ตอนที่แล้วตอนที่ 29 : พวกมันทำร้ายเรา!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 : อะไรจะไปมันก็ต้องไป

ตอนที่ 30 : อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด


ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกนักเลงก็จากไปทั้งน้ำตาพร้อมหน้าที่บวมฉ่ำและรอยฟกช้ำตามตัว ดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก

“เควสเสร็จสิ้น EXP +137 ชื่อเสียงในเมืองเรดเมาน์เทน +10”

“คุณถึงเลเวล 3 แล้ว คุณสมบัติของคุณเพิ่มขึ้น”

เมื่ออ่านการแจ้งเตือน โรแลนด์ก็รู้สึกสบายเป็นอย่างมากราวกับได้ยาวิเศษ สิ่งที่มีความสุขในชีวิตนี้คือได้คลายเครียดและได้ของตอบแทนมหาศาล

เบทต้ากล่าวว่า “ผมเลเวล 2 แล้ว ผมคิดว่าผมต้องล่าแมงมุมยักษ์ต่ออีกสัก 2-3 อาทิตย์เสียอีก แต่ว่าพวกนักเลงนั่นก็เข้ามาเสนอค่าประสบการณ์ให้พวกเราด้วยตัวเอง ถ้าพวกเขามาอีกสัก 2-3 ครั้ง ผมว่าพวกเราน่าจะขึ้นถึงเลเวล 5 ได้เร็วๆนี้”

เขาดูโลภเป็นอย่างมาก โรแลนด์ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ตอนนี้กว่าครึ่งเมืองเห็นเรากำราบพวกนักเลงไป แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกดีที่ได้เห็น ทว่าพวกเขาก็อาจจะคิดว่าเราเป็นพวกป่าเถื่อนได้ ถ้าเราทำแบบนั้นอีกก็มีโอกาสที่พวกเราจะเปลี่ยนจากนักล่ามังกรกลายเป็นมังกรเสียเอง

เบทต้าคิดอยู่ครู่หนึ่งและก็เห็นด้วยกับเขา “ก็เป็นไปได้นะครับ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นเด็กๆยืนมองพวกเขาด้วยท่าทางเลื่อมใส

พวกนักเลงนั้นกล้าหาเรื่องภายในเมืองเรดเมาน์เทนเพราะว่าพวกเขานั้นเกี่ยวข้องกับนายก

ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงไม่กล้ายั่วยุพวกนั้น ถ้าเกิดฟอลเคิลไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนั้นจะยิ่งป่าเถื่อนกว่านี้อีก ทว่าเมื่อฟอลเคิลแก่ขึ้นเรื่อยๆ พวกนั้นก็เริ่มวางท่ามากขึ้นจากแต่ก่อน

หลังจากได้บทเรียนวันนี้ พวกนั้นคงเลิกกร่างไปสักพัก

เด็กส่วนมากนั้นมาจากครอบครัวที่ยากจนซึ่งเคยชินกับการถูกกลั่นแกล้ง บุคลิกของพวกเขาเลยได้รับผลกระทบจากความกลัว

พวกผู้ใหญ่ต่างก็ไม่กล้าทำอะไรหกคนนี้ ตามจริงแล้วเด็กๆของพวกเขาก็กลัวพวกเขาเองด้วยซ้ำ ทว่าโรแลนด์และเบทต้าแสดงให้พวกเขาเห็นว่ามีสิ่งอื่นที่สามารถทำได้นอกจากแค่นั่งกลัวและอดทน

เด็กๆนั้นเป็นนักเลียนแบบที่ยอดเยี่ยม เขามักจะทำตามสิ่งที่เป็นต้นแบบของเขาเสมอ

ตอนนี้เด็กๆต่างรวมตัวกันที่ทะเลสาบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่นั้นจะมาเรียนเพลงดาบพื้นฐานจากเบทต้า

บางคนก็หวังว่าจะได้เรียนเวทย์จากโรแลนด์...น่าเสียดายแม้ว่าโรแลนด์จะพยายามชี้นำพวกเขา แต่ไม่มีใครเลยที่สามารถสัมผัสถึงเวทมนตร์ได้

ท้ายที่สุดเด็กทั้งหมดจึงเรียนเพลงดาบของกองทัพจากเบทต้า

โรแลนด์รู้สึกดีใจที่เขารอดพ้นไปได้ จากนั้นเขาก็มุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสามารถทางภาษาเวทย์ระดับสอง

จุดเวทย์นั้นหนาแน่นอย่างน่าตกใจ เนื่องจากเบทต้าสามารถใช้ความสามารถทางภาษาได้ โรแลนด์จึงลองปรึกษาเขาดู

ทว่าเบทต้าเพียงแค่โบกมือพร้อมพูดว่า “พ่อมดสายเลือดมังกรไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ใดๆเลย สิ่งที่พวกเราต้องทำก็แค่เรียกชื่อของสกิลเพื่อใช้มัน ดังนั้นผมไม่สามารถสอนอะไรพี่ได้”

ท้ายที่สุด โรแลนด์จึงตัดสินใจที่จะฝึกด้วยตัวเอง

วันเวลาผ่านไป ในทุกๆวันโรแลนด์ใช้เวลาระหว่างวันของเขาไปกับสโมสรมวยและใช้เวลากลางคืนเพื่อเข้าเกม

ตอนนี้ชีวิตของเขาก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาสุขภาพดีกว่าแต่ก่อน ทว่าเขากลับรู้สึกตัวเองหายใจถี่ขึ้นในชีวิตจริง

มันไม่ใช่ความรู้สึกทางกาย ทว่าเป็นความรู้สึกทางใจ

เขาเหมือนรู้สึกว่าในอากาศมีบางอย่างขาดหายไป

ทว่ามันก็ไม่ใช่ว่ารู้สึกอย่างรุนแรงหรือเป็นบ่อยนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่ปล่อยผ่านมันไป เขาคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะคุณภาพอากาศในชีวิตจริงนั้นแย่กว่าในเกมเป็นอย่างมาก

ครึ่งเดือนผ่านไปราวกับกระพริบตา ในช่วงนี้โรแลนด์และเบทต้าแต่ละคนล่าแมงมุมเกิน 60 ตัวไปแล้ว ทว่ามันก็ยังคงเหลืออีกเยอะ

เป็นเพราะป่าเมเปิลมีขนาดใหญ่เกินไป หลังจากกวาดล้างแมงมุมที่นี่แล้วแมงมุมที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสันเขาก็จะย้ายเข้ามา

มันไม่แย่นักที่มีแมงมุมเข้ามาไม่หยุดหย่อนเพื่อนำมันเป็นเนื้อสำหรับเด็กๆ แต่ว่าโรแลนด์ก็ยังขมวดคิ้วออกมาอยู่ดี”

วันใดวันหนึ่งเขาและเบทต้าก็ต้องจากเมืองนี้ไป และที่นี่ก็ยังคงอยู่ใต้การคุกคามของแมงมุมอยู่ดี แล้วพวกชาบบ้านจะจัดการกับพวกมันยังไง?

ถัดจากทะเลสาบ จะเห็นเบทต้ากำลังเล่นกับเด็กๆ เด็กบางคนนั้นมีพรสวรรค์สามารถเรียนรู้ท่าเคลื่อนไหวพื้นฐานได้ และเบทต้าก็ได้เข้าไปร่วมซ้อมกับพวกเขา

แน่นอนไม่สามารถการซ้อมแบบตัวต่อตัว เบทต้าต้องรับมือกับเด็กห้าคนพร้อมๆกัน

ชายหนุ่มผมทองและหน้าตาดีแบบฉบับขุนนางยืนอยู่ตรงกลางและรับมือกับแท่งไม้ที่โจมตีเข้ามา การโจมตีของพวกเด็กๆนั้นค่อนข้างรุนแรง ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่อาจสามารถรับมือกับทีมเวิร์คของพวกเขาได้ แต่เบทต้ากับรับการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่การโจมตีที่เล็กไปที่หลังของเขา เขาก็สามารถหลบได้โดยง่าย

การฝึกแบบนี้มีประโยชน์เหรอ? แน่นอน! โรแลนด์สามารถบอกได้ทันทีว่าเบทต้า     นั้นวาดดาบได้รวดเร็วและมั่นคงขึ้น

ในขณะที่เบทต้ากำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ โรแลนด์กลับติดขัดเกี่ยวกับการวิจัยเวทย์ของเขา

ความสามารถทางภาษานั้นซับซ้อนยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ มันมีจุดเวทย์ถึง 372 จุด

โครงสร้างทางคณิตมันใหญ่เกินกว่าที่เขาจะสามารถบันทึกมันได้

โรแลนด์ค่อนข้างหดหู่กับความคืบหน้าที่ช้าของตัวเอง

เขานั่งอยู่ตรงราวสะพานมองเบทต้าฝึกฝนอยู่กับเด็กๆ

เสาควันพุ่งขึ้นในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิบ เสียงกบร้องและเสียงใบไม้ดังขึ้นมาในโสตประสาทของเขา

โรแลนด์สูดหายใจเข้าลึก

ชีวิตที่นี่ดูทั้งสงบสุขและสวยงามมาก เขาไม่ควรจะมัวแต่หดหู่

เขากำลังจะลองพยายามอีกครั้ง ทว่ากลับมีเสียงระฆังดังขขึ้นมาจากทางโบสถ์ของเทพธิดาแห่งชีวิต

มันดังสะท้อนเข้าไปในใจของทุกคนสามครั้ง

ชาวบ้านทั้งหมดต่างปล่อยเรื่องงานทิ้วไว้พร้อมเดินขึ้นเขาไปอย่างเงียบๆ

เด็กๆต่างก็เงียบลงเช่นกัน พวกเขามองไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกไปอย่างพร้อมเพรียง ราวกับพวกเขากำลังสูญเสียบางอย่าง

เบทต้ารู้สึกมึนงง เขาหันไปถามโรแลนด์ว่า “เกิดอะไรขึ้นครับพี่? มีการเรียกรวมตัวฉุกเฉินเหรอครับ?”

โรแลนด์ก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เขาปิดตาพร้อมกับส่ายหัว

ขณะนั้นเอง เด็กทีกำลังยืนมองไปที่เท้าของตัวเองด้วยความหงุดหงิดก็พูดออกมา “ทุกๆครั้งที่เสียงระฆังดังขึ้นสองครั้ง หมายความว่าใครสักคนในเมืองจะถูกฝังไว้ที่หลังภูเขา”

เบทต้าถามออกมาด้วยท่าทีตกใจว่า “แล้วสามครั้งล่ะ?”

“ผมไม่รู้” เด็กน้อยตอบออกมาเสียงเบา

เด็กทั้งหมดล้วนไม่รู้แต่ชาวบ้านทั้งหมดรู้

ชาวบ้านเกือบทั้งหมดกำลังเดินไปที่วัด โรแลนด์อ้าปากเล็กน้อยและพูดเสียงแหบว่า “ฉันจะไปดูสักหน่อยนะ”

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด