เล่ม1 : บทที่ 71 – ดูถูก
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 71 – ดูถูก
โทมัส บัลวัน มีลูกชายสามคน เอเดรียน อีวาน และริส ภรรยาของเขาคือขุนนางหญิงจากตระกูลขุนนางขนาดเล็กผู้ที่เสียชีวิตไปเมื่อให้กำเนิดริส
เอเดรียน บัลวันเป็นลูกชายคนโตและเป็นหัวหน้าครอบครัวคนที่สอง เขาเป็นหัวหลักในการดูแลกองกำลังทหารของตระกูล และได้แต่งงานกับกิลเลียน ลานเซย์ ซึ่งเป็นความเกี่ยวข้องด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล เขามีลูกชายหนึ่งคน ชื่อว่า คีธ ผู้ที่เขาเป็นคนฝึกเพื่อให้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพของตระกูลบัลวัน
อีวาน บัลวัน ดูแลเรื่องด้านเศรษฐกิจของตระกูล เขาได้แต่งงานกับหนึ่งในลูกสาวของตระกูลโชสติ ชื่อว่า ซีบิล โชสติ และการมีเธอเข้ามาถือว่าตระกูลได้มีผู้ช่วยสนับสนุนด้านการเงิน เขามีลูกชายสองคนและผู้หญิงสองคน ชื่อ แม็กซ์เวล เนล วาเลรี่ และลีน่า ตามลำดับ เนลและลีน่าอายุไล่เลี่ยกันกับโนอาห์ ส่วนอีกสองคนที่เหลืออายุมากกว่ายี่สิบปี
ริสเป็นผู้ดูแลด้านการจัดการต่าง ๆ ในคฤหาสน์ แต่เขาแทบจะไม่ใจที่จะทำตามหน้าที่เลย โดยโยนภาระหน้าที่ทั้งหมดให้กับเวย์น ผู้พิทักษ์คนสนิทเป็นผู้รับผิดชอบ เขามีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน ฟาเบียน และโรสผู้เป็นพี่สาว
ลูกของโทมัสแต่ละคนมักมีกลุ่มผู้พิทักษ์มืออาชีพมาเข้าร่วมอยู่ตลอด โนอาห์เข้าร่วมเป็นผู้พิทักษ์สังกัดอีวาน บัลวัน และเขาก็สั่งให้โนอาห์เข้าร่วมกับลูก ๆ ของเขา
วันของเขาใช้ไปกับการปกป้งเนลและลีน่าและคอยรับใช้ตามคำสั่งจากทั้งสอง ตำแหน่งของเขาฐานะผู้พิทักษ์เขตในทำให้เขาสามารถเข้าถึงตำราและเคล็ดการปรับแต่งร่างกายอันดับสามได้มากมาย แต่ทั้งหมดนี้เขามีแล้ว
สำหรับอันดับสี่ เขาต้องสะสมคุณสมบัติให้มากขึ้นและต่อยอดตำแหน่งให้สูงขึ้น
สำหรับการได้เคล็ดวิชาการฝึกตนที่สูงขึ้น ตระกูลมักจะปฏิเสธคำขอของโนอาห์ซึ่งเขาเองก็เข้าใจเจตนาของพวกเขา
‘พวกเขาพยายามฉุดรั้งฉันไว้’
ถึงแม้เขาจะได้รับอณุญาตให้เข้าไปอยู่เขตใน แต่ตระกูลก็ยังคงไม่มองเขาเป็นทายาทที่แท้จริง ดังนั้นพวกเขาจึงฉุดรั้งเขาไว้ พวกเขาไม่ยอมให้คนนอกแข็งแกร่งกว่าสมาชิกของตระกูล ในมุมมองของพวกเขา โนอาห์ยังเด็ก การสูญเสียเวลาไม่กี่ปีไปกับการฝึกฝนเพื่อค้นหาความต้องการตัวเองช่างคุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของโนอาห์ มันเป็นเพียงหนทางยืดระยะเวลาทรมานเขาออกไป อัครบิดรรับปากว่าเขาจะปลอดภัยจากการถูกกลั่นแกล้ง แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมทุกสมาชิกของตระกูลได้ โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กของเขา
ทายาทโดยตรงทุกคนจะรู้สึกเหนือกว่าต่อลูกนอกสมรส โดยเฉพาะตั้งแต่ที่พวกเขาคุ้นเคยกับตำแหน่งขุนนางอันสูงแต่ที่ได้มาตั้งแต่เกิด
แม้แต่เนลและลีน่าก็ไม่ได้รับการยกเว้น และมักจะพยายามมีปฏิกิริยาตอบโต้กับผู้พิทักษ์หนุ่มหน้าใหม่คนนี้เสมอ
หลังจากได้รับอณุญาตเข้ามาในเขตเพียงไม่กี่เดือน โนอาห์ก็รู้สึกคุ้นชินกับคำดูถูกจากพวกเขาในทุก ๆ วัน
“นี่เจ้าญาติห่าง ๆ ข้ารู้ว่าแม่ของเจ้าเก่งเรื่องตบตี มันก็เลยสืบทอดมาถึงเจ้าเช่นกันสินะ”
เนลพูดขณะมองเด็กหนุ่มที่มีเลือดไหลตรงหน้าเขา
“ไม่ใช่เสียหน่อย หล่อนไม่ได้เก่งเรื่องนั้น หล่อนฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนั้น ท่านพี่จำไม่ได้รึ?”
ลีน่าตอบกลับพี่ชายพร้อมด้วยเหงื่อที่กำลังไปลงมาจากบนหน้าผาก
โนอาห์เปลือยร่างท่อนบนต่อหน้าทั้งสองพร้อมกับบาดแผลเล็ก ๆ บนหน้าอก เนื่องจากเขามีร่างกายอันดับสาม เขาจึงมักจะถูกสมาชิกในตระกูลบังคับให้เป็นหุ่นฟางเพื่อทดสอบคาถาง่อย ๆ ทั่วไปของพวกเขา
ผู้พิทักษ์แทบจะทุกคนในเขตในล้วนมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่คู่สองพี่น้องมักเลือกเขาเป็นผู้ช่วยฝึกซ้อม
“งั้นก็เพราะร่างกายของเขาน่ะสิใช่ไหม? ข้ารอที่จะได้ไปถึงอันดับสามไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นก็ลงมืออีกสักเล็กน้อยแล้วกัน”
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่มเมื่อคำพูดดังกล่าวจบลง
“นั่นเพราะเจ้ามัวแต่หมดเวลาไปกับเรื่องไร้สาระอย่างไรล่ะ ท่านพพี่อายุเท่ากับเจ้านี่แต่ท่านพี่ไม่เคยฝึกฝน ปล่อยให้ลูกนอกสมสรแข็งแกร่งกว่าได้อย่างไร ไม่อายตระกูลบ้างรึ?”
น้องสาวตอบกลับขณะเพ่งสมาธิอีกครั้ง และกระสุนน้ำลูกเล็ก ๆ ก็ปรากฏและพุ่งออกไปหาโนอาห์
โนอาห์รับการโจมตีไว้โดยไม่ขยับเขยื้อน กระสุนทะลุผิวหนังและไปหยุดที่กล้ามเนื้อข้างใต้ สีหน้าของเขามีแต่ความเย็นชา
ลีน่ายิ้มเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากหน้าอกเขาและยิ้มอย่างมีความสุข
“อืม ต้องแบบนั้นสิ การควบคุมคาถาของข้ามั่นคงขึ้นมาก ไปได้แล้วเจ้าญาติห่าง ๆ ข้าเบื่อหน้าเจ้าเต็มทนแล้ว”
ทั้งคู่ไม่แม้แต่ของอาห์เลย เขาสวมเกราะสีแดง โค้งคำนับ และกัลห้งพัก เมื่อเขากลับมาถึงห้อง เขาก็ถอดชุดเกราะออกและขว้างมันลงกับพื้น
‘ทั้งวันหมดเวลาไปกับการยืนเป็นหุ่นโง่ ๆ ให้ไอ้เด็กเวรนิสัยเสียสองคนนั่น อะไรทำให้มันโตมาเป็นแบบนี้ได้? น่าจะฆ่าทิ้งเสียให้หมด!’
เนลและลีน่าใช้เวลาในทุก ๆ วันทำเช่นนี้กับเขา ฉะนั้นเขาจะไม่ได้ฝึกซ้อมหรือต่อสู้เลย และการดูถูกที่ถ่มใส่อย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยเพิ่มความขุ่นเคืองให้โนอาห์ในทุก ๆ วันเช่นกัน
เขานั่งลงบนพื้นและหยิบกระดาษที่พับไว้ออกมาจากแหวนปริภูมิจากนั้นก็ปักไว้บนผนังห้องตรงหน้า เขาเริ่มเคล็ดการฝึกตนอันดับหนึ่งในระดับกลางพร้อมการหลับตาลง ปราณเริ่มไหลเข้าสู่ตันเถียนและค่อย ๆ ขยายให้มันใหญ่ขึ้น
จากนั้นอนุภาคของปราณก็ไหลจากร่างกายสู่เอวล่างและผนึกเข้ากับจุดศูนย์รวมของเคล็ดวิชา
ส่วนใหญ่แล้วมันไม่สามารถผสมกันได้ด้วยเคล็ดวิชาเดียวและแยกตัวจากกัน แต่ยังคงมีที่เข้ากันได้เป็นส่วนเล็ก ๆ และไหลเข้าสู่ตันเถียน
เนื่องจากคุณภาพของปราณในร่างกายของเขาอยู่ในระดับเดียวกับที่อยู่ในตันเถียน โนอาห์จึงค้นพบว่าเขาสามารถใช้มันระหว่างกระบวนการดูดซับได้
อย่างไรก็ตาม มีเพียงส่วนที่เป็นธาตุมืดเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ตันเถียนได้ ในขณะที่ส่วนอื่น ๆ ผสมรวมกันไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงเพิ่มความเร็วในการฝึกตนและโนอาห์ก็ไม่ลังเลที่จะใช้กระบวนนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เนื่องด้วยที่ว่าปราณจะถูกเติมเต็มเข้าสู่ร่างกายโดยอัตโนมัติ
จากนั้นเขาก็ลืมตาเพื่อมองแผ่นกระดาษบนผนัง ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นอักษรรูนถูกเขียนไว้บนแผ่นกระดาษ