ตอนที่ 254 ห้าเสือประจันบาน
ณ บ้านร้างชานเมืองหลวงอมตะ ทางทิศตะวันออก
“ท่านแม่ทัพขอรับ” มีเสียงเรียกจากด้านนอกประตู
“อะไร !” แม่ทัพธรรศที่กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นสนุก บนเรือนร่างของเด็กสาว ตวาดออกมาอย่างหงุดหงิด
“มีสาส์นลับส่งมาจากวังขอรับ”
แม่ทัพธรรศหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องจำใจเดินออกมาจากห้องที่คุมขังเหนือฟ้า
ในขณะที่เหนือฟ้ากำลังตัวสั่นกลัว ร่างยังคงถูกห้อยแขวนไว้ เสื้อผ้าถูกฉีกขาดเหลือเพียงชั้นในตัวบาง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยบาดแผล คราบเลือดและน้ำลาย แววตาของเธอเลื่อนลอยไร้ประกายแห่งชีวิต เธอทำได้เพียงร้องคราง ฮือ ฮือ อย่างหวาดกลัว
เมื่อแม่ทัพธรรศอ่านสาส์นจบก็นิ่วหน้า
“องค์ชายรองส่งมางั้นรึ”
“ไม่ผิดแน่ขอรับ จะเป็นการดีกว่า หากพวกเราไม่สร้างความลำบากใจให้กับองค์ชายรองนะขอรับ”
“มึงไม่ต้องสอด ข้ารู้ว่าควรจะทำยังไง”
แม่ทัพธรรศกัดฟันกรอด เขายังเล่นสนุกกับเด็กสาวไม่หนำใจเลย แต่ก็นี่ก็ขัดไม่ได้ เพราะเป็นที่รู้กันว่าองค์ชายรองมีแต้มต่อมากที่สุด ที่จะได้ขึ้นครองราชย์เป็นองค์เจ้าแคว้นองค์ต่อไป ต่อให้มีองค์รัชทายาทอยู่ แต่องค์รัชทายาทก็ป่วยหนัก จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่มีใครบอกได้
หากเขาทำตามประสงค์ขององค์ชายรอง ในอนาคตหากมีองค์ชายรองช่วยสนับสนุน เขาย่อมก้าวหน้า แต่หากปฏิเสธไปในยามนี้ เขาย่อมใช้ชีวิตต่ออย่างยากลำบาก
ทว่า...หากองค์เจ้าแคว้นรู้เข้า เขาตายแน่
“ท่านแม่ทัพ หากกังวลเรื่องเด็กนี่ ก็ขอให้วางใจขอรับ คนขององค์ชายรองได้เตรียมเด็กสาวหน้าตาคล้ายนังเด็กนี่ไว้แล้วขอรับ ขอเพียงท่านแม่ทัพยินดีทำตาม องค์ชายรองรับปากว่า ตำแหน่งของท่าน จะไม่หยุดอยู่ที่ตำแหน่งแม่ทัพแน่ขอรับ”
นายทหารคนสนิทของเขาเอ่ยออกมาตรง ๆ อย่างไม่เกรงใจ เพราะทั้งแม่ทัพและนายทหารคนสนิทรู้กันดีว่า ชีวิตของพวกเขาเหมือนถูกผูกกันไว้ นายเจริญ บ่าวสำราญ หากนายตกอับ บ่าวย่อมไร้ที่ซุกหัว ดังนั้นแม่ทัพธรรศจึงเชื่อใจนายทหารคนสนิทมาก ว่าจะไม่มีวันหักหลังเขา
นายทหารคนสนิทย่อมรู้ใจท่านแม่ทัพเป็นอย่างดี มันจึงสั่งให้ลูกน้องนำของกำนัลเข้ามา เมื่อแม่ทัพธรรศเห็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ถูกพาตัวเข้ามา ก็หัวเราะชอบใจ
“ดี ๆ ข้าตกลง งั้นก็ปล่อยให้ไอ้หนูห้าตัวด้านนอกเข้ามาเถอะ ข้าจะไปพักผ่อนสักหน่อย”
แม่ทัพวัยกลางคนหัวเราะพอใจ จากนั้นก็หันหลังเดินไปอีกทาง โดยมีทหารจูงมือเด็กสาวไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตามหลังเขาไป
ส่วนทหารคนสนิท เมื่อได้รับคำสั่งปล่อยหนูห้าตัวเข้ามา เขาก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร พวกเขารู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่ามีคนแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่ของพวกเขา
แท้ที่จริงแล้ว สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล่อศัตรูโดยเฉพาะ ดังนั้นมันจึงถูกนำมาใช้งานจริงในการล่อเหนือภพ และคนอื่น ๆ ที่คิดจะมาช่วยเหลือเหนือฟ้า
มันอาจดูเหมือนบ้านหลังนั้นซอมซ่อ แต่คนภายนอกหารู้ไม่ว่าบ้านร้างเล็ก ๆ แห่งนี้ เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในค่ายทหารขนาดใหญ่ กินพื้นที่กว่าพันไร่ พร้อมกับมีกองกำลังทหารของสี่เหล่าทัพที่แข็งแกร่งคอยประจำการอยู่
