ตอนที่แล้วตอนที่ 262 ราชบุตรเขย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 264 นาวาปราณ

ตอนที่ 263 พระอาจารย์


ณ ดินแดนถ้ำใต้พิภพ

ภายในถ้ำขนาดใหญ่แห่งนี้มีสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศเป็นของตนเอง มีกลุ่มไอน้ำ เมฆหมอกไหลเวียนตามวัฏจักรอยู่ภายใน ที่ไม่ขึ้นตรงต่อโลกภายนอกเลย เพียงอย่างเดียวที่พอจะทำให้รู้สึกเชื่อมโยงกับโลกภายนอกได้ก็คือพระจันทร์ดวงเดียวกัน

พระอาจารย์สิริกับเณรน้อยยังคงใช้ชีวิตประจำวันตามหลักของนักบวช บำเพ็ญธรรมเพื่อหวังว่าสักวันจะได้ตรัสรู้ภายใต้ต้นไทรโบราณ ท่ามกลางความมืดและแสงเทียนนับร้อยที่ตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ

“อาจารย์ ท่านได้ข่าวนี่หรือยัง”

วัฏจักรพูดโพล่งขึ้นขณะเดินถือกระดาษอาคมเข้ามาใกล้ต้นไทร ตามตัวของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล

“ดูเหมือนว่าศิษย์น้องสามจะได้แต่งงานกับองค์หญิงอะไรนั่นน่ะ  อาจารย์ ท่านลืมตาขึ้นมาดูสิ”

คงจะมีช่วงเวลานี้เท่านั้นที่วัฏจักรจะพูดอะไรยืดยาวเช่นนี้ หากเขายังอยู่ที่โลกภายนอกที่แสนวุ่นวาย เขาจะเงียบขรึม ทว่าที่นี่กลับตรงกันข้าม หากเขาไม่พูดอะไรบ้าง ก็เกรงว่าที่นี่คงจะเข้าขั้นเงียบวังเวง

พระอาจารย์สิริพ่นลมหายใจออกจากปาก ให้กับศิษย์คนรองที่ไม่รู้กาลเทศะ ก่อนจะลืมตาขึ้น กวักมือให้วัฏจักรเข้ามาหา

วัฏจักรเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปในทันที ก่อนจะถูกเขกหัวดังโป๊ก มันเจ็บจนเขาถึงกับน้ำตาเล็ด

“อาจารย์อ่ะ”

“ข้ารู้อยู่แล้ว”  พระอาจารย์ลืมตาขึ้นช้า ใบหน้ายังคงนิ่งสงบ

“แต่อาจารย์ ศิษย์น้องสามรักอยู่กับพราวจันทร์นะ แม้นางจะจำใจแต่งกับคนอื่นก็เถอะ แต่คงไม่นานหรอก นางก็จะเป็นอิสระ”

วัฏจักรส่ายหน้าอย่างทำใจไม่ได้ เรื่องรักหลายเศร้าแบบนี้ เขาเกลียดเป็นที่สุด ทว่าพระอาจารย์กลับยิ้มน้อย ๆ ราวกับจะให้กำลังใจวัฏจักร

“สิ่งที่ข้าสอน เคยจำกันบ้างไหม พรหมลิขิตหรือการพลัดพรากมันก็คือเรื่องธรรมดา อย่าไปยึดติดกับมันเลย”

วัฏจักรเงียบขรึมลงทันที คำว่าพลัดพราก มันหนักหนาเกินไป มันทำให้เขาย้อนคิดถึงอดีตที่เจ็บช้ำ

“อย่าเสียใจไปเลย ชีวิตคนเราก็เปรียบประหนึ่งเศษไม้กลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ที่ลอยไปตามคลื่นกระแสแห่งชีวิต หากบังเอิญลอยไปเจอกับเศษไม้อีกอัน เศษไม้สองอันเกาะเกี่ยวกันไปก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต แต่วันหนึ่งคลื่นชีวิตย่อมกระแทกไม้ทั้งสองออกจากกัน และอาจจะพัดพาให้ไปเจอกับเศษไม้อันอื่น ๆ เจ้าคิดว่าเศษไม้จะสู้กับคลื่นสมุทรได้หรือ”

วัฏจักรส่ายหน้า โดยไม่ตอบอะไร ความจริงแห่งชีวิตมันช่างทำให้ใจเขาจุกเหลือเกิน

“ฉะนั้นไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย เราก็ต้องจาก แม้แต่ตัวเศษไม้เองก็ยังผุพังไปตามกาลเวลา ดึงรั้งไว้ไม่ได้ เป็นทุกข์ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น”

พระอาจารย์สิริเอ่ย ก่อนแหงนหน้ามองฟ้า คล้ายกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง แล้วก็พ่นลมหายใจออกมา

“เจ้าภพ ช่างก่อแต่ปัญหา เห็นทีข้าต้องไปหามันสักครั้ง ไม่เช่นนั้นคงได้หลงเดินทางผิดไปมากกว่านี้”

“เอ๊ะ อาจารย์ จะมีเรื่องเกิดกับศิษย์น้องหรือครับ แต่กว่าจะเดินทางไปถึงเมืองอมตะ อย่างน้อย ๆ ต้องใช้เวลาถึง 15 วันเลยนะ เมื่อถึงตอนนั้นงานแต่งของศิษย์น้องก็จบลงแล้ว”

“ข้าถึงบอกให้เจ้าฝึกไง เจ้าเอาแต่ดื้อด้านขี้เกียจอยู่แบบนี้ สภาพเจ้าถึงเป็นแบบนี้”

พระอาจารย์สิริ ลุกยืนขึ้นเตรียมตัวจะออกเดินทาง

“ข้าไปด้วย” วัฏจักรรีบเดินมาขวางตรงหน้าพระอาจารย์

“เฮ้อ ช่างกวนใจข้านัก จับจีวรข้าไว้”

“ครับอาจารย์”

วัฏจักรยิ้มกว้าง เขาทนอุดอู้อยู่ที่นี่มาหลายวัน ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ในที่สุดเขาก็จะได้ออกไปโลดแล่นในวงการยอดฝีมือเสียที

วัฏจักรหันทางศิษย์น้องสี่ที่ยังคงอยู่ในสมาธิ

“ศิษย์น้องสี่ เจ้าไม่ไปด้วยกันเหรอ”

โป๊ก !! พระอาจารย์สิริเขกหัววัฏจักรอีกครั้ง

“เจ้านี่นะ ศิษย์น้องของเจ้ากำลังฝึกญาณ ไม่ขี้เกียจอย่างเจ้า”

“อาจารย์ ข้าก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าศิษย์น้องสี่จะเหงา”

“ท่านไปเถอะศิษย์พี่รอง ข้าอยู่ได้ โลกภายนอกเป็นเพียงมายา ไร้ซึ่งการคงอยู่ในใจข้า  เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ดี”

ศิษย์น้องสี่พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่

วัฏจักรกะพริบตาปริบ ๆ นับวันศิษย์น้องสี่ก็ยิ่งเหมือนอาจารย์เข้าทุกวัน เป็นเด็กเป็นเล็กแท้ ๆ กลับชอบพูดคำแปลก ๆ ที่เข้าใจยาก

“ได้ ถ้าเหงาก็ส่งจดหมายมาคุยกับข้านะ”

ศิษย์น้องสี่ไม่ได้ตอบ เพียงหลับตาลงจมอยู่ในสมาธิ ขณะที่พระอาจารย์สิริเพียงตั้งมือพนมยืนนิ่ง

เพียงพริบตาร่างของพระอาจารย์และวัฏจักรก็เลือนหายไป

ณ เมืองหลวงอมตะ

หลังจากเตชินท์กลายเป็นแพะรับบาปแทนเหนือภพ สถานภาพและตัวตนของเหนือภพก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นผู้มีอำนาจ มีบ้านเรือนพระราชทานใหญ่โตที่อยู่ใกล้กับกำแพงวัง โดยมีองค์เจ้าแคว้นและรัชทายาทคอยหนุนหลัง

ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับทำให้เหนือภพรู้สึกไม่สบายใจ มันเป็นความรู้สึกกวนใจบางอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง

หากผ่านพ้นคืนนี้ไป เขาก็ต้องแต่งงานกับองค์หญิงบุษย์น้ำทอง ข่าวการเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวถูกป่าวประกาศออกไปอย่างสายฟ้าแล่บ แม้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลายฝ่ายไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน ออกจะพากันเห็นดีเห็นงามด้วยซ้ำ

สำหรับเหนือภพแล้ว เขามีใจเพียงอยากแก้แค้น ไม่เพียงแค่จัดการเตชินท์ บุษย์น้ำทองก็ไม่มีข้อยกเว้น

ทว่าเรื่องที่บุษย์น้ำทองทำลงไปในอดีต แม้นางจะทำเรื่องเลวร้ายใส่เขา เคยคิดฆ่าเขาในป่าหลังหมู่บ้าน เคยอยู่เบื้องหลังการโจมตีขบวนพ่อค้า แต่เขาก็เคยเอาคืนนางไปหลายครั้ง สร้างความอัปยศและความอับอายให้นางก็หลายหน ก็นับว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว

อีกอย่างหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยมารังควานเขาอีก ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะดึงนางเข้ามาเอี่ยว

ในเวลานี้เหนือภพค่อนข้างสับสน เขาไม่ได้รักบุษย์น้ำทอง และไม่ได้มีใจอยากแก้แค้นบุษย์น้ำทอง เขาก็แค่อยากทำร้ายเตชินท์ก็เท่านั้น คงจะเป็นการดีกว่า หากเขาไม่ทำร้ายนางไปมากกว่านี้

เหนือภพรีบเก็บข้าวของทันที มีเพียงพาน้องสาวเขาหนีไปจากที่นี่ นั่นจะเป็นการดีที่สุด

‘หึ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้ารู้สึกเห็นใจผู้อื่น’

เมทินีพูดกับเหนือภพด้วยความเย้ยหยัน

‘ข้าแค่รู้สึกไม่สบายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกว่าหากให้งานแต่งดำเนินต่อไป ชีวิตข้าจะต้องตกอยู่ในอันตราย ข้าเองก็บอกไม่ถูก เพราะการที่ข้าเป็นได้อย่างทุกวันนี้ ก็เริ่มต้นมาจากบุษย์น้ำทอง หากนางไม่คิดอยากฆ่าข้าในป่าหลังหมู่บ้านในวันนั้น ข้าก็คงไม่คิดอยากจะแข็งแกร่งขึ้น หากนางไม่ทำร้ายข้า จนทำให้ข้าคิดว่าพราวจันทร์ตายที่หน้าผาวันนั้น ข้าก็คงไม่ดิ้นรนจนกลายเป็นผู้ไร้พ่าย’

เหนือภพกำลังจิตใจปั่นป่วน รวนเร

‘เจ้ากังวลว่า นางไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้น แต่จะเป็นจุดจบชีวิตของเจ้าด้วยงั้นหรือ’

‘อืม’

แววตาของเหนือภพเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบัง ขณะเงยหน้ามองพระจันทร์เต็มดวง ที่ทอแสงเหลืองนวลงดงามในค่ำคืนนี้

‘เจ้าต้องกำจัดเตชินท์ให้สิ้นซาก’

เมทินีเสนอความคิดอย่างเด็ดขาด แม้แต่จิตวิญญาณเหล็กไหลเช่นนาง ก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด

‘เรื่องนั้นก็ใช่ หากเดาไม่ผิด เตชินท์ไม่ยอมให้ข้าแต่งกับบุษย์น้ำทองแน่ มันรู้ดีว่าการแต่งงานนี้คือการแก้แค้น เพื่อที่จะทำให้คนที่มันรักปลอดภัย มันต้องแหกคุกออกมาขัดขวางงานแต่ง และทำทุกวิถีทางที่จะยับยั้งงานแต่งนี้’

‘ทำไมเจ้าไม่ใช้โอกาสนั้นล่ะ ใช้งานแต่งเป็นสะพานเพื่อล่อเตชินท์ออกมา เมื่อกำจัดมันได้แล้ว เจ้าก็แค่ชิ่งหนี ยังไงซะงานแต่งนี้ต่างฝ่ายก็ไม่ได้มีใครเต็มใจ’

‘อืม เอาตามที่เจ้าว่าละกัน’

แม้เหนือภพจะตัดสินใจตอบเมทินีไปแบบนั้น แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกไม่สงบที่สุดในที่ชีวิต และท่ามกลางความสับสน ร่างในอาภรณ์สีเปลือกส้มก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเหนือภพ

“อาจารย์ !”

เหนือภพถึงกับตกตะลึง เมื่อเห็นพระอาจารย์สิริปรากฏกายเบื้องหน้า ขณะที่ข้างพระอาจารย์ก็มีศิษย์พี่วัฏจักรที่อ้วกออกมา

“อาจารย์ ท่านมีระดับเท่าไหร่กัน”

เวลานี้วัฏจักรเวียนหัวอย่างมาก เพราะเขาเพิ่งผ่านการเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน มันเร็วมากจนหูตาลายวิงเวียนศีรษะไปหมด

พระอาจารย์ส่ายหน้าน้อย ๆ

“หากเจ้ายังคิดว่ามันมีระดับ เจ้าก็ยังคงอยู่ภายใต้กรอบของระดับอยู่วันยังค่ำ”

คำกล่าวของพระอาจารย์ไม่ได้ทำให้วัฏจักรเข้าใจเพิ่มเติมเลย แต่คำพูดนั้นกลับทำให้เหนือภพเข้าใจ อาจารย์ของเขาอยู่เหนือข้อจำกัดแล้ว เมื่อไม่มีคำว่าระดับมาขีดเส้น พลังฝึกฝนก็สามารถเพิ่มพูนขึ้นอย่างไร้ขอบเขต

“อาจารย์ ท่านมาหาข้า เพราะเรื่องแต่งงานหรือ”

“เฮ้อ เจ้าภพ เจ้าฉลาดและมีความคิดขึ้นมาก อาจารย์อย่างข้าดีใจ แต่จิตใจของเจ้านับวันยิ่งมืดมนสับสน แม้แต่อาจารย์ก็ไม่รู้จักเจ้าคนนี้”

“อาจารย์ข้า…”

เหนือภพค่อนข้างสับสน แม้แต่คำพูดแก้ต่างให้ตัวเอง เขาก็ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกมาได้

“ข้าเคยบอกเจ้ากี่ครั้ง อย่าให้ความแค้นบังตา อย่าให้กิเลสในใจเหนือไปกว่าเจ้า”

“แต่ข้าถูกไอมารเข้าสิง และพวกนั้นบังคับข้า”

เหนือภพมองพระอาจารย์ตาละห้อย ด้วยความรู้สึกเสียใจและอัดอั้นตันใจ

“เจ้าภพ จำคำของอาจารย์ไว้ ไอมารก็เป็นแค่สิ่งกระตุ้น หากเจ้าไม่หลงระเริงไหลตามมัน มีหรือมันจะชักนำเจ้าได้ อธรรมก็ดี ธรรมะก็ช่าง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนเจ้าเลย แต่เจ้าและจิตใจของเจ้าต่างหากที่เปลี่ยนตามมัน

ผลที่เจ้าได้รับในวันนี้ แท้จริงก็คือตัวเจ้าเองในอดีตที่เป็นคนกำหนด เจ้าก็แค่จำไม่ได้ว่าเคยทำเมื่อเจ้าได้ทำร้ายคนคนหนึ่ง ในอนาคตก็จะมีคนคนหนึ่งมาทำลายเจ้าคืน ดังนั้นหากเจ้าพบเจอเรื่องไม่พึงพอใจ ก็อย่าได้โทษสิ่งใด นอกจากตัวเจ้าเอง”

เหนือภพคิดตาม หลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นหรือเป็นเขาทำ

ถ้าหากเขาไม่แอบดูคู่หมั้นของพยัคฆ์คีรีอาบน้ำในวัยเด็ก เขาก็คงไม่ต้องทะเลาะกับพยัคฆ์คีรี จนกระทั่งจนต้องแตกหักกัน ก่อเกิดความรุนแรงจนพยัคฆ์คีรีบาดเจ็บสาหัส กระทบกระเทือนด้านจิตใจ จนพ่อของเขาต้องทำงานใช้หนี้ จ่ายค่าความเสียหาย สุดท้ายพ่อของเขาก็ต้องตาย

เพราะเรื่องนั้นทำให้บุษย์น้ำทองเห็นเขาเป็นคนชั่วร้าย และเพื่อที่จะทวงความยุติธรรมให้กับคนที่นางหลงรักอย่างพยัคฆ์คีรี นางก็เลยคิดฆ่าเขา จนกระทั่งก่อเหตุการณ์มากมายไม่รู้จบจนมาทุกวันนี้ เพียงเพราะเขาแอบดูผู้หญิงคนหนึ่งอาบน้ำงั้นเหรอ ?

เหนือภพนิ่งไปชั่วครู่

“ข้าเข้าใจแล้วอาจารย์ งานแต่งงานนี้ข้าจะไม่แต่ง ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้ใครอีก”

พระอาจารย์สิริส่ายหน้า พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ

“เจ้าต้องแต่ง”

“ห่ะ ทำไมอาจารย์”

เหนือภพและวัฏจักรตาโตมองพระอาจารย์อย่างไม่เข้าใจ

พระอาจารย์สิริเข้ามาลูบหัวศิษย์คนที่สาม ที่ตัวโตจนสูงเท่าผู้เป็นอาจารย์ ด้วยความรักเอ็นดู

“อาจารย์ได้ตรวจดูดวงชะตาของเจ้า ชีวิตเจ้าจะระหกระเหิน เผชิญเคราะห์กรรมมากมายเหนือคณานับ และนางจะช่วยเจ้าได้ นางคือเนื้อคู่ของเจ้า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด