บทที่ 9 ถึงเวลาตอบคำถาม
บทที่ 9 - ถึงเวลาตอบคำถาม
ยุ่นหลิงตกอยู่ในห้วงภวังความคิดเมื่อเขาออกจากการห้องของพ่อเขา
‘แม้แต่คนของท่านพ่อก็ไม่พบอะไรเลยเหรอ’ ยุ่นหลิงขมวดคิ้ว เขาอยากรู้จักแม่ของลูกเขาจริงๆ
คนอื่นๆ อาจจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ ยุ่นหลิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าใครคือแม่ของลูก เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาไปนอนกับใคร?
แต่มันก็ตรงตามนั้น เขาไม่รู้ เป็นเพราะเขานอนกับผู้หญิงมากเกินไปในตอนนั้น มีคนที่สมัครใจนอนกับเขามากเกินไปและในเวลาเดียวกันเขาจำพวกเขาไม่ได้ทั้งหมด
ปัจจุบันยุ่นหลิงอายุ 23 ปี เขาเริ่มมีคู่นอนตอนอายุ 17 ปีกำลังจะอายุ 18 ปีเขาเพิ่งค้นพบความสุขจากการที่เอาเนื้อแนบเนื้อในตอนนั้นและถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะก็ตามแต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเขาได้ตกเป็นเหยื่อของทาสของตัณหาแล้ว
เขาเริ่มทำมันเกือบทุกคืนกับผู้หญิงที่แตกต่างกัน เขาเคยมีอะไรกับโสเภณีผู้หญิงที่ไม่มีประสบการณ์หรือแม้แต่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงโสเภณียุ่นหลิงจะแวะเวียนไปที่ซ่องชั้นสูงเท่านั้น เป็นเพราะซ่องประเภทนี้ทำให้แน่ใจว่าผู้หญิงที่อยู่ในนั้นสะอาดและไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ยุ่นหลิงไม่ใช่คนประเภทที่จะใช้การป้องกันดังนั้นสิ่งนี้จึงค่อนข้างดีสำหรับเขา
ทำไมเขาถึงไม่ป้องกัน ...
เป็นเพียงเพราะเขารู้สึกดีขึ้นมากหากไม่มีมัน
ยุ่นหลิงเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงและเขาก็ยังดูดีด้วยซ้ำ เขาดูสวยมากจนทำให้ผู้หญิงคนอื่นอิจฉาและผู้ชายบางคนก็ถามเรื่องเพศของพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับคนที่ร่ำรวยมีชื่อเสียงและหน้าตาดีอย่างยุ่นหลิงที่จะหาผู้หญิงมานอนด้วย
หากนับจำนวนผู้หญิงที่เขาร่วมหลับนอนด้วยอาจมีไม่ถึง 500 คนก็แต่อย่างน้อยก็มากกว่า 300 คน
นอกเหนือจากการนี้แล้วเขายังเมาอย่างหนัก เขาไม่สามารถถือขวดเหล้าและเมาหลังจากดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย จำนวนครั้งที่เขานอนกับใครบางคนในขณะที่กำลังเมานั้นมีเยอะมาก และวันรุ่งขึ้นหลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย
นี่คือสาเหตุที่ยุ่นหลิงไม่รู้ว่าแม่ของยุ่นเซี่ยคือใคร
ยุ่นหลิงเดินไปที่แม่ของเขาซึ่งเขาปล่อยยุ่นเซี่ยไว้ เมื่อเขาไปถึงที่นั่นเขาเห็นยุ่นเซี่ยเล่นกับยายของเธออยู่ ย่าและปู่ของยุ่นหลิงก็อยู่ที่นั่นพร้อมกับหยื่อ ตงเหม่ยเช่นกัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอเป็นผู้ดูแลของยุ่นเซี่ย
“ท่านพ่อ!”
ยุ่นเซี่ยวิ่งเข้าหาเขาทันที
ยุ่นหลิงยิ้มให้กับเธอ
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าจะกลับมาเร็วๆ นี้ใช่ไหมล่ะ”
“ฮืมม!”
ยุ่นเซี่ยพยักหน้าอย่างร่าเริง
“ไอ้หลานเวรเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยรึ” ยุ่นเหว่ยถ่มน้ำลายเมื่อเห็นหลานชาย
คิ้วของยุ่นหลิงกระตุก ดูเหมือนชายชราผู้บ้าคลั่งก็อยู่ที่นี่เช่นกัน“ท่านปู่ช่วยหยุดเรียกข้าอย่างนั้นได้ไหม ลูกข้าก็อยู่ที่นี่นะ”
ไม่รู้ว่าปู่ของเขาจะเรียกเขาแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? เขารู้ดีว่าอย่างมากปู่ของเขาจะกลั้นความเสียใจได้อย่างไร ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสองสัปดาห์แต่เขาก็ยังไม่พอใจอยู่
“ท่านพ่อ ไอ้เวรคืออะไร?”
ยุ่นหลิงแม่ของเขาและยายของเขาตัวแข็งเมื่อได้ยินคำถามของยุ่นเซี่ย
ทั้งสามมองไปที่ยุ่นเหว่ยทันทีด้วยสีหน้าเย็นชา แม้แต่หยื่อ ตงเหม่ยก็มองเขาด้วยสายตาที่ไร้ความปรานี ยุ่นเหว่ยเหงื่อแตกในทันทีขณะที่เขากำลังลุกลี้ลุกลน
“ยุ่นเหว่ย ...” เย่อหลินเรียกชื่อของเขาอย่างหมดความอดทนทำให้เขากังวลมากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว ปกติภรรยาของเขามักเรียกเขาว่าที่รักและเมื่อเธอเรียกเขาแทนด้วยชื่อนั่นแสดงว่าเธอกำลังจริงจังอยู่!
“ข้า... ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...” ยุ่นเหว่ยพูดเสียงค่อยๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ” เย่อหลินยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนจากนั้นเธอก็จับหูของเขาและลากเขาออกไปที่อื่น
“เธอกำลังจะทำร้ายข้า! เธอเป็นปีศาจ! ช่วยข้าด้วยยยยย!” ยุ่นหลิงได้ยินเสียงร้องของปู่ด้วยความปวดร้าวขณะที่ภรรยาของเขาลากตัวไป
ยุ่นหลิงเหงื่อตกเมื่อมองไปที่ปู่ของเขา สองคนนี้เป็นคู่ที่สวรรค์เลือกมาจริงๆ
“ลืมสิ่งที่ปู่ของเจ้าพูดไปเถอะนะ มีแต่เด็กดื้อเท่านั้นที่พูดคำเหล่านั้น เซี่ยเซี่ยไม่ใช่เด็กดื้อใช่มั้ย?” ยุ่นหลิงถามลูกสาวของเขา
“ยุ่นเซี่ยเป็นเด็กดี” ยุ่นเซี่ยขมวดคิ้ว
“เจ้าหลิง เจ้ากับพ่อคุยอะไรกันล่ะ? มันไม่ใช่หนึ่งในภารกิจเหล่านั้นอีกแล้วใช่ไหม” หลี่จิ้งถามพลางทำสายตาหรี่ลง
ยุ่นหลิงสังเกตว่าแม่ของเขาอารมณ์ไม่ดี
“ไม่ใช่ท่านแม่ แต่พ่อเพิ่งส่งจดหมายเชิญให้ข้าไปงานเลี้ยงคืนนี้” ยุ่นหลิงตอบอย่างรวดเร็ว
เขาไม่อยากให้แม่กับพ่อทะเลาะกันเพราะเขาอีกแล้ว แม่ของเขาปกป้องเขามากเกินไปในขณะที่พ่อของเขาให้ความรักโดยการเลี้ยงดูที่ยากลำบาก ไม่แปลกที่ทั้งสองจะทะเลาะกันเพราะพวกเขาไม่สามารถเห็นตรงกันได้ เป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองจะทะเลาะกันเพราะเหตุนี้ แต่ถ้ายุ่นหลิงสามารถช่วยได้เขาก็ไม่ต้องการให้ทั้งสองทะเลาะกัน
“ยังไงก็ตาม เซี่ยเซี่ย เจ้าช่วยอยู่เล่นกับย่าของเจ้าสักหน่อยได้ไหม? ข้ามีบางอย่างจะถามผู้ดูแลของเจ้าที่นั่น” การแสดงออกของยุ่นหลิงเปลี่ยนไปอย่างจริงจังเมื่อเขามองไปที่ หยื่อ ตงเหม่ย
หยื่อ ตงเหม่ยยังคงเงียบเหมือนเคย เธอไม่สะทกสะท้านกับสายตาของยุ่นหลิงแม้แต่น้อย
“เซี่ยเซี่ยฟัง ข้านะโอเคไหม? เดี๋ยวข้าจะพาเซี่ยเซี่ยไปงานเลี้ยงล่ะ”
“’งานเลี้ยง?” ดวงตาของหยุนเซี่ยเปล่งประกาย
ยุ่นหลิง สังเกตเห็นและเขาก็แอบดีใจ “ข้าจะไปร่วมงานปาร์ตี้ในภายหลัง เจ้าอยากมากับฉันไหม”
“อื้ม!” ยุ่นเซี่ยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“ถ้าอย่างนั้น เป็นเด็กดีและอยู่เล่นกับคุณย่าสักแปปนึงนะ” ยุ่นหลิงกล่าวพลางหัวเราะเล็ก ๆ
จากนั้น ยุ่นหลิงก็ออกไปข้างนอกโดยมี หยื่อ ตงเหม่ยตามเขาไป หลังจากที่หยื่อ ตงเหม่ย
ปิดประตูยุ่นหลิงก็คว้าข้อมือของเธอแล้วผลักเธอไปติดผนังทันที
“ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบคำถามของข้าแล้ว” ยุ่นหลิงพูดด้วยสายตาที่หรี่ลง
หยื่อ ตงเหม่ยจ้องมองเขาอย่างแข็งกร้าว เธอหลับตาลงครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งเธอมองไปที่ยุ่นหลิงพูดอย่างเย็นชา “เอาล่ะๆ เจ้าต้องการถามอะไรกับข้า”
ยุ่นหลิงรู้สึกประทับใจเธอเล็กน้อย ในสถานการณ์เช่นนี้เธอยังคงสามารถรักษาความสงบได้ ถ้าเป็นคนอื่นๆ ก็จะมีอาการโกรธแบบวู่วามหรือมีปฏิกิริยาที่แตกต่างจากเธอเป็นแน่
‘ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ’ ยุ่นหลิงคิด เขายิ่งอยากรู้ว่าคนประเภทไหนที่สามารถจ้างผู้ดูแลอย่างเธอได้ ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจทำแบบนี้ได้
“บอกข้ามา ว่าแม่ของยุ่นเซี่ยเป็นใคร”