
EP.20 หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน 2
หมาป่าวายุได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย มันพลิกตัวและลุกขึ้นมากระโจนใส่หลินมู่อวี่ที่อยู่ด้านหลัง
หลินมู่อวี่เห็นเช่นนี้ รีบใช้สองมือจับดาบ ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีแทงดาบเข้าใส่หมาป่า “ฉัวะ” ดาบโลหะทะลุเข้าไปในร่างของหมาป่าวายุ แต่ดูเหมือนจะสังหารมันไม่ได้ หมาป่าวายุตวัดกรงเล็บเข้าใส่หน้าอกของหลินมู่อวี่ พริบตาเดียวบาดแผลอันที่น่าตกใจก็ปรากฏบนอกของหลินมู่อวี่ หลินมู่อวี่พยายามต่อต้านอย่างสุดแรง ในขณะเดียวกันก็ข่มความเจ็บปวดเอาไว้ เขาใช้มือขวาคว้าลูกธนูที่หล่นอยู่ขึ้นมา และเสียบลูกธนูเข้าที่ท้องหมาป่าวายุ!
“ฉึกก!”
ปลายลูกธนูอาบยาสลบทะลุผ่านผิวหนังของหมาป่าวายุ มันกรีดร้องโหยหวน แต่กลับยังอ้าปากอยู่ และงับอากาศอย่างบ้าคลั่ง หลินมู่อวี่ตกใจจนไม่กล้าเงยหน้า เพราะถ้าหมาป่าวายุสามารถกัดลงมาที่คอของเขาได้ ชีวิตของเขาต้องจบลงที่นี่
เหตุการณ์นี้ยืดเยื้ออยู่ราวครึ่งนาที หมาป่าวายุเริ่มขยับช้าลง นี่เป็นเพราะยาสลบเริ่มออกฤทธิ์ แต่ในขณะที่หลินมู่อวี่ลดการป้องกันลง หมาป่าวายุก็ได้ใช้ฟันแหลมคมกัดลึกเข้าบริเวณคอของหลินมู่อวี่
ชั่วพริบตาที่หลินมู่อวี่กำลังเผชิญกับความตาย ไม่รู้ว่าพละกำลังมาจากที่ใด เขากำหมัดชกไปที่หมาป่าวายุอย่างรุนแรง
“ตูม!”
วินาทีที่หมัดของเขาซัดเข้าใส่หมาป่าวายุ รอบหมัดมีพลังอันลึกลับไหลเวียนอยู่ ราวกับมิติบิดเบี้ยว พร้อมกับเสียงหนึ่งที่กังวานขึ้นในสมองของหลินมู่อวี่
หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!
นี่มัน...พลังเจ็ดประทีป?
หมาป่าวายุร้องออกมาและกระเด็นกระแทกจนอวัยวะภายในของมันกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ ด้วยการต่อยเพียงหมัดเดียว หลินมู่อวี่รู้ดีว่าผิวหนังของหมาป่าวายุแข็งแกร่งขนาดไหน แม้แต่ดาบที่คมกริบยังไม่แน่ว่าจะแทงทะลุผิวหนังมันได้ แต่หมัดเดียวของตนเองเมื่อครู่กลับทำให้ผิวหนังของหมาป่าวายุแตกกระจุย!
ถ้าตัวเองมีพลังเจ็ดประทีปจริง จะไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือ
“ฉัวะ...”
หลินมู่อวี่ตวัดดาบ ศีรษะหมาป่าลอยกระเด็น ในที่สุด หมาป่าวายุอายุแปดร้อยปีก็ถูกตนและฉู่เหยาสังหาร ยังไม่ทันได้ดีใจ ความเจ็บปวดที่หน้าอกก็แล่นเข้ามา เขาก้มหน้ามองอกที่เป็นแผลเหวอะหวะของตัวเอง บาดเจ็บสาหัสเกินไปแล้ว!
“อาอวี่...”
ฉู่เหยาตกตะลึงในพลังหมัดของหลินมู่อวี่ แล้วก็มองไปที่บาดแผลเขา นางตกใจจนร้องไห้ออกมา “ทำยังไงดี...ทำยังไงดีล่ะ...อาอวี่ เจ้า...”
แต่หลินมู่อวี่กลับสงบนิ่งมาก เขาหยิบโอสถสมานแผลที่เก็บอยู่ที่เอวขึ้นมาเหยาะใส่บาดแผล เพื่อห้ามเลือดก่อน เขาทิ้งตัวลงพื้น เหมือนกับพลังในร่างถูกดูดออกไปจนเกลี้ยง “เจ็บชะมัด...ถ้ามีโอสถรักษาแผลระดับสี่ก็ดีน่ะสิ...”
