บทที่ 288
สงครามได้เริ่มต้นขึ้น กองกำลังทั้งสองเข้าปะทะตลอดระยะเวลาสี่วันเกิดการสูญเสียไม่น้อย ฝั่งของเหมาหนานเองสูญเสียทหารไปมากพอสมควรถึงแม้จะมีกำลังคนที่มากกว่าเพียงแต่ว่าอีกฝั่งมีวิชาอันร้ายกาจไร้ความรู้สึก อีกทั้งยังมีบางส่วนที่สังหารไม่ตาย หน่วยพยัคฆ์รับมอบหมายแอบสอดแนมและซุ่มโจมตี เนี่ยฟงแอบปลอมเป็นทหารกองกำลังหมาป่าเข้าไปในค่ายเพื่อตรวจสอบบางอย่าง ภายในค่ายของกองกำลังหมาป่ามีการจัดเวรยามอย่างแน่นหนาเนี่ยฟงเข้าไปตรวจสอบอยู่นานแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติไร้ซึ่งเสียงเอ่ยวาจาใดในค่ายยามค่ำคืนแม้กระทั่งพวกเวรยาม เขาจึงอ้อมไปด้านหลังพบเจอบางอย่างขนาดใหญ่ถูกผ้าคลุมปิดบังเอาไว้ เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าเป็นสัตว์ประหลาดหลายร้อยตัวถูกขังเอาไว้ เนี่ยฟงแสยะยิ้มสะบัดมือขวาซัดมีดสีดำออกไปทำลายกรงเล็กๆที่ขังพวกมันเอาไว้ หลังจากเก็บมีดสั้นเสร็จเขาก็รีบสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปที่กรงขังขนาดใหญ่
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาก็แอบเข้าไปในค่ายอีกครั้งพร้อมกับแอบราดน้ำมันไปตามพื้นและกระโจม หลังจากนั้นก็เร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาซัดฝ่ามือลงพื้น เปรี้ยง เขารีบถีบเท้าพุ่งถอยออกมา ไม่ถึงสิบลมหายใจก็ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่น ตูม ตูม เปลิวไฟค่อยๆลุกไหม้ในค่าย เสียงตะโกนสั่งการดังลั่นหลังจากนั้นเนี่ยฟงก็รีบถอยกลับมายังค่าย รุ่งเช้าเกิดการปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้ต่างออกไปกองกำลังหมาป่าถูกสังหารจนต้องถอยร่นออกไปจากจัดพักเดิมหลายสิบลี้ด้วยกันผลมาจากความเสียหายเมื่อคืน จำนวนเกือบครึ่งที่ถูกไฟคลอกจนตายในกระโจมข้อเสียของการไร้ความรู้สึกเจ็บปวด
ระยะเวลาสองวันที่กองกำลังของเหมาหนานชนะในการรบอย่างไม่อยากเย็นนัก เพราะการวางแผนการรบของเหมาหนานเองและมีแม่ทัพคู่ใจอย่างเหยียนอู่และหลงจวิน เย็นวันนั้นเองจากการขับไล่กองกำลังหมาป่าออกไปจากพื้นที่จึงมีการจัดเลี้ยงฉลองภายในค่ายเกิดขึ้น เหล่าทหารต่างดื่มกินอย่างสนุกสนาน เนี่ยฟงเองหลังจากทานอาหารจนอิ่มก็ออกมานั่งโคจรลมปราณใบกิ่งไม้ใหญ่ด้านข้างของค่าย ชั่วน้ำเดือดก็มีเสียงเอ่ยวาจาดังแว่วมาจากด้านล่างของต้นไม้
“คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเจ้าจะไม่อยู่ร่วมในงานเลี้ยง”
เนี่ยฟงหรี่ตามองไปยังด้านล่างเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดก็กล่าววาจาตอบ
“ต้องขออภัยแม่นางเหมยฟาง ข้าเพียงแยกตัวออกมาฝึกวิชาเท่านั้นท่านคงไม่นำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อท่านเหมาหนาน”
“ได้ แต่เจ้าต้องลงมาดื่มกับข้าเสียก่อน”
“ต้องขออภัยแม่นางตัวข้าไม่ดื่มสุรา”
เหมยฟางได้ยินเช่นนั้นถึงกับขมวดคิ้วกระทืบเท้าลงพื้นหลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
“ไอ้หนูเหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนั้น”
“บางครั้งการปฏิเสธตั้งแต่แรกก็เป็นผลดีขอรับ ข้ารู้ว่านางมีใจให้แก่ข้าเพียงแต่ว่าตอนนี้ตัวข้ายังไม่พร้อม”
“เจ้าคิดเช่นนั้นก็ดี”
ในระหว่างนั้นเองเนี่ยฟงก็ต้องขมวดคิ้วลุกขึ้นถีบเท้าพุ่งทะยานลงจากกิ่งไม้พุ่งออกมาทางขวามือ เมื่อพุ่งออกไปไม่ถึงสิบลมหายใจเขาก็สะบัดมือขวาซัดมีดสั้นสีดำออกไป ฟิ้ว มีดสั้นพุ่งตัดบางอย่างที่กำลังรัดตัวเหมยฟางเอาไว้ เหมยฟางเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดมาช่วยเหลือก็รีบพุ่งไปแอบที่ด้านหลังของเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์สาดส่องลงมาเนี่ยฟงพบเห็นบางอย่างด้านหน้าถึงกับตื่นตกใจ เป็นชายฉกรรจ์ศีรษะโล้นสุ่ยจังหู่ที่ตนเคยสังหารมาก่อนหน้า
“แปลกใจอย่างนั้นรึที่พบเห็นข้า เมื่อครั้งนั้นเจ้าทำข้าเจ็บแสบนักแต่ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไปไอ้หนูเจ้าจะได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของข้า”
สุ่ยจังหู่แสยะยิ้มซัดเคียวในมือทั้งสองออกมา เนี่ยฟงสะบัดมือขวาใช้แส้สีขาวในมือยกมาปัดป้อง ทันใดนั้นก็รับรู้บางอย่างที่เท้าทั้งสองพบว่ามีเงาของสุ่ยจังหู่ยืดยาวออกมาที่เงาใต้เท้าของตนเนี่ยฟงทดลองขยับร่างกายดูก็พบว่าขยับไม่ได้
“เจ้าคงแปลกใจมากสินะ ตอบข้ามาเถอะว่าเจ้าปรารถนาที่จะตกตายแบบไหน ความแค้นในครั้งนั้นเจ้าต้องตายสถานเดียว”
สิ้นเสียงกล่าวของสุ่ยจังหู่ เงาด้านล่างใต้เท้าจำนวนห้าเงาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่เท้าทั้งสองพร้อมกับจ้องมองดูก็พบว่ามีเข็มหางวัวของเล่มปักตรึงที่เท้าทั้งสองเอาไว้ ในจังหวะนั้นเองเงาทั้งห้าก็พุ่งเข้ามาประชิด ตูม เงาทั้งห้าพุ่งจ้วงแทงเนี่ยฟงอย่างถนัดถนี่ ฝุ่นควันจากการปะทะพุ่งกระจาย
“แอบซัดเข็มหางวัวสีดำทันทีหลังจากซัดเคียวออกมา อีกทั้งยังใช้วิชาปาหี่แบบนั้นอีกน่าเสียดายเช่นกันที่ครั้งนั้นข้าไม่สังหารท่านทันที”
“อย่าอวดดีให้มากนักไอ้หนู วิชาของข้าไม่ได้มีแค่นี้”
กล่าวสิ้นเสียงเงาดำห้าเงาก็พุ่งเข้ามาโจมตี เนี่ยฟงใช้ด้วยท่าเท้าเหยียบนภาพุ่งวูบวาบไปมา
“วิชาปาหี่ของท่านอย่าคิดว่าข้าจะดูไม่ออก ใช้ผ้าสีดำที่โปร่งใสติดใบมีดไว้ที่ปลายผ้าเพื่อใช้ฟันศัตรู”
“อวดดีนักไอ้หนู”
ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็พุ่งเข้ามาในระยะประชิดหมายฟาดหวดแส้แข็งสีขาวในมือไปที่ชายโครงด้านซ้ายที่เปิดอยู่ ก็ต้องโยกตัวถีบเท้าซ้ายพุ่งหลบออกไปทางขวามือเพราะมีบางอย่างพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ทันใดนั้นมันก็เลี้ยวพุ่งมาอีกครั้งเนี่ยฟงตวัดแส้แข็งในมือเคร้งเข้าปะทะ มันกระเด็นออกไปแต่ก็พุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้งเนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่แส้แข็งฟาดหวดปะทะ เปรี้ยง มันพุ่งกลับไปหาสุ่ยจังหู่อย่างรวดเร็ว สุ่ยจังหู่เพียงแค่พุ่งสอดมือขวาออกไปสวมที่ตรงกลางของอาวุธชิ้นนั้นอย่างรวดเร็ว มันเป็นอาวุธทรงกลมชนิดหนึ่งมีรูตรงกลางคล้ายกงล้อ เนี่ยฟงหรี่ตามองไปที่อาวุธในมือของสุ่ยจังหู่ถึงกับยกยิ้ม
“อาวุธของท่านช่างแปลกประหลาดนัก เมื่อท่านตกตายไป ข้าเองจะใช้มันแทนท่านเอง”
เนี่ยฟงพุ่งทะยานเข้าหาอย่างรวดเร็ว สุ่ยจังหู่รีบซัดกงล้อในมือขวาออกไปเช่นกัน เสียงปะทะระหว่างแส้แข็งสีขาวกับกงล้อเสียงดังลั่น เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เหมยฟางที่เห็นเช่นนั้นก็พุ่งทะยานหลบหนีกลับไปยังค่าย สุ่ยจังหู่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ละสายตาจากเนี่ยฟงพุ่งเข้าหาเหมยฟาง เนี่ยฟงเองยกยิ้มรีบฟาดหวดแส้แข็งในมือไปที่กงล้อ เปรี้ยง กงล้อพุ่งเข้าหาสุ่ยจังหู่จากด้านหลังอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็สะบัดแส้แข็งในมือขวาสองครั้ง สุ่ยจังหู่เองรีบหันหลังกลับไปใช้มือขวาคว้ารับกงล้อที่พุ่งเข้ามาแต่ทว่ามีบางอย่างผิดคาด กงล้อพุ่งตัดแขนขวาขาดกระเด็น สุ่ยจังหู่เห็นมีดสั้นสีดำพุ่งปักที่ต้นแขนขวา เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมาไร้ซึ่งเสียงร้องใดๆดังออกมา
“ตัวท่านถึงกับยอมขายตัวเองเป็นพวกผีดิบไร้ความรู้สึกช่างน่าสมเพชนัก”
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ลูกหมา”
สุ่ยจังหู่รีบถีบเท้าพุ่งถอยหลังออกไป เนี่ยฟงรีบฟาดหวดแส้แข็งสีขาวในมือออกไป มันยืดยาวพุ่งรัดขาซ้ายของสุ่ยจังหู่อย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงกระชากมือขวาดึง พร้อมกับพุ่งเข้าประชิดอีกครั้งเขาสะบัดมือซ้ายกำชับแส้แข็งในมือฟาดหวดไปที่ศีรษะของสุ่ยจังหู่อย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง แน่นอนว่าสุ่ยจังหู่กลายเป็นผีดิบไปแล้วเนี่ยฟงจึงเร่งโคจรลมปราณไปที่แส้แข็งสีดำใช้ออกด้วยทักษะฝ่าธรณี ปราณแส้แข็งพุ่งเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ร่างของสุ่ยจังหู่ระเบิดเป็นชิ้นๆ เลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปตามพื้น เสียงระเบิดดังเหล่าทหารที่ได้ยินล้วนพุ่งทะยานมายังจุดปะทะ เนี่ยฟงรีบบอกกล่าวให้ทุกคนทราบพร้อมกับขอตัวเข้าไปรายงานต่อเหมาหนานที่กระโจมหลัก เมื่อเข้ามาถึงก็ต้องพบกับเหมาหนานที่นั่งครุ่นคิดบางอย่างข้างมีเหยียนอู่และหลงจวินนั่งอยู่เช่นกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้นด้านนอก”
เป็นเหยียนอู่ที่เอ่ยวาจาสอบถาม
“เป็นสุ่ยจังหู่หนึ่งในห้าเทพหมาป่าแอบเข้ามาที่ค่าย ตอนนี้ถูกข้าสังหารแล้วขอรับ”
เหมาหนานเงยหน้าขึ้นมามองเนี่ยฟงพร้อมกับยกยิ้ม
“อีกสองวันรบกวนเจ้าออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนรกร้างเจียงเยี่ย เพื่อขอกำลังของพวกเจียงเยี่ยเข้ารบ”
เนี่ยฟงได้ฟังถึงกับขมวดคิ้ว เหมาหนานเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้ม
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแค่ให้เจ้ามอบจดหมายถึงหัวหน้ากลุ่มเจียงเยี่ยก็พอ”
“ได้ขอรับ”
“อีกอย่างเรื่องนี้อย่าให้ผู้ใดทราบข้าจะแจ้งต่อทุกคนว่าเจ้าออกไปสอดแนมที่ค่ายของศัตรูก็แล้วกัน”
เนี่ยฟงทำได้เพียงก้มศีรษะตอบรับเพียงเท่านั้น