20 ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา
20 ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา
ในช่วงเวลาอาหารค่ำนี้เอี้ยนลี่เฉียงพบกับเฉียนซูอีกครั้ง ตลอดทั้งเมื่อวานและวันก่อนหน้านั้นเขาไม่พบเฉียนซูในย่านโรงตีเหล็กเลย และไม่มีใครรู้ว่าเขาไปเมาสุราและปลดปล่อยความปรารถนาอันน่ารักของเขาที่ใด
หลังจากที่ทั้งคู่เสร็จสิ้นการรับประทานอาหารค่ำ เฉียนซูก็เรียกให้เอี้ยนลี่เฉียงไปที่ลานบ้านของเขา
"ลี่เฉียงเจ้าดูดีขึ้นมากในวันนี้ ยาที่ข้าให้ไปมีประโยชน์หรือไม่?" เมื่อเห็นผิวของเอี้ยนลี่เฉียงเฉียนซูก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากอยู่ในย่านโรงตีเหล็กเป็นเวลาครึ่งเดือนผิวของ เอี้ยนลี่เฉียงก็ดูดีเหมือนคนปกติมากขึ้นในแต่ละวัน ตอนแรกเขายังคิดว่าตัวเขาไปเองแต่เมื่อมีคนทักว่าร่างกายของเขาดีขึ้น เอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาล่องลอยไปบนฟ้า
"ขอบคุณมากลุงเฉียนยาที่ท่านให้ข้านั้นมีประโยชน์จริงๆ ข้ารู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นมากตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว!" เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะ ถ้ามันไม่ใช่เพราะยาที่เฉียนซูให้เขา เขาก็ไม่รู้ที่จะอธิบายความเร็วในการรักษาที่น่าอัศจรรย์อย่างนี้ได้อย่างไร
“ อย่างไรก็ตามฝ่ามือเหล็กของหงต๋ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฝึกฝน เขาโจมตีข้าด้วยพลังที่ไม่ได้มากมายขนาดนั้น ใน 2-3 วันนี้ข้ารู้สึกว่าพลังธรรมชาติที่มีอยู่มากมายบนภูเขานั้นช่วยบำรุงร่างกายของข้าได้ดีมาก ดังนั้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข้าจึงวิ่งขึ้นลงภูเขาวันละหลายครั้งเมื่อใดก็ตามที่ข้าว่าง ข้าจะฝึกหมัดหรืองีบหลับเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายมากขึ้น
ตอนที่ข้าวิ่งขึ้นภูเขาเมื่อสองวันก่อนข้าถึงกับไอเป็นลิ่มเลือดหลังจากนั้นความรู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอกของข้าก็หายไปเกือบหมดแล้ว
ในช่วงสองสามวันนี้ข้ารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเกือบจะกลับมาเป็นปกติและอยู่ในสภาพที่ดีพอที่จะฝึกท่าม้าได้อีกครั้งดังนั้นข้าจึงเริ่มฝึกมันแล้ว ... "
"ดี !! เยี่ยมมากเยี่ยมมาก ... " หลังจากได้ยินสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงพูด ใบหน้าของเฉียนซูก็ไม่มีอะไรนอกจากรอยยิ้ม “เมื่อวานนี้พ่อของเจ้าขอให้คนส่งข่าวมาเขาบอกเราว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีและไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้านเจ้าแค่ต้องอยู่ที่นี่เพื่อพักฟื้นอย่างสงบข้าแน่ใจว่าพ่อของเจ้าจะดีใจถ้าเขารู้ว่าร่างกายของเจ้าได้รับการรักษาเร็วแค่ไหน!”
“ข้าต้องขอบคุณท่านต่างหากที่ได้ช่วยเหลือข้ามาตลอด!”
"เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วข้าไม่ได้ทำอะไร เพราะเจ้ายังเด็กมากเต็มและไปด้วยความแข็งแรง จนฟื้นตัวเร็วมากกว่าปกติ อ้อพูดถึงการฝึกฝน นอกเหนือจากพื้นฐานในวิชาทวนแล้วเจ้ายังฝึกวิชาอะไรอีก? "
เอี้ยนลี่เฉียงเกาหัวของเขา "นอกเหนือจากศิลปะการใช้ทวนแล้วข้ายังฝึกหมัดพยัคฆ์คำรามเพื่อสร้างรากฐาน สำหรับศิลปะการต่อสู้รูปแบบอื่นข้าไม่ได้ฝึกฝนอะไร !"
ทันใดนั้นเฉียนซูก็หยิบหนังสือออกมาจากอกและส่งให้เอี้ยนลี่เฉียง“ นี่เป็นคัมภีร์วิชาตัวเบาที่ข้าได้รับมา เมื่อเปรียบเทียบกับวิชาอื่นเจ้าจะพบว่าสิ่งนี้มีค่ายิ่งนัก แม้จะเพียงฝึกฝนได้ถึงขั้นที่ 6 เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นคู่มือนี้ก็ยังแทบไม่มีให้เห็นในพื้นที่ทุรกันดารแบบนี้ ไม่เพียงแค่นั้นถ้าเจ้าสามารถฝึกฝนตัวเองได้ดีพอเจ้าสามารถใช้มันเพื่อโจมตีหรือป้องกันในการต่อสู้ ในขณะที่ยังรักษาความสามารถในการรุกคืบหรือถอยตามต้องการ!
ช่วงเวลาที่เขาได้ยินว่าคู่มือลับในมือของเฉียนซูสามารถฝึกฝนจนถึงขั้นที่ 6 ได้ จิตใจของเอี้ยนลี่เฉียงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในโลกนี้ต้องรู้ว่าวิธีจำแนกวิชาการต่อสู้ว่ามีระดับสูงต่ำอย่างไรง่ายที่สุดคือการสังเกตจำนวนชั้นภายในขอบเขตศิลปะการต่อสู้
ยิ่งเป็นวิชาที่ดียิ่งสามารถมีจำนวนขั้นที่มากมาย และเป็นเรื่องปกติแล้วที่มันจะมีมูลค่ามากมายมหาศาล ชั้นของขอบเขตสำหรับวิชาเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดโดยผู้คน แต่ทุกชั้นจะถูกแบ่งตามรูปแบบของการคาดการณ์และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ตัวอย่างเช่นหมัดพยัคฆ์คำรามที่เขาฝึกฝนมาจะเป็นตัวอย่างที่ดี ที่สุด ในวิชานี้ระดับขั้นสูงสุดที่สามารถฝึกได้จะถึงลำดับที่ 5 เท่านั้น
สำหรับคู่มือลับที่เฉียนซูมอบให้เขาแม้ว่าขีดจำกัดสูงสุดของมันจะอยู่ที่ขอบเขตของชั้นที่หกดูเหมือนว่ามันสูงกว่าหมัดพยัคฆ์คำรามเพียงชั้นเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้คนทั่วไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในโลกนี้อาจไม่มีโอกาสได้พบเห็นคัมภีร์ฝึกยุทธที่อยู่ในลำดับที่ 6 เลยแม้ตลอดชั่วชีวิตของเขา แม้ว่าฝ่ามือเหล็กที่หงต๋ากำลังฝึกฝนอยู่นั้นจะเป็นตำราขั้นที่ 6 เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างคือคัมภีร์ยุทธและคัมภีร์วิชาตัวเบามันมีคุณค่าแตกต่างกันอย่างมากมายมหาศาล คัมภีร์วิชาตัวเบาที่อยู่ในระดับ 6 อาจมีค่าเทียบเท่าหรือมากกว่าตำราฝึกยุทธในขั้นที่ 7 หรือ 8 เลยก็ได้
ภายในโลกแห่งการบ่มเพาะมีคำพูดอีกคำหนึ่งที่บอกว่าการฝึกยุทธ์ก็เหมือนเรือลำหนึ่งลอยทวนกระแสน้ำ
หากบุคคลที่สามารถฝึกฝนคู่มือลับระดับต่ำไปสู่ขอบเขตสูงสุดได้ เมื่อเขาฝึกคู่มือลับที่มีระดับสูงกว่าเขาจะทำได้อย่างง่ายดาย และสามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับสูงสุดได้รวดเร็วมากกว่าคนปกติ
ดังนั้นวิชาพื้นฐานทุกอย่างจึงมีความสำคัญ ตัวอย่างเช่นถ้าเอี้ยนลี่เฉียงสามารถฝึกหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องจนถึงชั้นที่ห้า
และถ้าเขามีโอกาสได้ฝึกฝนคัมภีร์ลับระดับที่ 10 เขาสามารถฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุดได้รวดเร็วมากกว่าคนที่ฝึกคัมภีร์ลับระดับที่ 10 ตั้งแต่เริ่มต้นเลย
เมื่อได้รับการกระตุ้นเตือนจากความอยากรู้อยากเห็น เอี้ยนลี่เฉียงจึงยอมรับคู่มือลับที่เฉียนซูมอบให้เขาด้วยความเคารพ เมื่อถือมันไว้ในมือเห็นที่หน้าปกมันเขียนไว้ว่า 'ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา' บนหน้าปกสีเขียว
คู่มือลับนั้นบางมากโดยมีเพียง10 หน้ากระดาษหรือมากกว่านั้นเล็กน้อย แต่ในขณะที่เขาถือมันเอี้ยนลี่เฉียงสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล มันน่าจะมีน้ำหนักมากกว่า 1000 จินเลยก็ว่าได้ไม่ทราบว่ามันสร้างมาจากวัสดุชนิดใด
"ลุงเฉียนข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านฝึกฝน 'ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา' มาจนถึงชั้นไหนแล้ว?
คำถามของเอี้ยนลี่เฉียงทำให้ใบหน้าวัยชราของเฉียนซูแดงขึ้นเล็กน้อย
"แค่ก แค่ก! ลุงเฉียนของเจ้าไม่มีพื้นฐานและยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่เคยผ่านระดับท่าม้าด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงแทบไม่สามารถฝึกฝน 'ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงาขึ้นชั้นที่สองได้ ข้าขอแนะนำว่าหากเจ้าไม่สามารถฝึกฝนท่าม้าได้สำเร็จเจ้าก็แค่เก็บไว้เฉยๆเพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะฝึกฝน ... "
" ข้าไม่รู้จะตอบแทนลุงเฉียนยังไงที่ให้สิ่งนี้แก่ข้า! "
สายตาของเฉียนซูจ้องมองไปที่ใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่จะถอนหายใจ“หากเจ้ามีชีวิตยืนยาวและมีความสุขนั่นจึงเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดที่เจ้าสามารถมอบให้ข้าได้!”
เมื่อออกจากลานบ้านของเฉียนซู เอี้ยนลี่เฉียงได้ซ่อนคู่มือลับ 'ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา' ไว้ในเสื้อผ้าของเขาและกลับไปที่บ้านของตัวเอง หลังจากปิดประตูลานบ้านสถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นโลกส่วนตัวของเขา
ที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้จุดไฟดังนั้น เอี้ยนลี่เฉียงจึงเปิดคู่มือที่โต๊ะหินในลานบ้านและศึกษาอย่างตั้งใจ
คืนนี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์โดยไม่มีเมฆให้เห็น แม้จะไม่มีโคมไฟในลานบ้านเอี้ยนลี่เฉียงก็ยังสามารถอ่านคู่มือทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
หลังจากอ่านเพียงครั้งเดียวเอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถจดจำทุกคำและแผนภาพในคู่มือได้อย่างสมบูรณ์
การมีความสามารถในการจดจำทุกอย่างไว้ในสมองของเขานั้นเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ
สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงหนังสือที่เขาอ่านมาก่อนให้ความรู้สึกเหมือนภาพที่ถูกถ่ายและเก็บไว้ในสมองอย่างถาวร - ตราบใดที่เขาเหลือบไปมองครั้งเดียวเขาก็สามารถจำทุกรายละเอียดได้อย่างสมบูรณ์
เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยมีความสามารถเช่นนี้มาก่อน แต่นับตั้งแต่ที่เขามีความฝันประหลาดในครั้งนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ตระหนักว่าเขาได้รับของขวัญนี้อย่างอธิบายไม่ได้
แน่นอนว่าไม่มีคนอื่นนอกจากตัวเขาเองที่รู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้
หลังจากอ่านคู่มือ 'ขั้นบันไดเก้าวังสายลมเงา' แล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็ปิดตาของเขาและรอจนกว่าอารมณ์ของเขาจะสงบลง
หลังจากนั้นเขาก็ไปที่ต้นไม้ในลานซึ่งเขาก็ฝึกฝนท่าม้าอีกครั้ง
ท่าม้าเป็นรากฐานของศิลปะการต่อสู้ทั้งหมด หากไม่มีพื้นฐานนี้ก็เลิกหวังที่จะฝึกฝนวิชาอย่างอื่นไปได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นช่วงที่เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าสภาพร่างกายของเขาสมบูรณ์มากที่สุด เขาเต็มไปด้วยพลังซึ่งทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบในการเสริมสร้างรากฐานของท่าม้า
เอี้ยนลี่เฉียงหลับตาลงในแสงจันทร์ ร่างกายของเขาสมดุลในท่าม้าขาของเขายืนมั่นคงเหมือนเสาสองต้นในขณะที่ร่างกายของเขาแข็งแรงราวกับก้อนหิน ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลดูเหมือนว่าเขาจะดูสง่างามมากขึ้นกว่าเดิม
ในขณะที่ร่างกายของเขายังคงอยู่ในตำแหน่งนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม จากด้านข้างของเขาแสงสีแดงที่พร่ามัวได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆห่อหุ้มตัวเขาไว้ ภายในแสงที่พร่ามัวนั้นภาพเงาของม้าแรดแรดเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆแผ่รัศมีอันยิ่งใหญ่ไปทั่วลาน
(เก่งขึ้นสักที แปลมาจนเหนื่อย ในที่สุดก็ผ่านช่วงน่าเบื่อไปแล้ว 555)