ระบบใช้จ่ายตอนที่249
บทที่ 249: เพื่อความรุ่งเรืองของรัฐสวรรค์
“เด็กดื้อทำไมคิดแค่นั้นกันล่ะ” ลุงหัวหน้ายิ้มและพูดว่า “ฉันจะอธิบายให้ฟัง อุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงในฮอลลีวูดนั้นดีกว่าของประเทศเรามาก โดยเฉพาะในแง่ของเทคนิคพิเศษและแอนิเมชั่น การวางเอฟเฟกต์พิเศษของเราก็เฉยๆ ในบริษัทภาพยนตร์ในประเทศของเรา ไม่มีใครเทียบได้กับพวกในฮอลลีวูดได้เลย”
เขาพูดไม่ผิด เทคโนโลยีแอนิเมชั่นในฮอลลีวูดนั้นดีกว่าในรัฐสวรรค์จริง ๆ อย่างน้อยหงต้าหลี่ก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน เขาสามารถบอกได้จากแอนิเมชั่นเรื่อง “ดาบสวรรค์และมังกรซาเบอร์ : ตอนคัมภีร์หมัดมวย” ที่ทำได้เลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อรู้ว่ามันเป็นหนังของหงต้าหลี่ ลุงหัวหน้าชี้ไปที่หงต้าหลี่อย่างเป็นห่วง “แต่ปัญหาคือที่เรื่องนี้มันโด่งดังได้เพราะเธอไม่ใช่หรือไง? ถ้าหากไม่มีเธอมาคอยควบคุมเรื่องนี้แล้ว…”
ลุงหัวหน้าคนนี้เป็นหัวหน้าตำรวจ เขาจะมีเวลาว่างมาสนใจเรื่องต่าง ๆ ในวงการภาพยนตร์ที่ไหน หรือว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาตินี้จะเป็น "หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" กับเรื่องนี้ด้วย!?
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้เธอคงจะรู้อะไรบางอย่างแล้วสินะ” หัวหน้าเคร่งขรึมและพูดช้า ๆ ว่า สมกับเป็นอาเสี่ยน้อยอัจฉริยะของฉัน ผู้ที่กำลังจุดประกายความรุ่งเรืองของรัฐสวรรค์”
โอเค ก่อนหน้านี้เขาพูดว่า “เพื่อความรุ่งเรืองของรัฐสวรรค์” แสดงว่าเขายังรักประเทศตัวเองอยู่ แต่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดว่า “อัจฉริยะของฉัน” เขาแทบจะทำลายบรรยากาศทั้งหมดทันที ดูเหมือนว่าหัวหน้าคนนี้ดูจะเป็นคนมีอารมณ์ขันเหมือนกัน…
“โอเค เพื่อความรุ่งเรืองของฮอลลีวูดครับ” หงต้าหลี่ยกมือขึ้นยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมทำยังไง ไม่ว่าผมจะมองยังไง สิ่งที่ผมกำลังทำ.. ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำลายกำแพงทางเทคโนโลยีของฮอลลีวูดได้เลยนะครับ”
“ใช่ ฉันถึงมาที่นี่เพื่อมาบอกเรื่องนี้ไงล่ะ” ลุงหัวหน้าจัดระเบียบความคิดของเขาและค่อย ๆ พูดว่า “เราจะต้องเริ่มตั้งแต่ต้น”
“ต้าหลี่ เธอควรรู้ว่าในโลกสมัยใหม่นี้ คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตของเรา หลายสิ่งในชีวิตต้องการการสนับสนุนของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เข้าใจที่พูดไหม?”
