ตอนที่ 84 ประวัติศาสตร์จากปากของเนโค
ตอนที่ 84 ประวัติศาสตร์จากปากของเนโค
“หยุดก่อนนั้นคือปู่ฉัน” ไนเรลพูดออกมาพร้อมกับห้ามทุกคนไม่ให้ลงมือทำอะไรโดยพลการ
ทุกคนมองไปที่ชายชราที่ไว้หนวดเคราสีดำ ใบหน้าที่พอจะมีเค้าโครงคล้ายไนเรลอยู่เล็กน้อย รูปร่างสูงใหญ่กำยำที่ไม่เหมือนกับคนแก่อายุ 80 ปีเลย มันกลับเต็มไปด้วยพละกำลังแทน
เนโคที่ได้ยินเสียงของไนเรลเขาก็จำได้ในทันทีว่านี้คือเสียงหลานชายของตัวเอง แต่เนโคก็ไม่ได้ลดการระวังตัวลงจากไนเรลในทันที เขาจ้องมองไปที่ไนเรลราวกับว่าต้องการจะมองให้ทะลุถึงตัวตนที่แท้จริง
“ปู่เป็นอย่างไรบ้าง? ปู่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” โดยไม่สนใจเรื่องที่ตนโดนต่อยจนปากแตก รีบเข้าไปทักทายปู่ของเขาในทันที
ในสมัยเด็กในเรลนั้นจะกลัวปู่ของเขาเป็นอย่างมากเพราะปู่เป็นคนที่จริงจังเสมอมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ทุกครั้งปู่จะบอกว่าเขาจะต้องเป็นผู้ที่สืบทอดตระกูลอาโรเดียต่อไปในอนาคต ดังนั้นในทุก ๆ เรื่องปู่จะเข้มงวดกับเขาเสมอ
“เข้ามาข้างในก่อน” เนโคกล่าวออกมาพร้อมกับที่เดินเข้าไปด้านใน ไนเรลที่เห็นท่าทางว่าปู่ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ จึงได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบ ๆ
โนเนททั้ง 9 ที่มีชารอนนำก็ตามเข้ามาด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าชารอนได้ก้มลงไปหยิบหน้ากากทองคำของไนเรลมาด้วย ตาเดียวที่ตามเข้ามาที่หลังสุดเขาก็เดินไปยกประตูพัง ๆ ที่หลุดมาทั้งบานจากการโจมตีของเนโคมาปิดไว้เหมือนเดิม จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านใน
หลังจากที่ตาเดินเข้าไปในบ้านแล้วประตูพัง ๆ บานนั้นมันก็ล้มลงกับพื้นตามเดิม
ไนเรลที่เข้ามาด้านในก็ให้ทุกคนรออยู่ห้องรับแขกส่วนเขาก็เดินตามปู่เข้าไปที่ห้องอ่านหนังสือของปู่
บรรยากาศเก่า ๆ ก็กลับมาให้เขาหวนคิดถึง ที่ทุกครั้งคะแนนสอบที่สู้น้องสาวไม่ได้ก็จะโดนเรียกเข้าไปในห้องอ่านหนังสือของปู่ บางครั้งไนเรลก็คิดว่าห้องฝ่ายปกครองที่โรงเรียนยังไม่น่ากลัวเท่าห้องนี้เลยด้วยซ้ำ
เนโคไปนั่งที่เก้าอี้หลักสวนไนเรลก็ได้แต่นั่งฝั่งตรงข้ามอีกตามเคย แต่ตอนนี้มันต่างออกไปไนเรลไม่ได้ทำท่าทีกลัวเหมือนเดิม ด้วยความคิดและหลาย ๆ สิ่งที่ผ่านมาในชีวิตทำให้บุคลิกของเขาต่างออกไปจากเดิมมาก จนเนโคก็รู้สึกแปลกใจ
“นายเป็นใครกันแน่” คำถามแรกที่เนโคถามออกมานั้นทำให้ไนเรลงงขึ้นมาในทันที
“ปู่หมายความว่าอะไร ผมไนเรลไง ไนเรลหลานของปู่” ไนเรลสั่งเกตปู่ของเขาแล้วคิดว่าปู่ความจำเสื่อมหรือไม่ หรือว่านี่จะเป็นตัวปลอม แต่ก็ไม่น่าใช่ ถึงจะมีพวกที่มีความสามารถแบบนี้ก็ตาม
เนโคยังคงได้แต่นิ่งเงียบมองไปที่ไนเรลสั่งเกตทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นายแน่ใจนะว่าเป็นหลานของฉันจริง ๆ”
เนโคยังคงถามออกมาอีกเช่นเคยจนไนเรลเริ่มคิดว่าหรือว่าปู่จะรู้ว่าเขามาจากโลกอีกใบมาเกิดในร่างของไนเรลแล้ว เป็นไปไม่ได้สิ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะมีใครรู้ได้
“ปู่พูดแบบนี้หมายความว่าไง ปู่พูดออกมาให้ชัดเลยดีกว่า” ไนเรลที่ตอนนี้เสียอาการเป็นอย่างมากเขาต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมปู่ถึงพูดกับเขาแบบนี้
ในไนเรลไม่รู้เรื่องของปู่เขามากนักในชีวิตที่แล้ว แต่ตอนนี้เขาอยากจะรู้มากขึ้นตกลงแล้วปู่ไปเจออะไรมากันแน่
“นายอยากรู้งั้นหรือ”
“ใช่” ไนเรลตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
เนโคมองไปที่ไนเรลอยู่สักพัก เหมือนจะตัดสินใจบางอย่างอย่าง “นาย คิดว่าฉันเนโคและทุกคนในตระกูลอาโรเดียเป็นครอบครัวของตัวเองใช่หรือไม่”
ไนเรลมองไปที่ปู่ เขาเข้าใจว่าปู่อาจจะรู้มาจากไหนสักอย่างว่าเขามาจากโลกใบอื่นมาเกิดในร่างของไนเรลก็ได้ เพราะมันอาจจะมีความสามารถพิเศษแบบนั้นอยู่ในโลกใบนี้ ตอนนี้ไนเรลได้เข้าใจบางอย่างที่เนโคจะสื่ออกมาผิดไปแล้ว แต่แล้วอย่างไรต่อจะให้เป็นแบบไหน ไนเรลก็ยังคงเป็นไนเรลแห่งตระกูลอาโรเดีย
“ปู่รู้อะไรไหมสำหรับผมแล้ว ปู่ พ่อ แม่และนิเรียทุกคนก็คือครอบครัวของผมไม่ว่าอย่างไรหรือเกิดอะไรขึ้นผมก็ยังคงจะเป็นหลานของปู่ เป็นลูกของพ่อและแม่ เป็นพี่ชายของนิเรียเสมอ” ไนเรลพูดออกมาด้วยแววตาและสีหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก
เมื่อเนโคเห็นดังนั้น เขาก็เปลี่ยนคำเรียกต่อไนเรลในทันที “เมื่อหลานเชื่อดังนั้น หลานก็จะเป็นหลานของฉัน และขอให้หลานจำคำพูดของตัวเองที่พูดกับปู่เมื่อกี้ด้วย ถ้าต่อไปเกิดอะไรขึ้นหลานต้องนึกถึงคำพูดของตัวเองด้วยเสมอ”
“แต่ถึงอย่างไรหลานก็ต้องรู้เรื่องนี้ เรื่องที่ปู่นั้นทำไมถึงถูกจับและตระกูลถึงตกต่ำลง มันเพราะกุญแจดอกหนึ่ง” เนโคเลือกที่จะไม่พูดเรื่องความทรงจำที่บิดเบือนต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อคนรอบข้าง
เพราะถ้าพูดไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เข้าจึงเปลี่ยนหัวข้อถึงสิ่งที่ไนเรลอุสาเดินทางมาที่แห่งนี้ ที่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียตามจดหมายของเขา
“กุญแจหนึ่ง?”
“ใช่ มันคือกุญแจ แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่กุญแจธรรมดา เพราะมันคือของที่สืบทอดมาในตระกูลของเรา ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คงต้องย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ก่อตั้งประเทศทั้ง 8 เมื่อ 250 ปีก่อน”
หลังจากที่เนโคกล่าวคำนี้ออกมาไนเรลก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมากกับประวัติศาสตร์เหล่านี้ เพราะประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่นั้นไม่รู้เป็นเพราะออะไรมันกับถูกบิดเบือนไปเป็นจำนวนมาก
แต่แล้วอยู่ ๆ เนโคก็ลุกจากเก้าอี้เดินไปสัมผัสตามชั้นหนังสือจากนั้น เขาก็ดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมา ไนเรลคิดว่ามันคงเป็นหนังสือประวัติศาสตร์แต่เปล่าเลยมันกับกลายเป็นกลไกบางอย่าง
หลังจากนั้นชั้นหนังสือก็ค่อย ๆ แยกออกเผยให้เห็นประตูเหล็กกล้าหนา พร้อมกับที่มีระบบสแกนชีวะภาพที่ทันสมัยสุด ๆ ดูเหมือนว่ามันยังคงมีระบบไฟฟ้าหล่อเลี้ยงอยู่
เนโคไม่รอช้าวางมือลงไปที่ช่องสแกน ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเดินลงไปชั้นใต้ดินที่เป็นเหมือนกับบังเกอร์ด้านข้างมีรูปของแผนที่เก่า ๆ มากมายติดอยู่ตามฝ่าผนัง และเนโคก็พูดต่อ
“ในตอนนั้นประเทศทั้ง 8 ไม่ใช่ผู้ปกครองโลกใบนี้ โลกที่แบ่งออกเป็น 3 ทวีปด้วยกัน ได้แก่ เทียลันน่า ฟาบีออส โรเลน่า ถึงจะมี 3 ทวีปแต่ทวีปที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้จริง ๆ มีแค่ 2 ทวีปคือ เทียลันน่า โรเลน่า ซึ่งมีประเทศน้อยใหญ่มากมาย ไม่ต่ำกว่า 193 ประเทศ ส่วนทวีปฟาบีออสนั้นจัดเป็นพื้นที่ป่าอันตรายกินพื้นที่บนบกกว่า 56 % ของพื้นดินทั้งหมด”
“และที่บอกอันตรายนั้นก็เพราะว่ามันมีคลื่นที่คอยรบกวนการสื่อสารต่าง ๆ อยู่ หรือไม่ก็สภาพอากาศที่สุดขั้วจนสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์เราไม่สามารถอยู่ได้ และสัตว์ป่าดุร้ายอีกมาก แต่มันก็เต็มไปด้วยทรัพยากร”
“ซึ่งเรื่องนี้นั้นหลานยังไม่ต้องไปสนใจ มาสนเรื่องที่ว่าทำไมถึงเหลือแค่ 8 ประเทศกันดีกว่า มันก็มาจากการที่นักสำรวจของประเทศมิสทาลประเทศทางเหนือเล็กได้พบเจอกับโบราณสถานแห่งหนึ่ง แต่แน่นอนว่าด้วยกำลังของประเทศเล็กนั้นไม่สามารถจะสำรวจมันได้ด้วยตัวคนเดียวจึงได้ทำข้อตกลงร่วมมือกับอีก 7 ประเทศที่มีกำลังพอ ๆ กับตนเอง ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้มี 4 ประเทศในทวีปเทียลันน่าและอีก 4 จากทวีปโรเลน่า”
“โดยในนักสำรวจชุดแรกจาก 8 ประเทศนั้นได้เข้าไปสำรวจถึง 1 เดือนเต็ม และพวกเขาก็ค้นพบเครื่องจักรและสิ่งของมากมาย แต่ส่วนใหญ่มันเป็นแค่เศษซากเท่านั้น แต่แน่นอนว่ามนุษย์ก็ได้ประโยชน์จากสิ่งของเหล่านั้น” เนโคกล่าวออกมาทันใดนั้นไนเรลก็พูดแทรกขึ้นมาในทันที
“อย่าบอกนะว่าของเหล่านั้นคือต้นแบบเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างของมนุษย์”
“ใช่” เนโคเปิดประตูห้องใต้ดินอีกบ้านด้านในเคยให้เห็นห้องขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร มันมีฝุ่นจับหน้าอยู่เต็มไปหมด ทันใดนั้นเนโคก็ไปกดปุ่มบางอย่าง และอากาศในห้องก็มีการไหลเวียน และเขาก็หยิบกองเอกสารบางอย่างขึ้นมาให้ไนเรล
ที่หัวของเอกสารคือสิ่งของที่ได้มาจากการสำรวจในครั้งนั้น ถ้าเป็นแบบที่ปู่เขาเล่ามานั้นก็หมายความว่าในช่วงไม่กี่ร้อยปีมานี้เหตุผลที่วิทยาการของโลกใบนี้ก้าวหน้าก็เพราะมาจากการศึกษาของพวกนี้
“แล้วทำไมถึงเหลือแค่ 8 ประเทศหรือว่า...”
ไนเรลยังไมทันได้พูดจนจบประโยคเนโคก็พูดแทรกขึ้นมาในทันที “เพราะสงคราม เมื่อประเทศต่าง ๆ เห็นว่าประเทศทั้ง 8 นั้นพัฒนาได้มากพวกเขาก็อยากได้บ้าง แต่ในขณะเดียวกันประเทศทั้ง 8 นั้นไม่อยากให้ประเทศอื่น ๆ ได้เทคโนโลยีเหล่านี้ไปครองพวกเขาจึงรวมตัวกันทำสงครามโลกครั้ง ที่ 1 ขั้นมา ทำให้มีการศึกษาเทคโนโลยีทางทหารมากขึ้น หลังจากจบสงครามประเทศทั้ง 8 ก็กวาดล้างประเทศอื่น ๆ ไปจนหมด บางประเทศก็แทบจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้จากอาวุธที่พวกเขาส่งไปทำลายล้างและหลังจากนั้นทั้ง 8 ประเทศก็ต้องให้เวลาฟื้นตัวถึง 50 ปีเต็ม”
“แต่เมื่อไม่มีประเทศอื่น ๆ อีกทั้ง 8 ประเทศก็เริ่มหันมาสู้กันเองเพื่อทรัพยากรซึ่งก็ยุติลงเมื่อ 50 ปีก่อนหน้านี้ และนั้นก็ทำให้ความเป็นพันธมิตของทั้ง 8 ประเทศจบลงเช่นกัน”
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาจากซากโบราณสถานนั้นที่นักสำรวจชุดแรกจากทั้ง 8 ประเทศไม่ได้แจ้งให้กับประเทศของตนเองได้รับรู้นั้นก็คือ กุญแจทั้ง 8 ดอกและมันก็ได้หายสาบสูญไป จนประเทศมิสทาลได้ตามสืบเรื่องนี้อีกครั้ง และรู้ว่ากุญแจนั้นยังถูกเก็บรักษาไว้ตามตระกูลชั้นสูงต่าง ๆ”
“หรือว่าท่านบรรพบุรุษตระกูลอาโรเดียของพวกเราจะเป็นหนึ่งในตัวแทนทีมสำรวจของทั้ง 8 ประเทศ” ไนเรลถามออกมาทันที
“ไม่ใช่ ท่านบรรพบุรุษต้นตระกูลของเราเป็นแค่ลูกหาบธรรมดาก็แค่นั้น ส่วนการเป็นตระกูลชั้นสูงนั้นมาจากการที่ปู่ทวดรุ่นต่อมาได้แต่งงานกับหญิงสาวชนชั้นสูงหรือย่าทวดบรรพบุรุษ” เนโคอธิบาย
“แล้วทำไมกุญแจดอกนั้นถึงได้มาอยู่ที่ตระกูลอาโรเดียของเราได้” ไนเรลถามออกสงสัย
“ไม่มีบันทึกไว้ แต่แน่นอนว่ากุญแจนั้นได้มาอยู่ที่ตระกูลของเราจริง ๆ ซึ่งมันถูกฝังไปพร้อมกับท่านบรรพบุรุษผู้ที่เป็นลูกหาบ แต่แน่นอนว่าเรื่องสุสานนั้นไม่ได้ถูกบันทึกไว้ว่าอยู่ที่ไหน จะรู้ก็แต่ผู้นำตระกูลเท่านั้น เพราะอย่างนั้นรัฐบาลถึงจับตัวปู่ไปเพื่อถามเอาความจริง และพยายามไม่ไปยุ่งกับพวกหลาน เพราะต้องการไว้ใช้ต่อรองกับปู่”
“ส่วนเรื่องการที่ประเทศมิสทาลนั้นไล่ล่ากุญแจก็หยุดไปหลังจากที่ได้กุญแจ่ทั้ง 6 ดอกไป”
“ปู่ว่าอย่างไรนะ พวกเขาหยุดไปหลังจากที่ได้กุญแจทั้ง 6 ดอก ปู่พอจะรู้เวลาไหมว่ามันเป็นช่วงไหน” ไนเรลรีบถามออกมาด้วยร้อนลน
“ช่วงเวลา หลานรู้อะไรอย่างงั้นหรือ?”
“ปู่บอกมาก่อนผมก็ไม่แน่ใจมากนัก”
“ก่อนปู่โดนจับสัก 1 ปี”
ไนเรลได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลก ๆ มันไม่ใช่ก่อนเกิดช่วงเวลาซอมบี้ระบาด แต่มันเมื่อ 5 ปีก่อนหรือว่ามันจะไม่ใช่
‘เดียวก่อนไม่ใช่’ เขาก็เหมือนกับปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ทันที ซึ่งดูเหมือนว่าประเทศมิสทาลนั้นในการสำรวจครั้งแรกพวกเขาจะได้บางสิ่งติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนั้นก็คือ กล่องแพนโดร่าและต้องการกุญแจทั้ง 6 ดอกเพื่อเปิดกล่อง ส่วนเวลาที่คลาดเคลื่อนไป 5 ปีนั้นก็น่าจะมาจากการที่พวกเขาเตรียมตัวในการเปิดกล่องแพนโดร่า
ในชีวิตก่อนไนเรลคิดว่าประเทศมิสทาลศึกษาและเปิดกล่องด้วยตัวเอง แต่กล่องที่สร้างมาจากอารยธรรมโบราณนั้นที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงกว่ามนุษย์มากนัก จะเป็นไปได้อย่างไรที่ของอย่างกล่องแพนโดร่าจะเปิดได้ง่าย ๆ
“ปู่ถ้าผมบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาจากประเทศมิสทาลปู่จะเชื่อผมหรือไม่ และกุญแจทั้ง 6 นั้นก็คือกุญแจไขเปิดกล่องแพนโดร่าที่ทำให้ทุกอย่างนั้นเกิดการวิวัฒนาการ” ไนเรลกล่าวออกมาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องใต้ดินเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที
“หลานรู้ได้อย่างไร?” เนโคแค้นเสียงถามในทันที
“ผมยังคงไม่สามารถบอกได้ เอาเป็นว่าที่ผมกล่าวไปคือเรื่องจริงทั้งหมด” แต่แล้วไนเรลก็นึกบางอย่างขึ้นได้อีก ถ้ากุญแจ 6 ดอกใช้ไขกล่องแพนโดร่าแล้วที่เหลืออีก 2 ดอกใช้ทำอะไร
“ปู่เราต้องไปเอากุญแจดอกที่ถูกฝั่งไว้ในสุสาน ปู่รู้ใช่ไหมว่าสุสานอยู่ที่ไหน”
“ไม่ เราจะไม่ไปยุ่งกับกุญแจดอกนั้น เพราะนี่คือคำสั่งที่สืบทอดกันมา อีกอย่างปู่จะกลับไปถล่มพวกพาราซัส”
“ปู่หมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพาราซัส”