Ep.605 - อยากร่วมภารกิจกันไหม?
5/5
Ep.605 - อยากร่วมภารกิจกันไหม?
คงโบะตระเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ที่เหลือก็แค่เฝ้ารอฉินเฟิง
คงถิงอันที่จริงแล้วไม่ค่อยถูกกับพ่อของเธอเท่าไรนัก ปัจจุบันหญิงสาวอายุ 23 ปีแล้ว สามารถก้าวขึ้นมาถึงผู้ใช้พลังเลเวล D1 ได้ก็เพราะทรัพยากรที่ดี แต่ถ้าเทียบกับลูกรักของพระเจ้าแล้วยังแตกต่างกันมาก
คนแบบไหนถึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นลูกรักของพระเจ้าอย่างแท้จริงน่ะหรือ?
มีศักยภาพระดับราชันย์ หรือไม่ก็มีเลเวลเหนือกว่า D ก่อนอายุ 20 ปี นี่แหละถึงเข้าข่ายพิจารณาให้ถูกเรียกในสมญานี้ได้
และคงถิงไม่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ แต่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของคงถิง คงโบะเวลาไปไหนเลยพาคงถิงมาด้วยทุกครั้ง เรียกว่าได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากองค์หญิงตัวน้อย เพียงแต่ว่าทุกสถานที่ที่คงโบะไป มักแฝงไว้ด้วยอันตรายแทบทั้งสิ้น
“คุณพ่อ ต้องใช้เงินมากถึงขนาดนี้เลยหรอ? แค่เพื่อมีดบินเนี่ยนะ? ใครจะรู้ พวกมันอาจใช้ไม่ได้ผลก็ได้ คุณพ่อฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว”
คงถิงทราบดีว่าพ่อของเธอมีเงิน มีทรัพยากรพรั่งพร้อมให้เธอฝึกฝน แต่จะสร้างอาวุธสักชุดหนึ่ง ต้องลงทุนถึงขั้นแทบขุดสมบัติครอบครัวมาใช้ คงถิงไม่เข้าใจจริงๆ
“ลูกไม่เข้าใจหรอก ถ้ามันประสบความสำเร็จจริงๆ ความแข็งแกร่งของพ่อ อย่างน้อยจะเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า!” คงโบะกล่าวด้วยความตื่นเต้น
คงถิงอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ที่เธอรู้มีแค่ว่า กระเป๋าตังค์ของพ่อแฟบไปแล้ว และเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เท่ากับกระทบต่อค่าขนมของคงถิง
“แข็งแกร่งขึ้นสองเท่าแล้วมันยังไง? ของเดิมก็มากพอที่จะสังหารสัตว์ร้ายแล้วไม่ใช่หรอพ่อ” คงถิงกล่าวอย่างไม่ยินยอม “เงินมากขนาดนั้น มันจะดีกว่าไหมถ้าพวกเราเอาไปสร้างกลุ่มองค์กร!”
คงถิงรู้จักเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แน่นอน ที่กล่าวมาเป็นลูกสาวของตัวตนทรงพลัง พวกเธอเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องลงมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายเหมือนเธอ เป็นเจ้าหญิงในคฤหาสน์ คอยบริหารจัดการต่างๆ บ้างก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประธาน ส่วนพ่อของพวกเธอออกไปต่อสู้ในแนวหน้า
“คิดสร้างกลุ่ม ลูกพูดเหมือนกับมันง่าย!” คงโบะตำหนิ
คงถิงย่อมไม่ยินยอม ตอบโต้กลับไป “ก็ต้องง่ายอยู่แล้ว ดูอย่างคนที่ชื่อฉินเฟิงสิ เขาเพิ่งเป็นเลเวล C ก็มีกลุ่มเป็นของตัวเองแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะเขามีความสามารถ!”
“มีความสามารถงั้นหรอ? ฮี! งั้นก็ดี ในเมื่อเขาเป็นคนมีความสามารถ ถ้าอย่างนั้นหนูต้องการให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของหนู คุณพ่อต้องจ้างเขา!”
คงถิงเอ่ยความต้องการลึกๆในใจออกมาในที่สุด แม้ไป๋หลีจะเคยช่วยเธอมาก่อน แต่เธอกลับไม่ชอบไป๋หลีที่งดงาม มีสเน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม คงถิงเกิดความรู้สึกอิจฉาในใจ ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกชอบพอในตัวฉินเฟิง
แต่เมื่อประโยคนี้ทะลุเข้าหูคงโบะ ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามันร้ายแรงแค่ไหน
“นี่ลูกพูดเรื่องบ้าอะไรกัน? ฉินเฟิงเป็นคนช่วยชีวิตลูกไว้นะ แต่ตอนนี้ลูกกลับอยากให้เขามาก้มหัวให้ในฐานะบอดี้การ์ด? ทั้งยังจะจ้างเขา? ลูกรู้รึเปล่าพ่อต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะจ้างเขาได้? รู้รึเปล่าว่าตอนนี้พ่อเสียเงินไปมากมายแค่ไหนแล้ว?”
“งั้นพ่อก็อย่าไปซื้อวัตถุดิบพวกนี้สิ ไม่ใช่ว่าลูกสาวสำคัญกว่าอาวุธหรือ?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ลูกเป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้พ่อเคยจ้างบอดี้การ์ดตั้งมากมาย แต่สุดท้ายลูกก็ฉวยโอกาสหนีจากพวกเขา สุดท้ายถูกพวกกลุ่มปีศาจชินระลักพาตัวไป ถ้าครั้งนี้ไม่บังเอิญมีฉินเฟิง ลูกรู้รึเปล่าว่าตัวเองจะพบชะตากรรมแบบไหน? รู้รึเปล่าว่าพ่อต้องจ้างคนเกือบร้อยเพื่อช่วยชีวิตลูกเพียงคนเดียว คิดบ้างไหมว่าแต้มสงครามที่จ่ายไปมันก็เปลี่ยนเป็นเงินได้? ลูกสร้างปัญหาครั้งหนึ่ง พ่อต้องสูญเสียไปมากแค่ไหน ลูกไม่เคยมีแต้มสงครามเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ”
ซึ่งคงถิงไม่เคยมีแต้มสงครามเป็นของตัวเองจริงๆ
ตั้งแต่เด็ก เธอเติบโตมาพร้อมความรักความห่วงในของคงโบะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นฉากนองเลือดหรือเรื่องไม่ดี แต่ทุกสิ่งที่พูดมา โผล่มาหน้าเธอได้ไม่นานก็ถูกพ่อของเธอสยบลงอย่างรวดเร็ว
กาลเวลาค่อยๆไหลผ่านไป คงถิงยิ่งนานวันยิ่งไม่รู้จักหวั่นเกรง บังเกิดความคิดขึ้นมาว่าพ่อของเธอสามารถขจัดทุกปัญหาได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งในครั้งนี้ที่ถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มชินระ ในใจของเธอก็ยังรู้สึกว่า ยังไงพ่อก็ต้องช่วยชีวิตเธอได้
ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างที่เธอคิด
เพียงแต่คงถิงไม่ทราบ ว่าในครั้งนี้หากไม่มีฉินเฟิง แม้เธอจะได้รับการช่วยเหลือจากคงโบะ แต่ก็ต้องประสบกับความสยดสยอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอกลายเป็นลูกสาวที่ว่าง่ายอย่างสิ้นเชิง
ช่วงเวลานี้ ทั้งสองทะเลาะกัน โดยไม่ทันสังเกตเลย ว่าฉินเฟิงได้มาถึงแล้ว
หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มปรากฏริ้วรอยขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าลูกสาวที่ชื่อคงถิงคนนี้ เหมือนจะเห็นแก่ตัวมากเกินไปหน่อย
‘เดิมที ฉันแค่ไม่อยากให้พันธมิตรหัวเซี่ยต้องสูญเสียนักรบชั้นยอดในอนาคตไป แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแทน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการกระทำของฉัน มันจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของคงโบะรึเปล่า’
ฉินเฟิงทอดถอนหายใจในความนึกคิด
กระบวนท่าวรยุทธอันเลื่องชื่อของคงโบะ คือพันมีดบิน หากไม่มีรูบิควิเศษ ความแข็งแกร่งของเขาคงไม่อาจก้าวหน้าไปยิ่งกว่าในปัจจุบัน
นั่นเองคือเหตุผลที่ฉินเฟิงเลือกที่จะก้าวเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่คาดหวังเลย ว่าความหวังดีจะส่งผลตรงกันข้าม
‘ด้วยนิสัยของคงถิง ไม่ช้าก็เร็วคงสร้างปัญหาใหญ่โต ผู้หญิงแบบนี้ ถ้าไม่มีพ่อที่แข็งแกร่ง คงถูกโลกอันโหดร้ายกัดกินจนไม่เหลือกระทั่งกระดูกแล้ว’
‘แต่ก็ช่างเถอะ นั่นมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ฉันเผลอช่วยเธอครั้งเดียว ย่อมไม่มีครั้งที่สอง ครั้งนี้ถือว่าชดเชยเรื่องรูบิควิเศษที่สมควรเป็นของคงโบะก็แล้วกัน หลังจากนั้น พวกเราก็ไม่ติดค้างอะไรต่อกันแล้ว’
ฉินเฟิงพอคิดได้ ก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของตนเองออกมา คงโบะสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของฉินเฟิง ก้าวเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว”
“ดีครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลย”
ฉินเฟิงมอบรูบิควิเศษให้คงโบะ คงโบะยังไม่ทันใส่วัตถุดิบ ก็มอบเงินให้แก่ฉินเฟิง
หลังจากนั้น คงโบะใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง เพื่อสร้างมีดบินกว่า 1,000 เล่มที่หล่อหลอมขึ้นจากวัตถุดิบระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B
“จงออกมา”
อาศัยพลังสมาธิของคงโบะ มีดบินนับพันลอยออกมาจากรูบิควิเศษ ว่ายวนอยู่รอบกายคงโบะ พื้นที่ว่างภายในห้องถูกเติมจนเกือบเต็ม มีดบินเหล่านี้ไม่มีแสงสีทองที่เกิดจากวัตถุดิบระดับจักรพรรดิ ทว่ากลับกำลังปลดปล่อยคลื่นความผันผวนที่ไม่อาจบอกบรรยายได้
“ทรงพลังมาก!”
คงโบะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกายสดใส คาดหวังว่าจะได้พบเผชิญกับศัตรูสักคนในตอนนี้
“ขอแสดงความยินดีกับมิสเตอร์คง”
“ส่วนฉันต้องขอบคุณ คุณจริงๆ”
คงโบะโค้งตัว กล่าวขอบคุณอย่างเร่งรีบ
การแลกเปลี่ยนนี้ สร้างความพึงพอใจแก่ทั้งสองมาก
ฉินเฟิงไม่รั้งอยู่ต่อ เขาตรงไปยังตึกรับรองผู้ใช้พลัง ภารกิจเมื่อวานนี้ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตไม่กี่คน มันเลยกลายเป็นเรื่องเล็กไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว การสู้รบเกิดขึ้นในลุ่มน้ำตู่ซานทุกวัน เป็นธรรมดาที่จะมีคนตกตาย
และในวันนี้ ใครบางคนก็กำลังจะนำทีมของตนออกไปสู้รบพอดี เป็นซื่อฉิงที่เพิ่งมาถึง
ซื่อฉิงมีทีมเป็นของตัวเอง เป็นผู้ใช้พลังเลเวล C อย่างน้อย 30 คน ทว่าที่นี่คือลุ่มน้ำตู่ซานอันน่าหวาดกลัว ดังนั้นต่อให้คนเยอะก็ใช่ว่าจะพอ
ทันทีที่ฉินเฟิงก้าวเข้ามาในตึกรับรองผู้ใช้พลัง ซื่อฉิงก็เห็นเขา
“ฉินเฟิง วันนี้มารับภารกิจอะไรหรือ?” ดวงตาของซื่อฉิงเปล่งประกาย
“สวัสดีนายพลซื่อ!” ฉินเฟิงกล่าวทักทาย แล้วตอบว่า “พอดีเมื่อวานทำภารกิจเสร็จ แต่เพิ่งสะดวกส่งภารกิจในตอนนี้”
หลังสังหารจักรพรรดิผีเสื้อ , ทำลายรังแมลง ฉินเฟิงเลยมาส่งภารกิจ
“งั้นถ้าส่งภารกิจแล้ว สนใจเข้าร่วมภารกิจกับพวกเราไหม? ถ้าร่วมมือกัน น่าจะปลอดภัยกว่านะ”
“ไม่ทราบว่านายพลซื่อกำลังจะไปที่ไหน?”
“พื้นที่เขต 7 กำจัดแมลงสาบยักษ์แบล็คโกลด์”
อย่างไรก็ตาม พอได้ฟังฉินเฟิงก็ต้องขมวดคิ้ว สุดท้ายส่ายหัว “ผมกำลังคิดจะไปพื้นที่เขต 5 ว่ากันว่าที่นั่นมีรังผึ้งที่กำลังให้กำเนิดลูกหลาน”
ฉินเฟิงเอ่ยแผนการของเขา ดูเหมือนแต่ละฝ่ายจะมีเป้าหมายต่างกัน เลยเป็นธรรมดาที่ไม่สามารถร่วมภารกิจกันได้
แต่ในสายตาของคนอื่นๆ นี่มันเป็นการปฏิเสธน้ำใจอย่างเห็นได้ชัด
ลูกน้องเลเวล C ของซื่อฉิง บางคนไม่เคยเจอฉินเฟิงมาก่อน เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงกำลังจะไปเขต 5 ทั้งยังปฏิเสธซื่อฉิง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
“รังผึ้งในเขต 5 อันตรายมาก แต่คุณกลับเอ่ยปากว่าจะไปคนเดียว คิดว่าตัวเองเป็นเลเวล A รึยังไง?” บางคนตะโกนประชดประชันออกมา
**พรุ่งนี้งดประจำสัปดาห์จ้า