เพียงแต่กลุ่มอาคารหลังใหญ่และกำลังคน ถูกซ่อนเอาไว้ด้วยภาพลวงตาขั้นสูง อันเป็นความสามารถลับของแม่ทัพธรรศ ที่ไม่มีใครล่วงรู้นอกจากองค์เจ้าแคว้น คนอื่น ๆ ภายในกองทัพรู้ว่าที่นี่ถูกซ่อนด้วยภาพลวงตา แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้าง ทุกคนจึงได้แต่คิดจินตนาการกันไปเอง ว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้วิชาอาคมระดับสูง
ฌายิน พยัคฆ์คีรี เฮงเฮง พี่พล และอรุณ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าที่นี่ถูกซ่อนด้วยภาพลวงตา ทำให้เผยหางออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ตั้งแต่พวกเขาปลอมตัวเป็นชายชุดดำปะปนเข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของผู้อื่นนานแล้ว
ฌายิน พยัคฆ์คีรี เฮงเฮง พี่พล และอรุณ พวกเขาต่างมองไปบ้านร้างอย่างรอคอยโอกาส จนกระทั่งพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แม่ทัพธรรศออกจากบ้านร้างไปแล้ว และกองกำลังคนชุดดำที่คุ้มกันบ้านก็น้อยลง อันเป็นสัญญาณของการสับเปลี่ยนเวร
“ไป นี่เป็นโอกาส”
พยัคฆ์คีรีส่งสัญญาณมือ ขณะนำกลุ่มคนทั้งห้า เดินเข้าไปอย่างองอาจเยี่ยงทหารกล้า แม้จะอยู่ในชุดดำปกปิดใบหน้า แต่หากมองให้ดีก็จะเห็นถึงความแตกต่างกับคนชุดดำคนอื่น ๆ
เมื่อพวกเขาไปถึงบ้านร้าง พยัคฆ์คีรีที่มีประสาทหูดีเยี่ยม เขาเคยได้ยินชายชุดดำคนก่อนหน้ากล่าวคำพูดเป็นรหัสลับเฉพาะ ในเวลาเปลี่ยนเวรทุก ๆ สองชั่วโมง ดังนั้นพยัคฆ์คีรีจึงพูดตาม และทำทุกอย่างคล้ายทหารยามธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
“อาจารย์ ท่านเข้าไปก่อน พวกเราดูข้างนอกเอง”
ฌายินพยักหน้าให้พยัคฆ์คีรี ก่อนจะมองซ้ายมองขวา เปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วเธอก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
เหนือฟ้าที่กำลังหายใจรวยริน แววตาไร้ประกาย ใกล้จะสิ้นสติอยู่รอมร่อ รัศมีทั่วร่างหม่นหมอง ทว่าเธอก็ยังมองเห็นผู้เป็นอาจารย์ ที่ปลดผ้าปกปิดใบหน้าออก
เด็กสาวหลั่งน้ำตาออกมาอย่างอ่อนแรง
“อาจารย์ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
ฌายินพูดอะไรไม่ออก คำพูดห่วงหาจุกอยู่ในลำคอ เธอทำได้เพียงสะบัดข้อมือส่งขนนกอาคมตัดโซ่ ที่ผูกรั้งแขนทั้งสองข้างของเด็กสาวออก ก่อนจะรอรับร่างที่ตกลงมาไว้ในอ้อมแขน สายตาของผู้เป็นอาจารย์มองร่างกายที่แสนยับเยิน ด้วยความสังเวชใจ
ในใจของผู้เป็นอาจารย์เวลานี้ เจ็บปวดทุกข์ทรมานเกินทน แววตาฉายแววชิงชังทุกคนที่เกี่ยวข้อง ‘ทำไมถึงกับเด็กตัวเล็ก ๆ ได้ขนาดนี้’
“ไม่ต้องห่วง อาจารย์จะพาเจ้ากลับบ้าน หลับเถอะนะ เด็กดีของอาจารย์”
ฌายินปลอบใจศิษย์ของตัวเอง เมื่อเด็กสาวหลับตาลง ฌายินก็อุ้มเด็กสาวเอาไว้ระหว่างอก ราวกับว่านางเป็นสมบัติล้ำค่า
อีกด้าน ไม่ไกลจากบ้านร้าง
“ไม่ถูก”
เตชินท์นิ่วหน้า เมื่อเห็นคนชุดดำชุดใหม่ผลัดเปลี่ยนเวร แต่ท่าทีของคนพวกนี้ช่างแตกต่างจากชายชุดดำกลุ่มก่อนหน้า
“มีอะไรไม่ถูก”
สวาหะถามอย่างสงสัย
เมื่อเขามองไปยังบ้านร้าง ที่ปกติจะได้ยินเสียงอะไรบ้าง แต่นี่กลับไม่มีเสียงอะไรเลย แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไร คนเราก็ต้องพักบ้างอะไรบ้าง
และในทันใดนั้นแววตาของสวาหะก็เบิกกว้าง เมื่อเขาเห็นชายชุดดำรูปร่างเพรียวบางดุจอิสตรี อุ้มเหนือฟ้าออกมาจากบ้านร้าง
“พวกมันกำลังจะหนี ขัดขวางเร็ว”
เตชินท์พุ่งเข้าไปในทันที เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าที่นี่เป็นค่ายทหาร ที่ถูกซ่อนด้วยภาพลวงตา ดังนั้นเขาจึงได้ทำเรื่องผิดแผนต่อแม่ทัพธรรศ ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่วางตา ภายในอาณาเขตค่ายกลลวงตาของเขา
“ไอ้สวะเอ๊ย !”
แม่ทัพธรรศสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นเตชินท์พุ่งเข้าไปหาผู้บุกรุกทั้งห้าคนด้วยความเร็วสูง ขณะที่ร่างกายชายหนุ่มถูกฉาบไปด้วยสีของหมึก
“คิดหนีเรอะ ฝันไปเถอะ” เตชินท์ตวาดก้อง
“รีบไป ที่นี่ข้าจัดการเอง”
พยัคฆ์คีรีบอก ขณะเสนอตัวออกไปรับมือเตชินท์ที่พุ่งเข้ามา
‘ปราณอาคมพยัคฆ์ บทที่ 3 ความโกรธของราชาพยัคฆ์’
พยัคฆ์คีรีร่ายปราณอาคมโจมตีของตัวเองในใจ มือทั้งสองข้างชูไปด้านหน้า กางนิ้วมือออกท่าทางเหมือนเสือร้ายกำลังจะตะครุบเหยื่อ
เบื้องหลังพยัคฆ์คีรี มีภาพร่างของพยัคฆ์ดำลายพาดกลอน ขนาดใหญ่กว่าปกติถึงสามเท่า พุ่งทะยานไปพร้อมกับร่างในชุดดำของพยัคฆ์คีรี พุ่งเข้าโจมตีเตชินท์
กรงเล็บอาคมเรืองแสงสีทองทั้งสองข้างของพยัคฆ์คีรี เหวี่ยงตะปบเตชินท์ ซ้ายขวา ซ้ายขวา รวดเร็ว รุนแรง และต่อเนื่อง จนเกิดเป็นพายุกรงเล็บในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้
แต่ทุกการโจมตีของพยัคฆ์นั้น แม้จะแข็งแกร่ง ทว่าระดับพลังปราณอาคมของเขายังต่ำต้อยกว่าเตชินท์อยู่มาก ดังนั้นจึงไม่มีการโจมตีใดที่สามารถสัมผัสตัวของเตชินท์ได้เลย
เตชินท์โยกตัวหลบไปมา ก่อนจะผนึกพลังปราณเดือนดับลงบนกำปั้นขวา บังเกิดกลุ่มก้อนพลังสีดำโอบคลุม แล้วเขาก็เหวี่ยงกำปั้นสวนกลับ
พลั่ก !
พยัคฆ์คีรีร้องคำรามออกอย่างเจ็บปวด หลังจากที่กำปั้นของเตชินท์กระแทกเข้าใส่ท้องน้อยของเขาอย่างจัง ร่างแกร่งในชุดดำกระเด็นกระดอนไปไกลกว่าสิบเมตร ไม่ต่างจากภาพหินที่ชิ่งไปบนผิวน้ำ
เตชินท์คิดว่าจัดการพยัคฆ์คีรีได้แล้ว จึงตามคนอื่นที่หลบหนีไป แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าเสือยิ่งเจ็บมันก็ยิ่งแกร่ง
ดวงตาสีทองของพยัคฆ์คีรีเจิดจ้า ร่างกายลุกโชนไปด้วยปราณอาคมสีส้มทองเหลืองอร่าม ตอนเด็กเขามักหลับตายามต่อสู้เพราะบาดแผลในใจ แต่เมื่อโตขึ้น เขาก็เข้าใจแล้วว่าดวงตาคือพลัง
เสียงคำรามห้าวของพยัคฆ์ลายดำพาดกลอน ดังซ้อนกับเสียงของพยัคฆ์คีรีที่คำรามออกมาอย่างเจ็บปวด พลังปราณของพยัคฆ์คีรีอยู่ในขั้นพลังฝึกฝน ‘รากฐานอาคมสูง’ เพิ่มสูงขึ้นไปยัง ‘ปราณอาคมแท้ก่อเกิด ขั้น 1’ ในชั่วพริบตา
ร่างกายของพยัคฆ์คีรีที่นอนหงายอยู่บนพื้น ดีดพุ่งเข้าหาเตชินท์ด้วยความเร็วที่สูงกว่าก่อนหน้า มือทั้งสองข้างห่อหุ้มด้วยปราณอาคมสีส้มทอง แปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บเสือ ตะปบเข้าที่ใบหน้า ลำคอ และลำตัวของเตชินท์
แต่พลังอันน้อยนิดของผู้มีปราณอาคมระดับปราณอาคมแท้ก่อเกิด ขั้น 1 ไม่อาจสร้างความระคายเคืองให้กับผู้มีพลังฝึกฝน ปราณเหนือมนุษย์ช่วงปลาย
“เกะกะ !”
เตชินท์ตวาดอย่างหงุดหงิด ขณะใช้หลังมือที่รวบรวมปราณเดือนดับตบใส่ใบหน้าของพยัคฆ์คีรี จนร่างในชุดดำหมุนขว้างกลางอากาศหลายตลบ ก่อนจะพุ่งไปต่อยร่างในชุดดำที่หมุนขว้างอยู่บนอากาศอีกครั้งอย่างแรง จนร่างในชุดดำพุ่งกระแทกพื้นหกคะเมนตีลังกาอย่างน่าหวาดเสียว
เตชินท์นิ่วหน้าอีกครั้ง จากที่จะติดตามกลุ่มคนที่ช่วยเหนือฟ้าไป ก็ต้องหันกลับไปมอง พยัคฆ์คีรีอีกครั้ง
พลังปราณของพยัคฆ์คีรีที่หยุดอยู่ในขั้นพลังฝึกฝน ‘ปราณอาคมแท้ก่อเกิด ขั้น 1 ‘ เพิ่มสูงขึ้นไปยัง ‘ปราณอาคมแท้ก่อเกิด ขั้น 2 ‘ ได้ในชั่วพริบตา
“เป็นไปไม่ได้ พรสวรรค์ระดับนี้ แข็งแกร่งขึ้นได้ภายใต้การต่อสู้”
เตชินท์รับรู้ได้ว่า หากให้ชายผู้นี้เติบโตขึ้น ย่อมเป็นภัยต่อเขาในอนาคตแน่ เตชินท์จึงไม่ยั้งมืออีกต่อไป
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคือใคร แต่ครั้งนี้เจ้าตายแน่”
พูดจบเตชินท์ก็พุ่งเข้าใส่พยัคฆ์คีรีด้วยความเร็ว ร่างกลายเป็นเส้นแสงสีดำ เขาพุ่งชนจนร่างของพยัคฆ์คีรีที่เพิ่งยืนหยัดขึ้นมาได้ กระเด็นครูดลากไปด้านหลังเป็นแนวยาว เตชินท์ใช้เทคนิคลับโดยใช้น้ำหนักตัวโถมทับ จนพยัคฆ์คีรีหงายหลังลงกระแทกพื้น
เตชินท์ขึ้นคร่อมตัวพยัคฆ์คีรีที่กำลังดิ้นรนขัดขืน แววตาเตชินท์ฉายแววสังหาร ก่อนจะแบมือขวาออก เสมือนว่ามันคือใบมีดเคลือบไปออร่าปราณเดือนดับสีดำ แล้วจ้วงแทงลงไปที่คอแกร่งของพยัคฆ์คีรี
“แกตาย !”
“อย่าหวัง !”
พยัคฆ์คีรีกัดฟันระเบิดพลังปราณออกมา ทำให้เกิดการระเบิดปราณในระยะเผาขน ก่อเกิดแสงสีทองสว่างวาบ ทำให้ดวงตาดำของเตชินท์พร่ามัวไปชั่วขณะ
ถึงเตชินท์จะไม่ได้รับความเสียหายของการโจมตีของพยัคฆ์คีรี แต่แรงอัดกระแทกของระเบิดปราณ ทำให้การโจมตีของเตชินท์เสียหลัก มือขวาที่แบออกเสมือนมีดปราณของเขาพลาดเป้า ไปแทงที่หัวไหล่ของพยัคฆ์คีรีแทน เรียกเลือดไหลทะลัก กลิ่นคาวเลือดฟุ้ง