ฉู่เหยาปาดน้ำตา ซบลงข้างตัวเขา “ข้าขอโทษ...อาอวี่ ต้องโทษที่ข้าไม่เอาไหน”
มองศิษย์พี่หญิงร้องไห้โฮอยู่ข้างกาย หลินมู่อวี่อดรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาไม่ได้ เขาลูบผมยาวสลวยของนาง ยิ้มปลอบ “ข้าไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก พี่ฉู่เหยาไม่ต้องกังวล”
ฉู่เหยาตำหนิตัวเองไม่หยุด นางเป็นถึงวิญญาณสงครามระดับยี่สิบ ในด้านพลังยุทธ์แล้วเหนือกว่าหลินมู่อวี่มาก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าวายุ นางทำได้ดีไม่ถึงครึ่งของหลินมู่อวี่ด้วยซ้ำ เจ้าเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องพลังยุทธ์เลยสักนิด กลับต่อสู้ได้อย่างดุเดือดขนาดนี้ แท้จริงแล้ว ฉู่เหยาก็ไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดที่หลินมู่อวี่ทำก็เพื่อปกป้องนาง
วิญญาณสัตว์ร้ายของหมาป่าวายุลอยเคว้งอยู่กลางอากาศนานแล้ว
หลินมู่อวี่พูดขึ้น “พี่ฉู่เหยา วิญญาณสัตว์ ทำไมท่านไม่ดูดซับมันล่ะ”
“เจ้าเป็นคนสังหารมัน ข้าไม่สามารถ...” ฉู่เหยาตอบ
“ไม่เป็นไรหรอก” หลินมู่อวี่ยิ้ม “ท่านบอกข้าเองนี่ว่า ต้องเป็นคนที่มีวิญญาณยุทธ์เท่านั้นถึงจะดูดซับวิญญาณสัตว์ร้ายได้ ข้าไม่มีวิญญาณยุทธ์ จะดูดซับได้อย่างไรเล่า”
ฉู่เหยานั่งลงด้านข้าง ดวงตานางเอ่อล้นด้วยน้ำตา “อาอวี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องดีกับข้าขนาดนี้ก็ได้...”
“ไม่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าเต็มใจ”
ฉู่เหยาซาบซึ้งเจียนตาย แต่เพราะเขินอายเป็นเด็กสาวจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรต่อดี นางจึงนั่งลงด้านข้างและเริ่มดูดซับวิญญาณสัตว์ร้าย ความจริงวิญญาณสัตว์อายุแปดร้อยปีเหมาะกับ ปรมาจารย์สงครามระดับสี่สิบห้าซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่า เพราะจะสามารถดูดซับได้ทั้งหมด ส่วนวิญญาณสงครามระดับยี่สิบแบบนางดูดซับได้แค่ห้าในร้อยส่วนเท่านั้น เสียของจริงๆ
รอจนฉู่เหยาดูดซับวิญญาณสัตว์เสร็จ ฟ้าก็สว่างแล้ว โอสถสมานแผลเกรดหนึ่งของหลินมู่อวี่มหัศจรรย์อย่างแท้จริง เพราะบาดแผลของเขาปิดสนิท เลือดหยุดไหล แม้แต่ความเจ็บปวดก็ลดน้อยลงมาก
เขาหยิบดาบขึ้นมา ฟันไปที่กะโหลกหมาป่าวายุ ศิลาวิญญาณอีกแล้ว
ฉู่เหยาดีใจมาก “โอกาสที่วิญญาณสัตว์อายุแปดร้อยปีจะสร้างศิลาวิญญาณมีไม่ถึงยี่สิบในร้อย อาอวี่ โชคของเราใช้ได้เลยนะนี่ เดี๋ยวพอเจ้าเริ่มฝึก ศิลาวิญญาณก้อนนี้จะต้องมีประโยชน์ต่อเจ้ามาก”
“อืม”
ฉู่เหยายัดศิลาวิญญาณลงในมือของหลินมู่อวี่ จากนั้นช่วยพยุงหลินมู่อวี่ “พวกเราควรกลับบ้านได้แล้ว สองวันสองคืน ท่านปู่ต้องเป็นห่วงพวกเรามากแน่ๆ”
“จริงด้วย”
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืน แต่กลับรู้สึกว่าพลังในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยสักนิด
ขณะที่กำลังเดินอยู่ หลินมู่อวี่ครุ่นคิดบางอย่างในใจ
ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปเอ๋ย วิญญาณของเจ้าฝังรากอยู่ในหัวใจของข้าแล้วใช่หรือไม่ ทำไมวินาทีที่ข้าสังหารหมาป่าวายุ ไอสังหารในใจข้าถึงได้รุนแรงเพียงนั้น
“พี่ฉู่เหยา ฮว๋าหวันกับองครักษ์ของเขาหลบหนีไปได้ คงจะกลับไปถึงเมืองหยินซานก่อนแล้ว” หลินมู่อวี่เอ่ย
ฉู่เหยาพยักหน้า “อืม แล้วมีอะไรเหรอ”
“ฮว๋าหวันไม่ตาย แต่คนของนัยน์ตาเหยี่ยวตายเกลี้ยง ท่านว่าฮว๋าหวันจะปล่อยพวกเราหรือไม่”
“เรื่องนี้...” ฉู่เหยาเพิ่งตระหนักขึ้นมาได้ “ฮว๋าหวันเป็นบุตรชายของท่านเจ้าเมืองฮว๋าเทียน ถ้ารู้ว่าเรายังมีชีวิตอยู่ น่าจะไม่ปล่อยให้เรามีชีวิตรอด เพราะอย่างไรเสีย พวกเราก็รู้เรื่องสกปรกของพวกเขามากเกินไป”
“อืม”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “บางที เมืองหยินซานอาจจะไม่เหมาะให้พวกเราอาศัยต่อ”
ฉู่เหยากัดริมฝีปากอวบอิ่ม “แต่ว่า... ครอบครัวข้าหลายชั่วอายุคนล้วนอาศัยที่เมืองหยินซาน ร้านโอสถไป่หลิงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของท่านปู่ แถมตอนนี้ยังมีตำราเทพโอสถอยู่ในมือ ที่จะช่วยฟื้นฟูกิจการขึ้นมาใหม่ได้ ข้าว่าท่านปู่จะต้องไม่ยอมไปจากเมืองหยินซาน...”
“ถ้าเช่นนั้น...พวกเรากลับไปก่อน แล้วค่อยปรึกษาเรื่องนี้กับท่านปู่อีกครั้ง”
“ได้!”