ตอนที่ 20 : เพื่อนร่วมทางคนใหม่
หลังจากไฟมอดดับลง โรแลนด์ก็ปัดเศษใบไม้และขี้เถ้าออกจากร่างกาย ก่อนจะเดินกลับไปยังเมืองเรดเมาน์เทน
เขาเคลื่อนที่ได้ช้ามากๆ เนื่องจากไร้ซึ่งพลังเวทย์ การฟื้นฟูที่ได้จากอุปกรณ์ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ดูเหมือนถ้าไม่มีพลังเวทย์ ร่างกายเขาจะอ่อนแอลง
เมื่อเขามาถึงยังสะพานก็พบเข้ากับกลุ่มของชาวบ้าน เขาถูกต้อนรับโดยฟอลเคิลและกลุ่มชาวบ้าน
เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว ชาวบ้านก็ตะโกนร้องออกมาอย่างยินดี บ้างก็ถามถึงอาการบาดเจ็บต่างๆ
ฟอลเคิลเข้ามาใกล้และร่ายความสามารถทางภาษาให้แก่เขา หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาทั้งรอยยิ้มว่า “สิ่งที่เจ้าทำลงไป มันค่อนข้างอึกทึกคึกโครมน่ะ”
โรแลนด์มองกลับไป ก็พบกับจุดสีดำในหุบเขาที่เต็มไปด้วยสีเขียว มันดึงดูดสายตาได้ราวกับจุดหัวล้านของหญิงสาวที่งดงาม
โรแลนด์หัวเราะและยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน
“ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ละ?”
ชาวบ้านต่างมองเขาด้วยความหวัง ทุกคนในเมืองเรดเมาน์เทนต่างเกลียดเจ้าแมงมุมยักษ์และหวังว่าจะมีใครสักคนสังหารพวกมันทิ้งซะ
“มันเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของฉันน่ะ ฉันทั้งกังวลและด้วยความไร้ประสบการณ์เลยใช้พลังมากจนเกินไป” โรแลนด์กล่าวออกมาด้วยท่าทางที่เขินอาย “ฉันฆ่าแมงมุมไปได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นเอง”
หลังจากเงียบลงสักพัก ชาวบ้านต่างก็ส่งเสียงแสดงความยินดีกันออกมา พวกเขาเกลียดเจ้าแมงมุมนั่นมาก ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
ชาวบ้านที่อัธยาศัยดีบางคนเข้ามาใกล้โรแลนด์และตบบ่าเขา และพากันชวนเขาไปที่บ้าน
โรแลนด์ปฎิเสธคำชวนของพวกเขาอย่างสุภาพ เขารู้อยู่แล้วว่าพวกเขานั้นแค่ชวนเป็นมารยาทเท่านั้น
หลังจากนั้นชาวบ้านก็เริ่มแยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงแค่โรแลนด์และฟอลเคิลอยู่บนสะพาน
พระอาทิตย์กำลังตั้งตรง เมื่อแสงสีแดงของพระอาทิตย์สาดส่องสะท้อนไปกับเงาของทะเลสาบและคลื่น มันงดงามราวกับว่าทะเลสาบกำลังถูกแผดเผาอยู่
ฟอลเคิลมองตรงมายังเขาและพูดว่า “เจ้าดูเปลี่ยนไปนะ”
“มันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยหรอ?” โรแลนด์ประหลาดใจเล็กน้อย เขาพิงไปที่ราวสะพานและพูดออกมาขณะมองไปยังหุบเขาที่ห่างไกล “ผมแค่นึกความฝันของตัวเองออก หรืออะไรบางอย่างที่ผมเคยตามหาในอดีต ผมเคยคิดว่าความแฟนตาซีที่ไร้เหตุผลจะถูกทำลายด้วยความจริงไปเสียแล้ว ทว่าตอนนี้มันก็เกิดขึ้นให้ผมได้พบเจออีกครั้ง”
ฟอลเคิลมองเห็นประกายแสงประหลาดในนัยน์ตาของโรแลนด์ แม้จะเห็นเพียงแค่เบาบางแต่มันก็ให้ความรู้สึกสว่างไสว
ครั้งหนึ่ง ฟอลเคิลเองก็เคยมีนัยน์ตาแบบนั้นเช่นเดียวกัน
“แล้วเจ้าคิดจะเปลี่ยนแผนรึเปล่าล่ะ?” ฟอลเคิลถามออกมา
โรแลนด์ส่ายหน้าออกมา “ไม่ผมจะยังคงท่องเที่ยวและเดินไปรอบๆเหมือนเดิม”
น้ำเสียงของโรแลนด์นั้นฟังดูลึกลับยากจะเข้าใจ เพราะเสียงสายลมจากทะเลสาบ
ฟอลเคิลประหลาดใจไปเล็กน้อย คำตอบที่ได้นั้นยังคงเหมือนเดิมทว่าน้ำเสียงที่ตอบกลับมากลับอ่อนโยนลงมาก
กระนั้นฟอลเคิลก็ยังได้ยินความมุ่งมั่นในเสียงของเขา
ก่อนหน้าคำตอบของโรแลนด์นั้นเฉยชาราวกับถูกบังคับ
ทว่าตอนนี้เขาราวกับพบเป้าหมายของตัวเองแล้ว
คำตอบเดียวกันทว่ากับให้ความรู้สึกที่ต่างกันเหลือเกิน
ฟอลเคิลมึนงงเล็กน้อยก่อนส่ายหัวออกมา เขาจำสิ่งต่างๆได้มากมาย เขาจำได้เมื่อครั้งยังหนุ่มเขาเคยมีความทะเยอะทะยานแบบเดียวกัน
โรแลนด์หยิบคทาออกมาก่อนจะยื่นให้เขา “นี่ของคุณ มันเป็นตัวช่วยที่ดีมาก”
“มันเป็นของขวัญสำหรับเจ้า” ฟอลเคิลหันหลังและเดินจากไปขณะพูดออกมาว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าติดค้างข้าอยู่ ก็ฆ่าเจ้าแมงมุมเพิ่มอีกสักสองสามตัวสิ”
นี่น่าจะเป็นเควส ทว่าเขากลับไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆจากระบบ เมื่อคิดได้ดังนี้เขาก็มองไปยังแผ่นหลังของฟอลเคิล
เขาเดินกลับไปยังกระท่อม หลังจากทานขนมปังที่ซื้อมาจากโรงเตี๊ยมเลควิว เขาก็เริ่มศึกษาแบบโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ของเวทย์บทใหม่ๆเพิ่มเติม
เวลาเริ่มไหลผ่านไป มันดูเหมือนจะแค่ครู่เดียว ทว่าโรแลนด์ก็ถึงเวลาต้องออกเกมแล้ว
หลังจากเขาออกมาจากแคปซูลเกม เขาคัดลอกวิดีโอที่เขาต่อสู้กับแมงมุมยักษ์เอาไว้และโพสต์มันลงบทความ
หลังจากนั้นเขาก็เขียนว่า
“บางทีนักเวทย์อาจจะไม่ได้ร่ายเวทย์ได้ง่ายดายอย่างที่พ่อมดทำได้ หรือเลเวลอัพอย่างรวดเร็วเหมือนนักบวช ทว่าพวกเราก็มีจุดเด่นของตัวเอง พวกเราสามารถวิเคราะห์เวทย์ , ดัดแปลง และสามารถสร้างเวทมนตร์ใหม่ๆได้ ฉันไม่เคยลองต่อสู้ในเกมมาก่อนจนกระทั่งเมื่อวานนี้ ฉันลองใช้พลังเต็มที่ในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งจากเวทย์ระดับหนึ่งบอลเพลิงนรก ทว่ามันก็รุนแรงเป็นอย่างมาก แล้วถ้าเป็นเวทย์ระดับสองล่ะ? แล้วถ้ายิ่งพวกเราเลเวลเพิ่มขึ้นอีกล่ะ? ตามความเห็นส่วนตัวฉันคิดว่านักเวทย์น่าจะเป็นพวกเก่งช้า ทว่าพวกเขาจะสามารถกำหราบผู้ใช้เวทย์ทั้งหมดได้ในอนาคต
หลังจากเขียนเสร็จ เขาก็โพสต์ลงไป
ไม่นานนักก็มีคนตอบกลับมา
คอมเมนต์ตอบกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากรีเฟรชกระทู้ก็พบว่ามีการตอบกลับมากกว่า 20 ครั้ง
“ไหนนายบอกว่านายไม่ใช่มือวางระเบิดผู้บ้าคลั่งไงละ?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย คุณสามารถดึงพลังเวทย์ทั้งหมดมารวมไว้ในเวทย์บทเดียวได้ ฉันก็เป็นนักเวทย์เหมือนกัน แต่ฉันสามารถดึงพลังเวทย์ออกมาได้แค่ 30% เอง”
“ลุงแซมสงสัยว่าคุณครอบครองอาวุธที่มีพลังทำลายสูง โปรดมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ FBI ด้วย
“ไม่ยุติธรรมเลย ฉันเป็นพ่อมดเลเวล 2 แต่ว่าบอลเพลิงนรกของฉันทำลายได้แค่ต้นกล้าของต้นไม้แค่นั้นเอง ตามจริงแล้วเวทย์ของพ่อมดน่าจะรุนแรงกว่านักเวทย์ในระดับเดียวกันสิ
“ฉันว่าฉันจะลบตัวละครไปเล่นนักเวทย์หละ เสียงและภาพเอฟเฟคของการระเบิดมันดูน่าตื่นเต้นมาก”
“โรแลนด์ คุณต้องการแฟนคลับเดนตายรึเปล่า? ฉันอยากเป็นเพื่อนคุณ...”
“ไปให้พ้นนายไม่ใช่แฟนคลับตัวจริงหรอกน่า”
โรแลนด์ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนพวกเขาเริ่มเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นกันแล้ว
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขากดรับสายจากนั้นเสียงของชัคเพื่อนเขาก็ดังออกมา
“พวกมาเจอกันที่เดิมหน่อยสิ ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่เล่นเกมนี้ด้วยน่ะ จากที่มันหมอนั่นเล่าดูเหมือนหมอนั่นจะเกิดใกล้ๆกับเมืองเรดเมาน์เทนน่ะ”
“โอเค เดี๋ยวฉันไปหา”
โรแลนด์วางสายพร้อมขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังบาร์ เขาเดินตรงไปยังห้องประจำของเขา ก่อนเขาจะพบเข้ากับเด็กหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี หน้าตาคล้ายๆชัค
ชัคกำลังนอนอยู่บนโซฟาอย่างอารมณ์ดี และแนะนำว่า “นี่เบทต้า ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง หมอนี่เรียนหนักมาตั้งแต่ประถมแล้ว แถมลุงฉันยังไม่อนุญาตให้เขาเล่นเกมอีก ทว่าตอนนี้การสอบมหาลัยจบลงเรียบร้อยแล้ว หมอนี่เลยว่างน่ะ”
“สวัสดีครับ พี่โรแลนด์”
เบทต้าทักทายโรแลนด์ด้วยรอยยิ้ม