บทที่ 89 กำลังจากสำนักดาบบูรพา
เสี่ยวเฉินนั้นไม่ได้คิดจะสนใจมู่ชิงเลยแม้แต่น้อย ทำให้มู่ชิงตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น “เสี่ยวเฉิน ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย...”
เสี่ยวเฉินนั้นได้ทำให้เขาต้องอับอายมาหลายครั้ง ตอนนี้แม้แต่ร่างกายธาตุหยินที่เขาฝันหาก็ยังโดนเสี่ยวเฉินคาบไปกิน ความโกรธเคืองแค้นในหัวใจของมู่ชิงนั้นมันมากจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย
เขาเดินพลังลมปราณออกมารอบตัวและต่อยหมัดออกมาทางเสี่ยวเฉิน ได้เห็นแบบนั้นเสี่ยวเฉินก็รวบเอวฉินสุยโหรวขึ้นและพุ่งตัวมาหาหลินซิงและจ้าววูหยุน
“พวกเจ้าช่วยดูแลศิษย์พี่ข้าหน่อยได้ไหม?”
“อย่าได้กังวล หากมีใครมาทำอะไรนางได้แม้แต่เส้นผมเจ้ามาเอาชีวิตข้าได้เลย” หลินซิงตอบมา ตอนนี้ฉินสุยโหรวถูกฝากให้หลินซิงและจ้าววูหยุนดูแลแล้ว
หลังจัดการตัวฉินสุยโหรวเสร็จ เสี่ยวเฉินก็หันหน้ามาหามู่ชิงที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาโจมตีเขา เสี่ยวเฉินชักดาบฉีเฟิงออกมาฟาดฟันออกไป พื้นห้องที่อยู่ในระยะดาบนั้นถึงกับแตกแยกออกจากกัน ได้เห็นแบบนั้นมู่ชิงก็ยื่นมือออกมารับการโจมตีนั้นไว้จนลอยไปไกล
ด้วยการโจมตีเดียวนี้มู่ชิงกลับต้องลอยกระเด็นไปไกล จนร่างของเขาตกลงไปในสวนด้านหลังพร้อมเลือดที่สาดออกมาจากมือทั้งสองข้าง
ดาบเดียวนี้ทำให้มู่ชิงบาดเจ็บหนักได้ ช่างสมชื่อยอดดาบนักรบปฐพี พลังของมันนั้นเหนือกว่าดาบฟ้าเมฆาหลายเท่าตัวจริง ๆ
เสี่ยวเฉินที่ถือดาบฉีเฟิงไว้ในมือเดินออกมาจากโถงหลักและมาหยุดอยู่ที่สวนด้านนอก ก่อนจะเหลือบตาไปมองมู่ชิงและกล่าว “จะไปเองหรือต้องให้ข้าไล่?”
“เสี่ยวเฉิน...” ได้ยินคำของเสี่ยวเฉิน มู่ชิงก็พุ่งตัวเข้ามาโจมตีอีกครั้ง
เพราะตอนนี้มู่ชิงไม่มีสติมากพอจะคิดแล้วว่าตัวเองสู้เสี่ยวเฉินได้ไหม เมื่อเห็นท่าว่าทั้งสองคนจะสู้กัน คนที่ล้อมรอบอยู่ก็แหวกทางให้จนเป็นวง
แม้จะเป็นการโจมตีที่แฝงด้วยความโกรธแค้น แต่ในสายตาของเสี่ยวเฉินแล้วการโจมตีนี้มันกลับดูโง่เง่า เมื่อก่อนมู่ชิงแพ้ให้เขาในดาบเดียว แล้วตอนนี้จะเอาอะไรมาสู้ ตอนนี้ที่เสี่ยวเฉินได้มีดาบฉีเฟิงในมือ
เมื่อดาบถูกฟาดออกมา วิชาดาบทองพิฆาตก็ถูกใช้ ราวกับว่าเป็นภาพฉายซ้ำของงานสุสานร้อยวิญญาณ เงาดาบสีทองลอยทั่วฟ้าตกลงมาสู่ร่างของมู่ชิง จนเขาบาดเจ็บทั่วกาย
เขาแพ้ด้วยดาบเดียวเช่นเดิม ตอนนี้มู่ชิงนั่งลงกับพื้นพร้อมเลือดท่วมร่าง เสี่ยวเฉินที่เห็นสภาพนั้นก็พูดออกมา “อย่าคิดท้าทายความอดทนของข้า คิดหรือว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้า จงไป...”
จบคำเสี่ยวเฉินก็หันหน้าเดินจากมา แต่จู่ ๆ เจ้าสำนักหมื่นเซียนที่นั่งดูเงียบ ๆ มาตลอดก็พูดขึ้น
“เสี่ยวเฉิน เจ้ามาก่อกวนงานแต่งลูกศิษย์ข้าขนาดนี้ ไม่คิดดูถูกสำนักหมื่นเซียนเรามากไปหน่อยเหรอ?”
เขามีตำแหน่งเจ้าสำนักหมื่นเซียนและเป็นอาจารย์ของมู่ชิง แม้จะเงียบมาตลอดแต่ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น เสี่ยวเฉินจึงหันไปถาม “สำนักหมื่นเซียนอยากจะมายุ่งเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“มู่ชิงนั้นคือศิษย์ของข้า วันนี้เป็นวันงานแต่งของเขา แต่เจ้ากลับมาทำให้เขาต้องขายหน้า เจ้าคิดว่าสำนักหมื่นเซียนเราจะเอาแต่ดูอยู่เฉย ๆ รึ?” เขาถามเสี่ยวเฉินออกมา
เมื่อสิ้นเสียงเงาร่าง 12 เงาก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกเขายืนอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าคนเหล่านี้คือยอดฝีมือของสำนักหมื่นเซียน มีพลังไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสหลักของสำนักดาบบูรพาและพวกชางเฉี่ยน พวกเขาต่างมีพลังลมปราณเกินระดับสวรรค์ขึ้นไปแล้ว
เมื่อรวมกับตัวเจ้าสำนักเข้าไปด้วย ก็จะเท่ากับว่ามียอดฝีมือพลังลมปราณเกินระดับสวรรค์อยู่ถึง 13 คน เหล่าผู้ปกครองสำนักหมื่นเซียนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขามาตั้งหลักรอกันตั้งแต่ก่อนจะเริ่มงาน
พวกเขามารอการปรากฏตัวของเสี่ยวเฉิน เหล่าผู้อาวุโสของสำนักหมื่นเซียนจึงไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแต่แรก พวกเขารออยู่ในเงามืดเผื่อว่ามันจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน จะได้ออกมาจัดการให้งานแต่งดำเนินไปได้
เจ้าสำนักหมื่นเซียนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและก้าวเท้าออกมา เพียงแค่ก้าวเดียวก็ส่งร่างนั้นมาอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเฉินในทันที
เมื่อได้เจอกับผู้มีพลังลมปราณระดับวิถีอุตรภาพเช่นเดียวกับชางเฉี่ยน ทำจึงทำให้เสี่ยวเฉินต้องเจอพลังกดดันมหาศาล แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเสี่ยวเฉินก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนสีหน้า หลังจ้องหน้ากันอยู่อีกพักหนึ่งทางเจ้าสำนักหมื่นเซียนก็บอกออกมา
“ข้าเองก็จะให้โอกาสเจ้า ไปเสีย ไม่เช่นนั้นอย่ามาหาว่าข้าไม่เตือน...”
“โอ้ ข้าเองก็เดาเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้าแล้วล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะสำนักหมื่นเซียนหนุนหลังมีเหรอที่ไอ้ขยะอย่างมู่ชิงจะกล้าเมินคำข้า? ขอเดานะ พวกเจ้าคงคิดว่าสำนักดาบบูรพาจะไม่ออกมาต่อสู้เพื่อผู้หญิงคนเดียวสินะ สำนักหมื่นเซียนทั้งหลาย?”
เสี่ยวเฉินตอบกลับไปอย่างมั่นใจโดยไม่มีท่ากังวลเลย เขารู้ว่ามู่ชิงนั้นมีคนหนุนหลัง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าเมินคำเตือนของเสี่ยวเฉิน
ได้ยินคำของเสี่ยวเฉินเจ้าสำนักหมื่นเซียนก็เงียบไป เพราะเสี่ยวเฉินพูดถูก ได้เห็นความเงียบงันนั้นเสี่ยวเฉินจึงพูดต่อ
“แต่ข้าเองก็กล้าที่จะมา มีหรือที่ข้าจะไม่เตรียมพร้อม? สำนักหมื่นเซียนเจ้ามียอดฝีมือ มีหรือที่สำนักดาบบูรพาจะไม่มีบ้าง?”
เมื่อสิ้นเสียงของเสี่ยวเฉิน 10 ผู้อาวุโสหลักแห่งสำนักดาบบูรพาก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมชางเฉี่ยน ชางยุน และชางหลงที่ด้านบนบ้านตระกูลฉิน ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือของต่างสำนักกำลังยืนประชันหน้ากัน
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน 10 ผู้อาวุโสหลักจากสำนักดาบบูรพาประชันหน้ากับ 10 ผู้อาวุโสหลักจากสำนักหมื่นเซียน ทั้งสองฝ่ายมีจำนวนเท่ากัน เมื่อเห็นภาพนั้นผู้อาวุโสหลักคนหนึ่งของสำนักดาบบูรพาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ ไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าผู้ใหญ่ของสำนักหมื่นเซียนจะมางานแต่งมังกรของสำนักดาบบูรพาเราด้วย มาแสดงความยินดีเหรอ?”
เขาหยอกอีกฝ่ายด้วยท่าทางสุดกวน ได้ยินคำนั้นผู้อาวุโสหลักของสำนักหมื่นเซียนก็ตะโกนขึ้นมา
“ไอ้อ้วนจิน พูดบ้าบออะไรของเจ้า?”
ผู้อาวุโสหลักทั้งสองคนนี้รู้จักกัน เพราะแม้ดินแดนดงหยางมันจะมีแผ่นดินกว้างใหญ่มหาศาล แต่คนที่จะผ่านระดับสวรรค์มาได้มันก็มีเพียงแค่หยิบมือ ทุกคนที่อยู่ในระดับนี้จึงรู้จักกันและกันดี
“เหอะ จะสู้ก็มา หากไม่กล้าก็อย่าได้มาขวางงานแต่งศิษย์สำนักดาบบูรพาข้า...” ผู้อาวุโสหลักอีกคนพูดขึ้น
เหล่าผู้นำสำนักทั้งสองฝ่ายเองก็กำลังเผชิญหน้ากันไม่ต่างจากผู้อาวุโสหลัก ตอนนี้ชางเฉี่ยนค่อย ๆ ลอยตัวลงมาอยู่ข้างเสี่ยวเฉินก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าสำนักหมื่นเซียน
“เอายังไงล่ะ? จะสู้หรือถอย?”
เขาถามออกไปตรง ๆ ไม่คิดจะอ้อมค้อม ได้ยินคำนั้นของชางเฉี่ยนเจ้าสำนักหมื่นเซียนก็ถามออกมาด้วยเสียงเย็นเหยียบ “ชางเฉี่ยน สำนักดาบบูรพาเจ้าคิดจะทำสงครามกับสำนักหมื่นเซียนข้าเพราะเด็กผู้หญิงคนเดียวจริง ๆ เหรอ?”
พวกเขาเชื่อว่าสำนักดาบบูรพาจะไม่มาทำอะไรเพราะเด็กผู้หญิงคนเดียวแบบนี้แน่ ๆ แต่ดูท่าจะคิดผิดไป แค่การที่เห็นหน้าของพวกชางเฉี่ยนทั้ง 3 พร้อมกับผู้อาวุโสหลักทั้ง 10 มันก็ชัดเจนแล้วว่าสำนักดาบบูรพาคิดอะไร
แต่แน่นอนว่าสำนักดาบบูรพาไม่ได้มาเพื่อฉินสุยโหรว พวกเขามาเพราะเสี่ยวเฉินต่างหาก เพราะเสี่ยวเฉินอยากแต่งงานกับฉินสุยโหรว เหล่าผู้ใหญ่ของสำนักดาบบูรพาจึงคิดจะช่วยเขาอย่างเต็มที่
ตอนนี้ยอดฝีมือทั้ง 20 คนจากสองสำนักกำลังตรึงกำลังพร้อมรบเต็มที่ แค่รังสีฆ่าฟันที่พวกเขาปล่อยออกมามันก็มากพอจะทำให้แขกคนอื่น ๆ ต้องหน้าซีดเผือด แค่ถูกพลังกดดันพวกนี้เหล่าคนทั่วไปก็แทบจะขาดอากาศตายแล้ว
เหล่าผู้มีพลังลมปราณระดับแสวงสัจธรรมนั้นเป็นยอดฝีมือที่ทั้งชีวิตแทบไม่มีโอกาสได้เจอ แต่วันนี้กลับมีพวกเขาถึง 20 มาอยู่ในสถานที่เดียวกันนี้ แถมด้วยผู้อยู่ในระดับวิถีอุตรภาพอีก 6 คน จะบอกว่าต่างฝ่ายต่างเทกำลังมาหมดหน้าตักก็คงไม่ผิด หากเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ ถ้าไปโดนลูกหลงเข้าแม้สักนิดคงถึงชีวิตได้ง่าย ๆ เลย