ตอนที่ 152 คนตายไปแล้ว จะอะไรนักหนา
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้งในหัวใจของเธอ
เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองฟูมฟายขณะที่เธอตอบว่า “อืม!”
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า การแต่งงานในครั้งนี้ ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่คิด
“เซอร์ไพรส์” สามีของเธอคนนี้ดีกว่าที่เธอคิดไว้มากเช่นกัน
การมีสามีที่ช่วยเหลือเธออย่างไม่มีเงื่อนไขก็เป็นเรื่องดี
บางทีเธอควรจะเริ่มพยายามยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ และยอมรับเขาจริง ๆ ได้แล้ว
............
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็มาถึงบ้านพักของตระกูลเฉียว
ตระกูลเฉียวเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมาก่อน แต่สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มล่มสลายไป
เฉียวเมียนเมียนมีชีวิตที่ดีในฐานะคุณหนูตระกูลเฉียว กระทั่งอายุ 15 ปี
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะทำได้ไม่ดีนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีชีวิตที่ลำบากมากนัก
ไม่ว่ายังไง สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวก็ไม่ได้แย่ หากเทียบกับครอบครัวทั่วไป
ปัจจุบันครอบครัวเฉียว อาศัยอยู่ในบ้านพักตากอากาศ เป็นเจ้าของรถหรูและมีบ้านหลังใหญ่ เฉียวหรุ่ยเป็นคนหน้าใหญ่ยอมที่จะเป็นหนี้มากมาย เพื่อไม่ให้คุณภาพชีวิตของตนเองตกต่ำลง
เฉียวเมียนเมียนเห็นพี่เลี้ยงเฉินในขณะที่เธอลงมาจากแท็กซี่
“คุณหนูใหญ่ในที่สุดก็มาถึงที่นี่แล้ว”
พี่เลี้ยงเฉินน้ำตาไหลและจับมือเธอทันทีที่เห็นเธอ
“รีบเข้าไปเถอะค่ะ คุณหนูรองกับคุณนายเซิน กำลังให้คนมาเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในห้องคุณนาย ฉันเป็นแค่แม่บ้าน ฉันไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ค่ะ”
“คุณเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของคุณนาย และเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉียวด้วย บางทีพวกเขาอาจจะฟังคุณ ถ้าคุณห้ามพวกเขาไว้”
เฉียวเมียนเมียนยิ้มอย่างเศร้าเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด
พี่เลี้ยงเฉินช่างไร้เดียงสาเกินไป
ตระกูลเฉียวในปัจจุบันไม่มีที่สำหรับเฉียวเมียนเมียนอีกต่อไปแล้ว
ในฐานะที่เรียกว่า “คุณหนูใหญ่” เธอแทบจะไม่สามารถสั่งให้แม่บ้านที่อยู่รอบ ๆ ทำอะไรได้เลย
ไม่ต้องพูดถึงเฉียวอันซินกับแม่ของเธอ
ตอนนี้เฉียวอันซินเป็นคนดัง มีชื่อเสียงและเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน แม้แต่พ่อของเธอก็ต้องยอมแพ้เธอ
แต่ไม่มีทางที่เธอจะยอมให้ใครมาแย่งห้องแม่ของเธอได้
นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเธอ
เฉียวเมียนเมียนได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบน ในขณะที่เธอก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังย้ายโต๊ะเครื่องแป้งออกจากห้องนอน
เมื่อเธอเห็นว่านั่นเป็นโต๊ะเครื่องแป้งของแม่เธอ ความโกรธพลุ่งพล่านภายในตัวเธอ และเธอก็รีบพุ่งขึ้นไปชั้นบน
.......
แม่บ้านคนหนึ่งรีบไปแจ้งเฉียวอันซินและหลินฮุ่ยเซิน เมื่อเฉียวเมียนเมียนก้าวเข้ามาในบ้าน
“อี่ตัวกลับมาแล้วเหรอ?”
สีหน้าของหลินฮุ่ยเซินมืดลง เมื่อเธอได้ยินชื่อของเฉียวเมียนเมียน เธอพูดด้วยความขยะแขยง
“คงเป็นพี่เลี้ยงเฉินสินะที่คาบข่าวไปบอกเธอ หืม เดินทางมาเร็วนี่ อี่ตัวที่ไม่สนใจพ่อผู้ให้กำเนิดตนเอง แต่ยังห่วยใยแม่ที่ตายไปแล้วนี่นะ”
เฉียวอันซินยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า
“เธอตายไปแล้ว นั่นล่ะประเด็น”
หลินฮุ่ยเซินขมวดคิ้ว
“ถึงกลับต้องมาหยุดพวกเรา แม่ของเธอก็ตายไปหลายปีแล้ว ห้องนี้ก็ว่างไม่ได้ใช้ ที่สำคัญพ่อของเธอก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้แล้ว”
เฉียวอันซินยิ้มและพูดอย่างเย็นชา และใจเย็นว่า
“ยังไงซะ เธอก็เป็นภรรยาผู้ล่วงลับของเขา บางทีถ้าเขายังรู้สึกอ่อนไหว เขาก็คงไม่เปิดไฟเขียวให้เราทำอะไรในห้องนี้แล้วล่ะ”