ตอนที่ 1 การเปิดเผยตัวตนของฉัน
ณ โรงเรียนมัธยมปลายเขต 3 เมืองรูเกา เขตเจียงไป่
ที่มุมห้องแถวสุดท้ายของชั้นเรียน...
“ตื่นได้แล้ว เหย่หลิงเฉิน”
ไม่นานนักหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเพราะถูกใครบางคนสะกิดตัว เหย่หลิงเฉินก็ลืมตาขึ้นอย่างง่วงงุนด้วยความงุนงง
ใบหน้าที่มันเยิ้มเล็กน้อยของ “ไอ้อ้วนจาง” ค่อยๆ เข้ามาอยู่ในสายตาของเขา จางดูมีท่าทีระมัดระวังและกังวลพร้อมกวาดสายตาไปมองที่หน้าชั้นเรียนอย่างเป็นครั้งคราว
“นี่แกหลับไปแบบนั้นได้ยังไง?! หลี่ฮงไกมองมาทางเราตั้งหลายครั้งแล้วนะ ฉันรู้สึกได้เลยว่าอารมณ์ของเขาใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว” จางกล่าวอย่างกังวล
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกง่วงมากเลย”
เหย่หลิงเฉินส่ายหัว เขายังคงจำได้อย่างรางๆ เมื่อได้ยินเสียงของระบบอัจฉริยะ จากนั้นเขาก็เป็นลมไม่นานหลังจากนั้น
เขาเงยหน้าขึ้นและพบกับดวงตาที่ไม่เป็นมิตรของ “อสุราหลี่” เหย่หลิงเฉินนั่งตัวตรงด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับมองตรงไปข้างหน้า
อสุราลี มีชื่อจริง ๆ ว่า “หลี่ฮงไก” เขาเป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนของโรงเรียนทั้งหมดด้วย เขาเป็นคนที่แข็งกร้าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และมักจะพยายามเรียกพบผู้ปกครองของนักเรียนอยู่บ่อยครั้ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับฉายาว่า อสุราหลี่
นี่เขากล้าปล่อยตัวเองหลับในคาบเรียนของอสุราหลี่ได้ยังไงกัน ?!
ฮะ?!
ไม่นานนักก็มีสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก เพราะจู่ ๆ ก็มีคำพูดปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาด้วยความน่าพิศวง
“ได้รับความสามารถทางคณิตศาสตร์จากอาจารย์หลี่ +1”
“ได้รับความสามารถทางคณิตศาสตร์จากอาจารย์หลี่ +1”
“ได้รับความสามารถทางคณิตศาสตร์จากอาจารย์หลี่ +1”
…
คำพูดนี้ปรากฎภาพขึ้นในหัวของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากในขณะที่อาจารย์หลี่กำลังสอนอยู่
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
หัวใจของเหย่หลิงเฉินเต้นรัว เขาไม่ได้มองไปที่หน้ากระดานอีกต่อไป แต่เขาก้มลงไปหยิบหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ขึ้นมา เขาเริ่มเปิดหนังสือและแกล้งทำเป็นอ่านมันทีละหน้า
“การเรียนรู้ด้วยตนเองในหนังสือเรียนวิชาคณิศาสตร์ ความสามารถทางคณิตศาสตร์ +1”
“การเรียนรู้ด้วยตนเองในหนังสือเรียนวิชาคณิศาสตร์ ความสามารถทางคณิตศาสตร์ +1”
…
มือของเหย่หลิงเฉินเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาแทบจะโยนหนังสือเล่มนั้นทิ้ง!
“ใจเย็น ๆ ก่อน! ฉันต้องใจเย็น ๆ!”
เหย่หลิงเฉินพยายามตั้งสติและใช้สมาธิกับตัวเอง เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพุ่งความสนใจไปที่จิตใจของเขา
แผ่นกระดานสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นในความคิดของเขา มีกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สองสามอันบนแผงควบคุม คล้ายกับทักษะที่พบในเกม และตอนนี้กรอบสี่เหลี่ยมบางส่วนก็ได้ส่องสว่างขึ้นมาแล้ว
ความสามารถทางภาษาจีน: 20%
ความสามารถทางภาษาอังกฤษ: 5%
ความสามารถทางคณิตศาสตร์: 40% และยังคง +1 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความสามารถทางฟิสิกส์: 10%
...
ในตารางนั้นมีไอคอนทั้งหมดกว่า 20 ไอคอนที่ส่องสว่าง รวมถึงความสามารถในการขี่จักรยานของเขาด้วย มีเพียงความเชี่ยวชาญของเขาไม่เกิน 30% นอกเหนือจากคณิตศาสตร์
ส่วนกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เหลือจำนวนมากที่ยังคงเป็นสีดำ อาจจะบ่งบอกได้ว่าทักษะนั้นยังไม่ได้รับการปลดล็อก..
เหย่หลิงเฉินอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ เขาไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขนาดนี้หากไม่ได้มาเห็นสิ่งนี้
“เป็นไปได้ไหมว่าระบบอัจฉริยะนั่นมีอยู่จริง?!”
ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินแดงระเรื่อจากความตื่นเต้นขณะที่เขามองไปที่ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขาซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภายในช่วงเวลาอันสั้น ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขาเพิ่มขึ้นถึง 60% ความรู้ทางคณิตศาสตร์จำนวนมากที่แต่ก่อนเขาไม่เข้าใจ แต่ ณ ตอนนี้กลับเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้ว
เขาไม่สามารถยับยั้งตัวเองจากความต้องการที่จะลองความสามารถในระดับใหม่ได้ เขาสงสัยว่ามันจะน่าประทับใจอย่างที่เขาคิดเอาไว้หรือไม่
เขากวาดสายตาไปทั่วห้องและสังเกตเห็นว่าไอ้อ้วนจางกำลังมองไปที่หน้ากระดานด้วยใบหน้าที่มีความสับสนงุนงง แต่จางก็แกล้งทำเป็นพยักหน้าเป็นครั้งคราวราวกับว่าเขาเข้าใจสิ่งที่อาจารย์หลี่กำลังสอนอยู่
“ไอ้อ้วนจาง แกเข้าใจเหรอ?” เหย่หลิงเฉินถาม
จางตอบอย่างลังเลว่า “อืม...ฉันว่าฉันก็เข้าใจบ้างนิดนึงแหละ”
“อย่ากังวลไปเลยเพื่อน ถ้าแกไม่เข้าใจตรงไหนฉันจะสอนแกเอง” หลิงเฉินตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่มั่นใจ
“แกเนี่ยนะ จะสอนฉัน?” จางพูดปนหัวเราะเยาะออกมา “ถ้าฉันจำไม่ผิด แกสอบได้ที่โหล่ของห้อง ส่วนฉันก็รองโหล่นี่!”
“อะไร....” หลิงเฉินครุ่นคิดและรู้สึกว่าเขาต้องการสลัดภาพลักษณ์ปกติที่เป็นที่โหล่ของเขาทิ้ง เขาพูดกับจางต่อว่า “ปกติเวลาสอบข้อสอบกา แกก็เดาสุ่ม ๆ หาข้อถูกไปอย่างนั้นใช่ไหมล่ะ”
“ก็ไม่ได้เดาทุกข้อสักหน่อย” จางบ่นอุบอิบอยู่ในลำคอ จริง ๆ แล้วเขาก็พยายามคิดคำนวณหาคำตอบในทุกข้อแหละ แต่ส่วนมากที่คิดออกมาก็ผิดตลอด
หลิงเฉินถือโอกาสพูดต่อ “แกน่ะ เดากาข้อถูกได้แค่ 2-3 ข้อจากหลาย ๆ ข้อ แต่ดูฉันนี่ ฉันกาหลบข้อถูกได้ทุกข้อเลย ! แกคิดว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?”
“อืมม.. ดูเหมือนว่ามันก็ยากอยู่นะที่จะเดายังไงให้ผิดทุกข้อได้” จางส่ายหัวพร้อมกับครุ่นคิดวิเคราะห์สถานการณ์โดยอาศัยประสบการณ์หลายปีในการเดาข้อสอบของเขา “...ระ หรือว่าแกตั้งใจทำข้อสอบให้ได้ได้ 0 คะแนนอย่างงั้นเหรอ?!”
“ก็ใช่น่ะสิ!” หลิงเฉินพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ
จางยังคงมีความสงสัยอยู่ในใจเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีแห่งความเย็นยะเยือกที่กำลังพุ่งตรงมาจากหน้าห้อง... “ทำไมฉันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงก็ไม่รู้..”
ทันใดนั้นเอง “เหย่หลิงเฉิน! จางห่าว! ถ้าไม่เรียนก็ออกจากห้องไปซะ!” น้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวของอสุราหลี่ประกอบกับออร่าที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้ตอนนี้ทั้งห้องเรียนอยู่ในความเงียบสนิท..
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนในห้องกำลังเตรียมตัวเพื่อรับชมฉากน่าหัวเราะเยาะ เหย่หลิงเฉินก้ได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ จางมองอย่างไม่ละสายตา ในใจของเขาคงรู้สึกหวาดกลัวอาจารย์หลี่และต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อน
“อาจารย์หลี่ ผมกำลังสอนจางห่าวอยู่ครับ”
“นี่พวกเธอสองคนไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองเลยหรือยังไง? คนนึงได้ที่โหล่ อีกคนรองโหล่ คนนึงกล้าที่จะสอน อีกคนก็กล้าที่จะเรียนเนอะ! เหอะ!”
ทุกสายตาในห้องตอนนี้จับจ้องมาที่เขา เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ผ่านออกทางสีหน้าของเขา เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ชั้นเรียนด้วยการหวังที่จะลบคำสบประมาทของอาจารย์หลี่ทิ้ง เขาลูบไล้เสื้อเชิ้ตที่ยับย่นบนร่างกายของเขาและพูดช้า ๆ ว่า “นี่ฉันวางแผนที่จะหาทางเข้ากับนักเรียนขี้เกียจทุกคน แต่ดูสิ่งที่ฉันได้รับตอนนี้สิ ความรู้สึกเหินห่างและดูถูก เห็นทีฉันคงจะต้องเลิกเสแสร้งแล้วสินะ เอาล่ะทุกคน! ฉันจะเปิดเผยความจริงแล้ว โปรดจงรู้ไว้ซะ ว่าฉัน... คืออัจฉริยะ!”
โว้ววววว.....
หลังจากสิ้นเสียงของเหย่หลิงเฉิน ทั้งห้องเรียนก็อยู่ในความโกลาหลทันที
“ให้ตายสิ เหย่หลิงเฉิน แกกล้าดียังไงเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะ? นี่แกอยากโดนอาจารย์หลี่ทำโทษอย่างนั้นเรอะ?!”
“โอ้ ไม่นะ! การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้วเครียดจนจะเป็นบ้า นี่ยังทำให้บ้าไม่พออีกเหรอ?!”
“โลกนี้มันชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว แม้แต่เหย่หลิงเฉินก็ยังกล้าที่จะเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะ!”
“เอาล่ะ เนื่องจากเหย่หลิงเฉินเปิดเผยตัวเองแล้ว ดูเหมือนว่าฉันก็คงจะซ่อนอะไรไม่ได้แล้วเหมือนกัน ฉันเป็นมหาเศรษฐีจริง ๆ และนี่แหละคือการเปิดเผยตัวตนของฉันด้วย!!”
“นี่คือการแสดงความบันเทิงก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะทุกคน ใจเย็น ๆ และรับชมอย่างมีวิจารณญาณด้วยจ้าาา”
...
ปัง ปัง ปัง!
อสุราหลี่เคาะโต๊ะ ทั้งห้องค่อย ๆ เงียบลงและกลับเข้าสู่ภาวะสงบหลังจากพายุลูกใหญ่เมื่อสักครู่ทันที
“อัจฉริยะ??” อสุราหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินที่เหย่หลิงเฉินพูดออกมา เขาเดินกลับไปหน้าห้องและเริ่มเขียนบางสิ่งลงบนกระดานดำ
แม้ว่าอสุราหลี่จะไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่ทุกคนในห้องก็มองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้บรรยากาศในห้องเรียนตลบอบอวลไปด้วยความอึดอัด
“มาข้างหน้านี่ ถ้าเธอสามารถแก้โจทย์ข้อนี้ได้ ฉันจะอนุญาตให้เธอไม่ต้องสนใจเรียนวิชาของฉันอีกต่อไป” อสุราหลี่มองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างเย็นชา “แต่ถ้าเธอแก้ไม่ได้ ฉันจะเชิญผู้ปกครองของเธอมาพบ!”
“เฮ้ย นี่มันโจทย์ข้อสุดท้ายจากข้อสอบเก่า PAT 1 ไม่ใช่เหรอ?” นักเรียนบางคนเริ่มกระซิบกันเมื่อเห็นโจทย์
“ถูกต้อง นี่แหละเป๊ะเลย มันเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดในบรรดาข้อสอบเก่า PAT1 ที่ผ่านมา ฉันได้ยินมาว่าเด็กทั้งโรงเรียนยังไม่มีใครสามารถแก้โจทย์ปัญหาข้อนี้ได้เลยนะ!”
“ดูเหมือนว่าเหย่หลิงเฉินจะไปยั่วโมโหอสุราหลี่จนถึงขีดสุดซะแล้ว แกว่งเท้าหาเสี้ยนชัด ๆ!”
เหย่หลิงเฉินเดินออกจากที่นั่งอย่างภาคภูมิใจและกล้าหาญ เขามุ่งตรงไปที่กระดานหน้าห้อง
ออร่าของเขาเปล่งประกายออกมามากซะจนเด็กแถวหน้าเกรด A หลาย ๆ คนอดที่จะยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจกับออร่าของเขาไม่ได้
เหย่หลิงเฉินส่ายหัวรัว ในขณะที่เขาเดินไปถึงกระดานดำหน้าห้อง
ความเย็นยะเยือกในดวงตาของอสุราลีเริ่มแผ่รังสีมากขึ้นเมื่อเห็นเหย่หลิงเฉินส่ายหัว “ทางที่ดีถ้าทำไม่ได้ก็ยอมรับมาซะ อย่าทำให้ทุกคนเขาเสียเวลาเลย”
เหย่หลิงเฉินไพล่มือซ้ายไปที่ด้านหลังในขณะเดียวกันก็ยกชอล์คสีขาวในมือขวาขึ้นมา “นี่อาจารย์พยายามดูถูกสติปัญญาของผมด้วยคำถามง่าย ๆ แบบนี้เหรอครับ?”
ก่อนที่จะสิ้นเสียงของเขาได้ไม่นานและก่อนที่อสุราลีจะมีโอกาสได้โต้ตอบกลับด้วยความโกรธ เหย่หลิงเฉินก็ได้เริ่มตอบโจทย์ปัญหาบนกระดานดำท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทุกคนในห้องแล้ว...
? ติดตามผลงานและข่าวสารก่อนใครได้ที่
Facebook : June6 Translate นิยายแปลไทย
Thank you ?
June6