ตอนที่ 14 กลั่นทารกโลหิต
แหมะ ...แหมะ…
เหมือนกับทารกกำลังหายใจ เลือดแต่ละหยดตกลงบนหิน และหายไปทันที หินเริ่มสั่น และยิ่งแผ่กลิ่นอายรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จั๋วฝานยิ้มชั่วร้าย และกรีดเลือดให้หยกเพิ่ม
ถ้าเขาอยากกลั่นทารกโลหิต เขาจำต้องอาบมันด้วยเลือดของเขาจนกระทั่งปราณโลหิตผสานเข้ากับลมหายใจและการเต้นหัวใจของมัน
วินาทีที่เลือดของจั๋วฝานเริ่มไหลช้า แต่ปราณโลหิตกลับไม่เคยอิ่ม มันกลืนทุกอย่างที่เขามอบให้
จั๋วฝานเลียริมฝีปากแห้ง ผิวเขาซีดไปหมด จิตใจเริ่มขุ่นมัว เขารู้ดีว่าเขาเสียเลือดมากไปแล้ว แต่เขามาไกลเกินจะหันหลังกลับ
มีโอกาสแค่ครั้งเดียวในการกลั่นทารกโลหิตขึ้นมา ถ้าเขาหยุด มันก็เหมือนกับการทิ้งเด็กไป มันคงจะคิดว่าจั๋วฝานละทิ้งมันและไม่มีวันยอมรับเขาอีก
นี่ทำให้จั๋วฝานไม่มีทางหันหลังกลับไปเมื่อเริ่มกระบวนการ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง จั๋วฝานก็รู้สึกโลกหมุน ถ้าเขากล้าทำต่อไป มันจะเสี่ยงถึงชีวิตเขา ถ้าชีวิตเขาจบ ปราณโลหิตก็หมดความหมาย
ขณะที่เขากำลังพิจารณาว่าจะล้มเลิก ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดในหัวใจ
จั๋วฝานตกตะลึง จากนั้นก็ยินดี ตอนนี้จิตใจของเขากับปราณโลหิตเชื่อมต่อกันแล้ว
เขาถือหินโลหิตไว้ กระตุ้นเคล็ดปีศาจแปลงกาย ปราณสีดำของเขาห่อหุ้มหินและสายโลหิตก็ยื่นออกมา เข้าตัวจั๋วฝาน
สุดท้าย หินโลหิตก็แตกละเอียด แสงสีแดงยิงออกจากตัวมัน จั๋วฝานตรวจสอบอย่างยินดี เห็นทารกสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือนอนอยู่ในตันเถียนของเขา
เมื่อรับรู้ถึงการจ้องมอง ทารกโลหิตก็ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนหลับตา
“นะ-นี่คือทารกโลหิต!”
หลังมึนงงสักพัก เขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เขาไม่เคยคิดว่าการกลั่นทารโลหิตจะง่ายขนาดนี้
ถึงแม้เขาจะทำสำเร็จ แต่เขาก็เสียเลือดมากเกินไป เมื่อเขายืนขึ้น ขาของเขากลับอ่อนแรงและล้มลง แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่สามารถลบรอยยิ้มออกไปจากหน้าเขาได้
“ตอนนี้ ข้ามีทารกโลหิต ก้าวต่อไปคือการเรียนรู้วิชายุทธ์”
ฝ่ามือโลหิต วิชายุทธ์ระดับมนุษย์ขั้นกลาง ฝ่ามือจะส่งผลต่อเลือดของอีกฝ่าย ทำให้มันไหลย้อนกลับ ต้องขอบคุณที่มีทารกโลหิต ตอนนี้มันโหดร้ายพอจะสร้างความเสียหายถึงแก่นโลหิตของคน
แม้จะเป็นแค่ระดับมนุษย์ขั้นกลาง พลังมันก็แข็งแกร่งพอ ๆ กับวิชาระดับมนุษย์ขั้นสูง มันอาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ…
สิบวันต่อมา
ประตูเปิดและจั๋วฝานก็ออกมาด้วยรอยยิ้ม หัวหน้าผางลุกขึ้นยืน ขยี้ตา
“ทำไมถึงนานขนาดนี้?คฤหาสน์ไช่ได้ส่งคนมาแล้ว”
เมื่อเห็นเฒ่าผางที่เหนื่อยล้า จั๋วฝานก็ยิ้ม“เฒ่าผาง ขอบคุณมาก”
“เห้ย ขอบคุณขอบเคินอะไร เราเป็นพี่น้องกันนะ?แต่เราไม่สามารถปล่อยให้คุณหนูกับนายน้อยรอได้นานนัก”
“อืม เจ้าไม่อยากรู้งั้นเหรอว่าข้าทำอะไรตลอดสิบวัน?”
“นั่นเป็นเรื่องของเจ้า ถ้าเจ้าอยากบอกเจ้าก็ค่อยบอกข้า”หัวหน้าผางโบกมืออย่างไม่แยแส ดึงจั๋วฝานไปทางคฤหาสน์ไช่
จั๋วฝานรู้สึกประทับใจกับเขามาก แม้จะรู้จักกันไม่นาน เฒ่าผางก็ไว้ใจเขามาก
สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตลอดชีวิตของเขาในฐานะจักรพรรดิปีศาจมาก่อน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาไปถึงหน้าประตูโออ่าที่สลักด้วยตัวอักษรสีทองว่าคฤหาสน์ตระกูลไช่
ขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไป ผู้คุ้มกันก็หยุดพวกเขา
“หยุด พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
หัวหน้าผางประสานมือ“ฮ่าๆๆ ข้าคือหัวหน้าผู้คุ้มกันของตระกูลลั่ว ผางยู่ นี่คือพ่อบ้านของตระกูลลั่ว จั๋วฝาน คุณหนูและนายน้อยของข้าเป็นแขกในบ้านเจ้า”
จั๋วฝานผงะ เขากลายเป็นพ่อบ้านของตระกูลลั่วแล้ว?
ผางยู่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรและกระซิบ“แปดวันก่อน คนของตระกูลไช่มาบอกว่าเจ้าคือพ่อบ้านตระกูลลั่ว คุณหนูต้องเป็นคนพูดแบบนั้นแน่ ยินดีด้วยนะ น้องชายจั๋ว ฮี่ๆๆ…”
เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ยิ้มขมขื่น
เขาไม่อยากเป็นพ่อบ้านอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยของสองพี่น้อง และปลดตัวเองให้เป็นอิสระจากมารหัวใจเขาจึงต้องทำ จักรพรรดิปีศาจอย่างเขาจะยินดีกับการเป็นพ่อบ้านของตระกูลชั้นต่ำได้อย่างไร?
แต่ขณะที่เขากำลังดูถูกตระกูลลั่ว ผู้คุ้มกันของคฤหาสน์ไช่ก็กำลังดูถูกเช่นกัน
ทั้งสองมองพวกเขาอย่างดูถูก“ฮึ่ม พวกขอทานอีกสองคนที่มาขออาหารฟรี”
“เห้ย เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
หัวหน้าผางโกรธ อยากโต้เถียง แต่จั๋วฝานหยุดเขาไว้ พวกเขาเดินเข้าไปข้างใน
หัวหน้าผางไม่เข้าใจ“ทำไมเจ้าถึงหยุดข้า?”
จั๋วฝานมีแค่สีหน้าเคร่งขรึม ทัศนคติของสองข้ารับใช้สะท้อนถึงผู้เป็นนาย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเถียงกับทั้งสอง พวกเขาต้องไปหาตัวลั่วหยุนชางและทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คฤหาสน์ไช่อาจไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก
หลังซักถาม พวกเขาก็มาถึงที่พักของสองพี่น้อง
เมื่อเห็นสภาพการเป็นอยู่ แม้กระทั่งทรุดโทรมกว่าห้องพักโรงเตี๊ยม หัวหน้าผางก็สาปแช่ง“ทำไมตระกูลไช่ถึงปฏิบัติต่อนายน้อยและคุณหนูเช่นนี้?นี่มันไม่ใช่แขกแล้ว”
“ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังไม่มองว่าทั้งคู่เป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ”จั๋วฝานรู้สึกโกรธอยู่ภายใน ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพความเป็นอยู่ของสองพี่น้อง งั้นก็ต้องเพราะหงุดหงิดที่ตัวเองต้องมาเสียเวลา
“เข้าไปกันเถอะ”
จั๋วฝานรีบเข้าไปข้างในพร้อมหัวหน้าผาง ภายใน พวกเขาเห็นลั่วหยุนไห่นั่งเหม่อลอยบนเตียง ไร้ซึ่งความกระตือรือร้นตามปกติ
สถานที่แห่งนี้ดูดหดร้าย มีแค่เก้าอี้กับโต๊ะหัก
หัวหน้าผางหลั่งน้ำตา“นายน้อย….”
“เจ้าหนู พี่สาวของเจ้าอยู่ไหน?”จั๋วฝานเป็นคนโผงผาง ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ
มันดูเหมือนเสียงของจั๋วฝานจะทำให้ร่างไร้ชีวิตของลั่วหยุนไห่สั่นสะท้านและตื่นขึ้น
ลั่วหยุนไห่รีบพูดรัวใส่จั๋วฝาน“พี่สาวไปหาเขา..ฮึก นายน้อยไช่”
“การขอความช่วยเหลือในสถานการณ์นี้นับเป็นความอัปยศอย่างมาก ไปหาพี่สาวเจ้ากัน”จั๋วฝานลากลั่วหยุนไห่ออกเตียง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
หัวหน้าผางตื่นตระหนก อยากหยุดจั๋วฝานไม่ให้ทำหยาบคายกับนายน้อง แต่อารมณ์ของจั๋วฝานดูไม่ดีมาก สลายความกล้าทั้งหมดของเขาไป
เช่นนั้น ลั่วหยุนไห่จึงสั่นไปด้วยความกลัวขณะนำทาง
หัวหน้าผางวิ่งตามไปขณะคิด[ที่นี่ใครเป็นนายกันแน่?]