ตอนที่ 9 ลูกชาย
เมื่อกินแกงกะหรี่จานยักษ์เสร็จ จางเสี่ยวออกหัวเราะอย่างร่าเริง จากนั้นก็ขอเบอร์โทรของร้าน เเล้วกลับบ้านอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าเมืองที่จางเสี่ยวอาศัยอยู่นั้นมีชื่อเรียกว่าเมือง B เป็นเมืองที่ทันสมัยไฮเทคและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เมื่อเทียบกับเมืองหลวงอันเป็นที่ตั้งของกองทัพแล้ว นี้ถือว่าด้อยกว่าเพียงแค่นิดเดียว
จางเสี่ยวกำลังจะเดินทางกลับบ้าน แต่ด้วยความไม่รีบร้อน เธอก็เลยตัดสินใจขึ้นรถประจำทางไปยังบ้านของร่างเดิมของจางเสี่ยว บ้านหลังนั้นก็อยู่ใกล้ๆกับศาลารอรถประจำทางพอดี จากนั้นค่อยเดินไปก็ได้
จางเสี่ยวขึ้นไปบนรถประจำทาง ของสาย B1 จากนั้นก็ไปนั่งในที่นั่งที่อยู่ไกลที่สุด
หลังจากนั่งไปได้สักพัก คนบนรถก็หันมามองตามด้วยความแปลกใจ ทำไมผู้คนนั้นถึงมีรูปร่างเหมือน ‘ลูกโป่ง’ เเบบนั้น
มันไม่เหมือนคนอ้วนเเละผิดจากคนป่วยโรคอ้วนโดยสิ้นเชิง เพราะทั้งเส้นผม ดวงตา เเละเเม้กระทั่งขนคิ้ว ทุกอย่างดูหนากว่าที่ควรจะเป็น
ทันใดนั้นบทสนทนาบนรถโดยสารก็เริ่มเกิดขึ้น
“ดูผู้หญิงคนนั้นสิ ทำไมเธอถึงเป็นเเบบนั้น เเพ้อาหารทะเลหรือเปล่า? ดูตาเธอสิ ใกล้จะถลนออกมาจากเบ้าตาเเล้ว”
“ดูผิดหรือเปล่า? เมื่อกี๊ฉันรู้สึกว่า…เธอจะพองน้อยลง”
“อะไรนะ! นั่นคนนะไม่ใช่ลูกโป่งที่จะได้พองเเล้วเเฟ่บ”
“คนสมัยนี้ทำไมถึงได้เป็นโรคประหลาดไปได้นะ? เเปลกจริงๆ”
“ลูก! อย่าไปเข้าใกล้ เอาหน้ากากขึ้นมา บางทีเธออาจจะติดโรคระบาดที่ไหนสักที่มา ทำไมหมอเมืองนี้ไม่เข้มงวดเลยนะ”
จางเสี่ยวไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอเพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วชื่นชมบรรยากาศของเมือง B เธอเลยไม่รู้ว่าร่างกายที่บวมของเธอค่อยๆ เเฟ่บลง…เเล้วพละกำลังก็ค่อยๆกลับมา รวมถึงสมองก็เริ่มที่จะคิดได้มากขึ้น
ตึกระฟ้าหลายแห่ง สนามเด็กเล่นที่แลจะสดใส ผู้คนแต่งตัวดีเดินกันไปมา จางเสี่ยวก็นึกถึงโลกเดิมของเธอที่เคยอาศัยก่อนยุควันสิ้นโลก
บรรยากาศแทบจะไม่แตกต่างกัน ผู้คนนั้นยังเหมือนเดิม พวกเขาล้วนแต่งตัวดี และมีอนาคตที่สดใสอยู่เสมอ
เธอเองก็เคยเป็นแบบนั้น
จางเสี่ยวนั่งใจลอยโดยที่ไม่สนใจคำก่นด่าของผู้คน จนในที่สุดรถก็มาจอดที่ชานชลาเบื้องหน้าหมู่บ้านที่จางเสี่ยวอยู่
จางเสี่ยวรีบจ่ายเงินและรีบลงจากรถ
เธอเดินไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน แล้วจากนั้นก็เดินไปตามถนน โดยอาศัยแผนที่ที่เจ้าของเดิมทิ้งเอาไว้ในหัวสมอง
บ้านของเธอรู้สึกว่าจะอยู่หลังที่ 13 บล็อค A
จางเสี่ยวเดินไปเรื่อยๆ ตามทางที่เธอเดินอยู่นั้นมีผู้คนมากมายเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด จึงมีเด็กๆและมีพ่อแม่ของเด็กๆ กำลังทำกิจกรรมของครอบครัว พวกเขาล้วนใช้พื้นที่ว่างบนถนนในการเล่นเตะบอลหรือไม่ก็วิ่งเล่นไล่จับ
จางเสี่ยวไม่สนใจคำพูดของผู้คนที่กำลังล้อเลียนเธออย่างสนุก เธอเดินหน้าต่อไป เธอรู้ว่าทำไมผู้คนถึงได้คนด่าเธอ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะพูดอะไรไปในตอนนี้ เพราะยิ่งเธอพูดมันก็เหมือนกับเธอยอมรับกับคำกล่าวหา อีกอย่างหนึ่งเธอยังไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้
เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น
เพราะการรับความทรงจำที่ผิดพลาดทำให้เธอขาดข้อมูลไปบางส่วน และบางส่วนที่ว่านั้นบังเอิญว่ามันคือของสำคัญทั้งนั้นเลย
หลังจากเดินนานกว่า 10 นาที จางเสี่ยวก็มาถึงหน้าบ้านของตัวเอง
บ้านของจางเสี่ยวนั้นมีอยู่ 2 ชั้น เป็นบ้านหลังไม่โตเท่าไหร่ แต่ก็มีสวนหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน สระน้ำเล็กๆและสวนดอกไม้อยู่ครบถ้วน
จางเสี่ยวปลดกุญแจที่ประตูรั้วออก จากก็เดินเข้าไปในบ้าน แต่ก่อนที่จางเสี่ยวจะเดินเข้าบ้านไปนั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นกระดาษใบนึงแปะไว้อยู่ที่หน้ารั้ว
เธอหยิบมันเธอมาอ่าน ในจดหมายนั้นเขียนว่า หมายศาล
จางเสี่ยวนึกครู่หนึ่งว่าอะไรคือหมายศาล ความทรงจำของร่างเดิมหมายศาลนั้นคือจดหมายที่ออกโดยหน่วยงานราชการที่ขึ้นตรงต่อกองทัพ
และจะออกก็ต่อเมื่อมีเรื่อง ไม่มีทางออกพร่ำเพรื่อเด็ดขาด
แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญจางเสี่ยวค่อยๆอ่านอย่างใจเย็น
‘เรียนคุณจางเสี่ยว ผู้เป็นมารดาของเด็กชาย จูย่ง ได้ทอดทิ้งบุตรผู้เป็นสายเลือดโดยตรง พฤติกรรมถือว่ามีความผิด ดังนั้นแล้วจะมีการปรับเงินจำนวน 1 ล้านหยวน เพื่อการหาผู้ปกครองคนใหม่’
‘แต่ถ้าหากคุณไม่อยากเสีย วันนี้ให้รีบติดต่อกลับมาที่สถานีตำรวจและไปขึ้นศาลเพื่อแจ้งขอนำเรื่องเอาลูกกลับไปเลี้ยง กรุณาติดต่อมาให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นทางเราจะปรับเงินของคุณทันทีและจะส่งลูกของคุณไปอยู่กับผู้ปกครองคนใหม่และตัดสิทธิ์การเลี้ยงดูรวมถึงสิทธิ์การเป็นบุพการีนับตั้งแต่บัดนี้’
จางเสี่ยวลืมไปเสียสนิท เธอคิดแต่เรื่องเงิน เธอไม่คิดเลยว่า คำว่าลูกที่ปรากฎเมื่อตอนช่วงต้นของชีวิตใหม่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอได้รวดเร็วแบบนี้
พูดถึงลูกชายคนนี้! ใช่เเล้ว ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมได้ระบุไว้ว่า…เธอไม่เเน่ใจว่าเด็กเป็นลูกของผู้ชายคนไหน? เเต่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นคนเเซ่จู เเต่เพราะตอนนั้นจางเสี่ยวได้คบหากับชายที่อ่อนโยนคนหนึ่งเเซ่หาน….ดังนั้นจึงได้ทิ้งลูกไป
เเต่เธอก็ส่งเงินไปบ้างนะ!
ถึงจะขาดส่งมาราวหนึ่ง สอง สาม! ใช่เเค่สามปีเอง!
เขาถึงได้ทิ้งเด็กเพราะเธอไม่ส่งเงินให้…เเบบนี้ล่ะสิ!?
เเต่ทำไมเขาถึง….
จางเสี่ยวไม่อยากนึกอีก เธอปล่อยวางเรื่องผู้ชายไป เเล้วคิดถึงเรื่องเฉพาะไปก่อน อย่างเเรก….ถ้าไม่รับมาก็ปรับเงินเหรอ เธอไม่มีปัญญาหรอก 1 ล้านหยวนเหรอ ในซองนี้มีแค่กี่หมื่นหยวนเอง
จางเสี่ยวหยิบกระดาษมาอ่านอย่างละเอียดเพื่อดูว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง เเล้วจะเลี่ยงค่าปรับได้อย่างไร
จากนั้นเมื่อคิดได้เธอก็หยิบกระดาษเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว