บทที่ 280
พระราชวังขนาดใหญ่กลางเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในห้องโถงใหญ่ประดับประดาไปด้วยผ้าแพรปักรูปพยัคฆ์รูปลักษณ์ต่างๆ รอบด้านมีทหารหลายสิบนายยืนประจำการอยู่ บนแท่นที่นั่งตรงกลางมีเก้าอี้ไม้สลักรูปพยัคฆ์คำรามมีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีน้ำเงินขลิบขาวจ้องมองชายฉกรรจ์หนึ่งคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้า ไม่นานก็มีทหารหนึ่งนายก้มคารวะตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า เมื่อเดินเข้ามาด้านในคุกเข่าเอ่ยวาจาออกมา
“คารวะท่านอ๋องมู่ ตอนนี้ทัพสงหวินจวินแตกพ่ายตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นตัวเหมาหนานขอรับ ส่วนทันทีที่กลับเมืองก็ถูกใครบางคนปล้นสมบัติทั้งหมดโดยใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือท่านอ๋องขอรับ ส่วนเรื่องข่าวลือที่ข้าได้ยินมาก่อนหน้าที่สงหวินจวินจะยกทัพบุกค่ายเหมาหนาน มีมังกรสีทองปรากฏที่กลางสนามรบมีหลายคนที่พบเห็นเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งขอรับ”
“ส่งคนออกไปตรวจสอบเรื่องทั้งหมดแล้วหาทางสังหารสงหยินจวินซะ”
“ขอรับ”
เมื่อเอ่ยวาจาตอบรับชายผู้นั้นก็รีบก้มคารวะแล้วเดินออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว ชายผู้ถูกเรียกขานว่าอ๋องมู่ก็เอ่ยวาจาสั่งการชายฉกรรจ์ที่ยังคงคุกเข่าอยู่ด้านหน้า
“ออกตามหาชายผู้นั้นซะ หาทางดึงชายผู้นั้นมาเป็นพวก หากคิดอยู่คนละฝั่งกับข้าก็สังหารได้เลย”
สิ้นเสียงกล่าวอ๋องมู่ก็สะบัดมือขวาโยนขวดยาสีขาวนวลให้หนึ่งขวด
“หวังว่าเจ้าจะทำมันสำเร็จ”
“แน่นอนขอรับท่านอ๋อง”
ลานฝึกที่ค่าย ตอนนี้เนี่ยฟงยืนสั่งการหน่วยพยัคฆ์จำนวนสี่นายเป็นทหารที่มีวิชาตัวเบาที่ว่องไวที่สุดในค่าย หลังจากนั้นไม่นานทั้งสี่ก็แยกย้ายออกไปจากค่ายไปคนละทาง ในจังหวะนั้นเองล่งซือก็ก้าวเดินเข้ามาหาเนี่ยฟงจากด้านหลัง
“เหตุใดผู้คนในหน่วยของเจ้าถึงน้อยยิ่งนัก”
“ข้ายังขาดรองหัวหน้าเจ้าสนใจมาเป็นหรือไม่ ส่วนคนเจ้าอยากได้เท่าไรตามใจเจ้าต้องการ”
ล่งซือได้ยินเช่นนั้นตื่นตกใจไม่น้อย เนี่ยฟงก็หันมาจ้องมองเช่นกัน
“ข้าชอบทำงานคนเดียวมากกว่า อีกอย่างเรื่องนี้ข้าปรึกษากับท่านเหมาหนานแล้วเช่นกัน ขอเพียงเจ้าตอบตกลงเราจะเริ่มแผนการขั้นต่อไปทันที”
ล่งซือขมวดคิ้วแน่นยืนนิ่งครุ่นคิดบางอย่างอยู่นาน
“เมื่อใดที่เจ้าคิดได้ก็ไปแจ้งต่อท่านเหมาหนานก็แล้วกันข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานออกไปจากค่าย ล่งซือทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมาหลังจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเข้ามุ่งหน้าเข้าไปที่กระโจมของเหมาหนาน เนี่ยฟงเมื่อออกจากค่ายมาก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเมืองฟงลี่เจียง กิเลนอัสนีพุ่งทะยานบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วไม่ถึงชั่วยามก็พบเมืองฟงลี่เจียงด้านหน้า กิเลนอัสนีก็พาเนี่ยฟงบินอ้อมไปทางขวามุ่งหน้าขึ้นเขาสูง ไม่นานเนี่ยฟงก็ขึ้นมาถึงบนยอดเขา มีลานกว้างด้านหลังเป็นผาเมื่อลงมาถึงเขาก็สะบัดมือขวานำแผนที่ออกมา เขาจ้องมองอยู่นานหลังจากนั้นก็หันไปมองรอบด้าน ชั่วน้ำเดือดก็มีประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือขวาหายเข้าไปทางซ้ายมือ เนี่ยฟงแสยะยิ้มพุ่งติดตามประกายสายฟ้าอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็พบกับแอ่งน้ำขนาดใหญ่รอบด้านมีต้นไม้ขึ้นอยู่เต็มไปหมด เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบไม่ถึงสองลมหายใจก็ต้องขมวดคิ้วถีบเท้าซ้ายหลบออกไปทางขวา เมื่อหันไปสองก็พบว่าเป็นไม้แหลมถูกซัดเข้ามา เขาหรี่ตามองอีกฝั่งก็พบเห็นสัตว์อสูรลิงตัวใหญ่ขนสีขาวหางด้านหลังเป็นอสรพิษ หลังจากมองจนทั่วเขาก็ตื่นตกใจมือข้างขวาของมันสวมแหวนสีเทาเอาไว้ ทันใดนั้นมันก็สะบัดมือขวา ไม้แหลมสามเล่มก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงอีกครั้ง แส้แข็งสีดำปรากฏที่มือขวาเนี่ยฟงพุ่งเข้าหาพร้อมกับใช้แส้แข็งปัดไม้แหลมที่พุ่งเข้ามา ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็ต้องตื่นตกใจที่ที่สัตว์อสูรด้านหน้าสะบัดมือขวาถือดาบเล่มใหญ่อยู่ในมือ
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบและแส้แข็งปะทะกันเสียงดังลั่น เนี่ยฟงเสียเปรียบทางด้านรูปร่างและใช้ความเร็วที่เหนือกว่าฟาดหวดแส้แข็ง ไม่นานพระอาทิตย์ก็เลื่อนมาอยู่ด้านบนศีรษะ ทันใดนั้นก็มีแสงสะท้อนออกมาจากกลางแอ่งน้ำ สัตว์อสูรลิงร้องคำรามพุ่งทะยานเข้าหาแอ่งน้ำเนี่ยฟงฟาดหวดแส้แข็งออกไปมันพุ่งเข้าไปรัดที่ขาขวาของสัตว์อสูรลิงอย่างแม่นยำ มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดมันรีบมันมาจ้องมองเนี่ยฟงพร้อมกับซัดดาบในมือออกมา อีกทั้งมันยังสะบัดมือขวาซัดอาวุธออกมาอีกนับสิบ เนี่ยฟงยกยิ้มเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเกราะสายฟ้าก็ปรากฏออกมาต้านรับอาวุธที่ซัดเข้ามา เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เขาเดินเข้าไปหยิบดาบเล่มที่สัตว์อสูรลิงใช้มันมีน้ำหนักพอสมควร บริเวณด้ามดาบมีรูปก้อนเมฆสลักเอาไว้ ทันทีที่เขาโคจรลมปราณไปที่ดาบมันก็สั่นสะท้านไม่นานมันก็สงบลงเขาลองกวัดแกว่งดาบในมือ ปราณดาบสายฟ้าพุ่งออกไปโจมตีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งขนาดหลายคนโอบ เปรี้ยง ตูม ต้นไม้ต้นระเบิดออกมาเสียงดังลั่น สัตว์อสูรลิงถึงกับหวาดกลัวบางอย่างพยายามหลบหนี มันใช้มือทั้งสองของมันแกะแส้อ่อนสีดำที่รัดขาของมันเอาไว้
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากแอ่งน้ำรัดตัวสัตว์อสูรลิงลงไปในน้ำแน่นอนว่ามันฉุดเนี่ยฟงที่ถือแส้อ่อนสีดำในมือซ้าย เขารีบสะบัดให้มันกลับมาเป็นเช่นเดิม ไม่นานก็เห็นสัตว์อสูรลิงต่อสู้กับบางอย่างใต้น้ำ เนี่ยฟงรีบสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าทับซ้อนกันสามวงเหนือแอ่งน้ำเอาไว้พร้อมกับโคจรลมปราณไว้ที่มือขวาจ้องมองแอ่งน้ำอย่างไม่วางตา ไม่นานก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากแอ่งน้ำ เนี่ยฟงรีบซัดฝ่ามือไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้ามีสายฟ้าพุ่งออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ลงไปในแอ่งน้ำ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง นานนับสิบลมหายใจ ไอน้ำระเหยออกมาเพราะความร้อนเสียงกรีดร้องของบางอย่างดังลั่นเลือดสีแดงฉานค่อยๆไหลย้อมไปทั่วแอ่งน้ำ
เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบภายในแอ่งน้ำพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลือแล้วเขาจึงกระโดดลงไปในแอ่งน้ำเพื่อตรวจสอบด้านล่าง พื้นใต้แอ่งน้ำพบซากศพสัตว์อสูรลิงและสัตว์อสูรอีกตัวเป็นปลาตัวใหญ่มีหนวดสำหรับจับสัตว์อสูรลงไปในแอ่งน้ำและโครงกระดูกอยู่เต็มไปหมด เนี่ยฟงแสยะยิ้มเก็บแก่นพลังปราณไปจนหมด ไม่นานก็พบกุญแจสีเงินที่สะท้อนแสงแดดออกมา เมื่อขึ้นมาจากแอ่งน้ำเขาใช้พลังปราณทำให้ตัวแห้งหลังจากนั้นไม่นานก็สะบัดมือขวานำแผนที่ออกมาอีกครั้ง ไม่นานกิเลนอัสนีก็ปรากฏกายออกมานำผู้เป็นนายพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
รุ่งเช้าของอีกวันเนี่ยฟงก็พบเจอเมืองขนาดใหญ่ด้านหน้าอันเป็นเมืองเป้าหมายต่อไปของเหมาหนาน เนี่ยฟงลงจากหลังกิเลนอัสนีเดินเข้าไปในเมืองเตียวห้วนอย่างไม่ลำบาก เพราะเมืองแห่งนี้หาได้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดมากนัก และผู้คนที่เดินเข้าออกเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นเหล่าทหารและยอดฝีมือ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองขึ้นของอ๋องมู่และเป็นเมืองที่ถูกปกครองโดยหนึ่งในกลุ่มเทพหมาป่าทั้งห้าผู้คนที่อ๋องมู่คัดเลือกให้มาทำงานสกปรกให้ เมื่อเข้ามาในเมืองได้ไม่นานเนี่ยฟงก็ต้องพบกับเรื่องน่าปวดหัวอีกครั้ง เมื่อมีกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนเดินมาขวางทางด้านหน้า
“คิดจะไปไหนไอ้หนู เจ้ายังไปไหนไม่ได้หากยังไม่จ่ายค่าผ่านทาง”
“ค่าผ่านทางเป็นสิ่งใดขอรับ”
“ของในแหวนทั้งหมดของเจ้าไงละไอ้หนู”
เนี่ยฟงส่ายศีรษะไปมาในระหว่างนั้นก็หรี่ตาจ้องมองรอบด้าน หาได้มีใครสนใจแต่มีบางคนพบเห็นแต่ก็หาได้สนใจ เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่ เขาจึงหันไปจ้องมองชายฉกรรจ์ทั้งสี่
“หากข้าไม่ให้พวกท่านจะเปิดสิ่งใดขอรับ”
ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวาฟาดฟันดาบในมือออกมาพร้อมกับเอ่ยวาจา
“ข้าก็จะสังหารเจ้าอย่างไรละ”
ทันใดนั้นดาบในมือของชายฉกรรจ์ก็ฟาดหวดลงพื้น เนี่ยฟงโยกตัวหลบออกไปทางขวามือสะบัดมือขวาใช้มีดสั้นสีดำจ้วงแทงเข้าไปที่ลำคอพร้อมกับรีบดึงออกมาสะบัดมือขวาเก็บมีดสั้นแล้วโยกตัวมาอยู่ที่เดิม ชายฉกรรจ์อีกสามคนที่อยู่ด้านหลังถึงกับขมวดคิ้วที่เห็นเพื่อนด้านหน้านิ่งค้าง เนี่ยฟงก้มศีรษะพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“ขอบคุณพี่ชายที่ออมมือ แล้วพบกันใหม่ขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็หันหลังเดินจากไป ในระหว่างนั้นทั้งสามก็เริ่มสังเกตเห็นหยดเลือดที่พื้น
“เกิดสิ่งใดขึ้น”
มีเสียงเอ่ยวาจาของหญิงสาวดังขึ้นมา ทั้งสามถึงกับขนทั่วร่างตั้งชูชันด้วยความหวาดกลัวรีบหันไปมองด้าน พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“ท่าน ท่านเฟินจวี๋ฟู่”
เป็นหญิงสาวผู้งดงามผู้หนึ่งผิวขาวตัดกับผมสีดำสวมชุดสีเขียวด้านหลังมีชายฉกรรจ์สามคนเดินติดตามมา
“ข้าถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่”
“ไม่ ไม่มีสิ่งใดขอรับพวกข้ากำลังจะไปแล้วขอรับ ต้องขออภัยที่พวกข้าขวางทาง”
ชายฉกรรจ์ทั้งสามรีบฉุดรั้งอีกคนที่ยืนนิ่งค้างก็ต้องตื่นตกใจ เพราะเพื่อนของตนตอนนี้ตกตายลงไปเสียแล้วทันใดนั้นก็มีเสียงสบถดังแว่วออกมา
“บัดซบ พวกเจ้าไม่รู้กฎของที่นี่อย่างนั้นรึว่าห้ามสังหารกันในตอนกลางวัน”
หญิงสาวนามเฟินจวี๋ฟู่สะบัดมือขวา ก็มีดาบสามเล่มพุ่งเข้าไปสังหารชายฉกรรจ์ทั้งสามคน
“นำซากศพของพวกมันไปเลี้ยง เปาเปาซะ”
“ขอรับ”