หงเหว่ยกู หงต้าหลี่และหลานรุยชีพยักหน้าพร้อมกัน
นี่เป็นยุคของวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโดยพื้นฐานแล้ว ทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเราเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
หัวหน้าพูดต่อว่า “ส่วนเรื่องเทคโนโลยีแอนิเมชั่นในฮอลลีวูด นั่นเป็นเทคโนโลยีของพวกเขา พวกมันมีพัฒนาการที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม หากเธอลองมองที่เบื้องหลังของมัน ปัญหานี้จะดูยิ่งใหญ่กว่ามาก”
“นี่คือยุคแห่งสันติภาพและการพัฒนา ไม่มีสงครามอาวุธ แต่ในระหว่างประเทศ ในตอนนี้เรากำลังต่อสู้กับสงครามเศรษฐกิจ การดำรงอยู่ของฮอลลีวูดและความก้าวหน้าของอเมริกาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทำให้สามารถดึงเงินทั่วโลกได้เร็ว ผมขอพูดก่อนหน้านี้หน่อย ฮอลลีวูดใช้นโยบายกีดกั้นทางเทคโนโลยีและทำให้ต้นทุนของแอนิเมชั่นในประเทศของเราสูงขึ้นถึงประมาณ 20%”
“พวกคุณอาจจะไม่รู้ชัดว่า 20% นี้หมายถึงอะไร แต่ถ้าผมเปลี่ยนวิธีพูด คงจะเข้าใจได้มากกว่า”
“จำนวนเงินที่ประเทศของเราลงทุนในการสร้างแอนิเมชั่นทุกปี คือ 14 พันล้าน ตอนนี้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 20% นั่นหมายความว่าทุนมูลค่าเกือบ 3 พันล้านแทบจะหายไปในทันที”
"นั้นมันเยอะมากเลยนะ!" เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้า หงเหว่ยกูและหลายรุยชีก็ตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอุปสรรคทางเทคโนโลยีในฮอลลีวูดจะมีผลมากขนาดนี้!
สามพันล้านไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ
“ใช่ และนี่เป็นเพียงภาพเคลื่อนไหวเท่านั้น” หัวหน้ามองไปที่หงต้าหลี่ “ต้าหลี่ ยังจำ 'ดาบสวรรค์และมังกรซาเบอร์: คัมภีร์หมัดมวย' ที่ลงทุนได้ไหม? มันมีการออกแบบแอนิเมชั่นอยู่ด้วยสินะ? ไอ้แอนิเมชั่นประมาณสองนาที เดิมมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า 1 ล้าน แต่เนื่องจากอุปสรรคทางเทคโนโลยีนี้ และเพราะตอนนี้ฮอลลีวูดไม่สนับสนุนเรา ทำให้เทคโนโลยีนี้ต้องใช้เงินเพิ่มอีก 200,000 หยวน ขึ้นไป เพื่อทำให้ได้แบบนั้น”
"อะไรนะ!" หงต้าหลี่ถึงกลับต้องพูดเสียงดัง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ลองนึกดูสิ ประเทศผลิตภาพยนตร์กี่เรื่องต่อปี? ภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจุบัน ประเทศให้ความสำคัญกับโครงการบันเทิงสำหรับเด็กค่อนข้างมาก มีภาพยนตร์แอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องด้วย เงินที่ต้องใช้เป็นเงินก้อนใหญ่มาก
“แล้วทำไมแอนิเมชั่น CG ถึงแพงมาก” หัวหน้าก็ได้ตอบว่า “อันที่จริงเหตุผลหลักก็คือ การเคลื่อนไหวของตัวละครจะดูแข็งทื่อและไม่สมจริง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องออกแบบโมเดลจำนวนมากให้กับตัวละคร ซึ่งมันไม่ง่ายแน่นอน”
“และในวันนี้เมื่อได้ยินเสียงหงต้าหลี่พูด ก็เดาว่าต้าหลี่คงมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน” หัวหน้าพูดว่า “หงต้าหลี่โชคดีเสมอ สิ่งที่ต้าหลี่ทำหรือสร้างขึ้นดูเหมือนจะมีประโยชน์มาก ดังนั้นผมจึงมาหาหงต้าหลี่โดยตรง ฉะนั้นแล้วต้าหลี่ช่วยบอกสิ่งที่จะทำต่อได้ให้ลุงไหม?”
"โอ้ โอเค" หงต้าหลี่ยิ้มและตอบว่า “ลุงหัวหน้ารู้จักหยูหยินใช่ไหมครับ? เธอไม่มีอารมณ์ใด ๆ และไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ ผมเลยคิดว่า.. ทำไมเราไม่สร้างตัวละครเสมือนจริงตามตัวเธอ ถ้าอย่างนั้น ทำได้ก็ดี ผมมีทั้งเทคโนโลยีฉายภาพเสมือนจริงและเทคโนโลยีฉายภาพโฮโลแกรม ตอนนี้มันไม่ง่ายเลย ผมเลยต้องรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ปล่อยให้ซินซินสวมชุดและเต้นรำบันทึกการเคลื่อนไหวใส่ลงในคอมพิวเตอร์และเปลี่ยนเป็นโมเดลตัวการ์ตูน 2 มิติ…อืม ดีไหม!?”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ในที่สุดเขาก็รู้ตัว “อืม.. ไม่ได้พูดถึงความแข็งทื่อของโมเดลแอนิเมชั่น CG งั้นเหรอ? แต่สิ่งที่เธอพูดก็พอจะทำได้อยู่นะ...”
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ว่าแล้วเชียว“หัวหน้าชี้ไปที่หงต้าหลี่และพูดกับหงเหว่ยกูและหลานรุยชีว่า”โชคของเด็กคนนี้ดีมาก ดีเสมอ สิ่งที่เขาทําโดยไม่ได้ตั้งใจถึงกับสามารถแก้ปัญหาเทคโนโลยีของเราที่ประสบมาช้านานได้!"
หงเหว่ยกูและหลานรุยชีพูดไม่ออกจริง ๆ
เทคโนโลยีนี้ที่เด็กคนนี้ถลุงเงินซื้อ แรงจูงใจจริง ๆ ที่เขาทำไป ก็เพราะทำไปเพื่อความสนุก
ทั้งสามคนหัวเราะได้สักพัก ลุงหัวหน้าก็ถามว่า "แล้ว? ต้าหลี่กําลังวางแผนที่จะเพิ่มการพากย์เสียงลงในคอมและให้หยูหยินทำท่าทาง 2 มิติ เพื่อสนับสนุนในรายการ 'ฉันเป็นนักร้อง' ตอนที่จะถ่ายทอดสดใช่ไหม?"
"ถูกต้อง ลุงหัวหน้าฉลาดจริง ๆ!" หงต้าหลี่แอบปลื้ม "นี่คือสิ่งที่ผมคิดจะทําจริง ๆ"
"ฮ่าฮ่า ฉันรู้แล้ว" ลุงหัวหน้าพยักหน้าและถามว่า "แล้วต้าหลี่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะทําต่อไปหลังจากที่ทํารายการ 'ฉันเป็นนักร้อง' ไหม?"
เอาอีกแล้ว เอาอีกแล้ว ฉันรู้ว่าชายชราคนนี้มีไอเดียเจ๋ง ๆ แน่นอน
หงต้าหลี่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า "ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ผมแค่คิดว่า.. ถ้าหยูหยินเข้าร่วมในรายการ 'ฉันเป็นนักร้อง' ผลตอบรับผู้คนจะสนใจมาก บางทีเธออาจจะดังจนขึ้นในหัวข้อร้อนแรง..."
"ฮ่าฮ่า ต้าหลี่มักจะกระตือรือร้นกับเรื่องเล่นจริง ๆ" ลุงหัวหน้าเตือนเขา “รู้ไหมว่าหากเราใช้ชุดสูทเทคโนโลยีภาพเสมือนนี้ ปรับปรุงเล็กน้อยและปล่อยให้มันกลายเป็นตัวระบุตําแหน่ง GPS ในร่างกายมนุษย์และประสานงานกับเทคโนโลยีการฉายภาพโฮโลแกรม เช่น การตั้งค่าตําแหน่งที่ด้านหลังของบุคคลนั้น จากนั้นเพิ่มปีกลงในนั้น จากนั้นใช้เทคโนโลยีการฉายภาพโฮโลแกรมเพื่อฉายภาพ มันก็คงจะ...”
"อะไรนะ!" หงต้าหลี่เบลอทันที "ถ้างั้นคนที่ใส่มันก็ไม่กลายเป็นครึ่งคนครึ่งนกเหรอครับ!?"
พอคิดๆดูแล้ว แม่มโคตรจะแฟนตาซีเลย!
"เด็กดื้อเอ้ย!" หงเหว่ยกูและภรรยาของเขารู้สึกขบขันทันที "นั่นนางฟ้า! นางฟ้าโว้ย! แกจินตนาการเป็นบ้างไหมเนี่ย..."
แม้ว่าเทคโนโลยีนี้ที่หัวหน้าพูดถึงยังคงมีปัญหามากมายที่จะแก้ไข อย่างน้อยก็มีทิศทางที่ชัดเจนในการแก้ไขในตอนนี้
นี่ไม่ใช่ทั้งหมด หัวหน้ายิ้มและพูดว่า "ต้าหลี่ลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูดีๆนะ หากสงครามเกิดขึ้นจริง ในเวลากลางคืนเราสามารถสร้างรถยนต์ระยะไกลที่มีตัวระบุตําแหน่ง GPS และใช้เทคโนโลยีฉายภาพโฮโลแกรมเพื่อฉายภาพ ในสายตาของศัตรูนั่นพวกมันคงจะเห็นเราเป็นทหารนับไม่ถ้วน ฮ่าฮ่า ด้วยวิธีนี้ ทหารจริงและทหารปลอมผสมกัน ก็จะสร้างความสับสนให้กับศัตรู ผลกระทบจะเป็นยังไง ลองคิดดูสิ"
เมื่อเขาพูดแบบนี้ หงเหว่ยกูและหลานรุยชีก็เข้าใจ
เมื่อพูดถึง ในส่วนเล็ก ๆ มันเป็นเพียงเพื่อสร้างความบันเทิงและสนุกสนาน อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงในส่วนสำคัญจริง ๆ ความหมายมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
"ฟังดูแจ๋วชะมัด!" ตามที่คาดไว้ หงต้าหลี่กระตือรือร้นทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “นี่มันเจ๋งมาก! ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเงินนี้ คุ้มค่ากับที่จะจ่ายไปจริงๆ ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า...”
ตั้งใจพยายามทําให้โกรธหรือไง? นี่ไม่ใช่แค่คุ้มนะ เรียกว่าเป็นชัยชนะเลยต่างหาก!
ลุงหัวหน้าพูดว่า "ในเมื่อเราไม่ใช่คนนอกอยู่แล้วและเด็กคนนี้ ต้าหลี่ชอบช่วยเหลือคนจรจัดกับช่วยสิ่งต่าง ๆ เราจึงมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งที่เขาทำ.. นอกจากนี้เขามักจะคิดไอเดียดี ๆ อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับและต้องไม่ให้รั่วไหลออกไป ไม่อย่างนั้น อาจมีคนตั้งใจทำร้ายหงต้าหลี่ได้ ถึงผมจะไม่ใช่ตัวเขา แต่ตอนนี้ ยิ่งต้าหลี่ไร้กังวลมากเท่าไหร่ เขายิ่งถลุงเงินมากแค่ไหน ดังนั้นความปลอดภัยของเขาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!"
"เข้าใจแล้ว!" หงเหว่ยกูและภรรยาของเขาพยักหน้ากับสิ่งที่หัวหน้าพูด "ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย เราสัญญาว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กับใคร"
ทั้งสองคนปฏิบัติต่อหงต้าหลี่ในฐานะพ่อแม่ดูแลลูก พวกเขาปกป้องหงต้าหลี่ไว้เสมอ
หงต้าหลี่ลูบคางของเขา
งั้นจากนี้ไป นี้ถือว่าเป็นคำสั่งอย่างเป็นทางการเหรอ?
โอ้ ว้าว นี่มันดีมากเลยแฮะ! จากนี้ไปฉันคงสามารถถลุงเงินได้อย่างเปิดเผยและถลุงเงินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ฉันต้องการสินะ!
ขณะที่หงต้าหลี่กําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ปิ๊งไอเดียและพูดว่า "ในเมื่อลุงหัวหน้าว่างั้น ผมก็จะถลุงเงินให้ได้มากที่สุด ผมจะช่วยเหลือคนจรจัดและจะทำทุกอย่างตามที่ผมต้องการ แต่ว่านะ..."
เมื่อหงเหว่ยกูและหลานรุยชีได้ยินสิ่งที่หงต้าหลี่พูด พวกเขาทั้งสองก็ถอนหายใจยาว ตอนนี้พวกเขาไม่กังวลว่าหงต้าหลี่จะถลุงเงินมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขากังวลไม่ใช่เรื่องการถลุงเงิน เมื่อพวกเขาได้ยินคําพูดสุดท้าย พวกเขาก็สงสัยอีกครั้ง เด็กคนนี้กำลังจะฆ่าพวกเขาจริง ๆ!
ทำไมจู่ๆถึงพูดว่า "แต่ว่านะ" ในเวลาแบบนี้!?
"มี.. อะไรงั้นเหรอ?" ลุงหัวหน้าค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นและถาม
"ลุงหัวหน้า" หงต้าหลี่แสดงท่าทางออดอ้อน เขาพยายามตีตัวออกห่างและกระซิบพูดข้าง ๆ หูลุงหัวหน้าว่า "สิ่งที่ผมจะทําต่อจากนี้ก็คือ ถ้าพูดให้ดี มันคงกำลังเหมือนกับการช่วยเหลือประเทศชาติ เพราะฉะนั้นในตอนนี้ผมคงจะกลายเป็นอาเสี่ยใหญ่แล้ว.. เฮ้อ จริง ๆ เลย ผมอุตสาห์พยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ตอนแรกด้วยการเป็นอาเสี่ยน้อย.. แต่ก็ดี ชื่ออาเสี่ยใหญ่นี้เหมาะสมกับผมซะจริง หล่อเท่ห์จัดๆ!"
ติดตามการอัพเดทนิยายผู้แปลได้ที่:การเกิดใหม่กับระบบใช้จ่าย