ตอนที่ 253 แม่ทัพธรรศ
เหนือภพหัวเราะเบา ๆ ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
ในขณะที่บุษย์น้ำเพชรมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่พอใจ แต่เมื่อเธอเห็นดวงตาของเหนือภพกลายเป็นสีของไวน์แดง เธอก็อ้าปากค้างอย่างตกใจ
“ตาของท่าน ทำไมสีเหมือนเลือด”
บุษย์น้ำเพชรโผเข้ามาจับใบหน้าของชายหนุ่มเอาไว้ เพื่อจะได้จ้องมองให้ชัด ๆ จนจมูกของเธอแทนจะชนกับจมูกของเหนือภพ
เหนือภพไม่ตอบ เขาเพียงแค่ยิ้ม แล้วขยับหน้าหนีออกจากมือนุ่มนิ่มของนาง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม จ้องมองอาหารว่างที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะ อย่างโหยหา
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวอีกหน่อยเจ้าก็ชิน”
“ช่างเถอะ”
หญิงสาวเบ้ปากด้วยความรู้สึกงอน เธออุตส่าห์เปิดใจถึงเพียงนี้ แต่ชายเบื้องหน้าก็ยังไม่สนใจ เขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่
“ท่านรู้แล้วหรือยัง ว่าน้องสาวท่านถูกจับตัวไป”
“รู้แล้ว”
“แล้วทำไมยังอยู่ที่นี่อีก ทำไมไม่ไปช่วยน้องสาวท่าน หากนางตกอยู่ในมือของแม่ทัพธรรศ นางต้องแย่มากแน่”
บุษย์น้ำเพชรเบิกตากว้าง มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจ เขาคือเหนือภพจริง ๆ หรือ หากเป็นเหนือภพตัวจริง เขาจะรีบวิ่งแจ้นไปหาน้องสาวโดยไม่รีรออะไรทั้งนั้น
“หากข้าปรากฏตัว นางสิจะแย่ ดังนั้นข้าต้องทำอย่างอื่นให้สำเร็จก่อน ข้าถึงจะมีไพ่ตาย ไปช่วยนางให้ปลอดภัยได้”
“แบบนั้นไม่ทันการณ์แน่ หากเป็นผู้อื่น วิธีของท่านย่อมได้ผล แต่กับแม่ทัพธรรศเขาต่างออกไป”
บุษย์น้ำเพชรมีท่าทีร้อนใจขึ้นมาทันที เพราะเธอรู้เบื้องหลังของแม่ทัพคนนี้ดี เธอจึงเล่าเรื่องนี้ให้เหนือภพฟัง
แม่ทัพธรรศ แต่ก่อนชื่ออะไรไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ประจำการอยู่ที่เมืองโกงกาง เป็นคนฉลาดและมีไหวพริบดี เพียงไม่กี่เดือนก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นคนสนิทของเจ้าเมืองโกงกางได้ แถมยังคอยเป็นธุระจัดการงานสกปรกทุกชนิด ให้เจ้าเมืองโกงกางอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
“แล้วยังไง”
เหนือภพยังคงใจเย็น ขณะนอนเอกเขนกกินขนมและน้ำผลไม้อย่างสบายอารมณ์ เพราะเขารู้ดีว่าหากผลีผลามวู่วาม น้องสาวเขาอาจจะเป็นอันตรายถึงตาย ดังนั้นเขาต้องถือไพ่ที่เหนือกว่าก่อน นี่เป็นโอกาสเดียวที่ไม่ใช่แค่ช่วยน้องสาวเขาเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ต้องช่วยเธอให้ได้ตลอดไป
บุษย์น้ำเพชรตะลึงมองชายหนุ่ม ทำไมเขาถึงเยือกเย็นได้ขนาดนี้ ดูนั่นสิ ท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม และแววตาเย็นชาราวกับเป็นตัวร้ายผู้ไม่แยแสโลก ที่พร้อมจะทำร้ายใครก็ได้ มันทำให้สัญชาตญาณส่วนลึกของเธอกรีดร้องเตือน ทว่านั่นกลับชวนให้ปั่นป่วนหัวใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
หญิงสาวหันหน้าหนีไปมองดอกไม้ด้านข้าง ก่อนจะถอนหายใจ แล้วพูดต่อ
“ท่านอาจจะไม่รู้ แม่ทัพธรรศเป็นพวกที่ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด เขามีความคิดและความชอบที่วิปริต เขาชื่นชอบที่จะทรมานผู้หญิง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในกำมือมารร้ายเช่นมัน ก็จะเป็นได้แค่เครื่องระบายความใคร่
ว่ากันว่าขนาดอดีตเจ้าตึกบุปผาคนก่อน ก็ยังต้องตายอยู่มือในเจ้านี่มาแล้ว เพราะเช่นนี้เอง จากที่ปรึกษาเจ้าเมืองถึงได้ข้ามขั้นมาเป็นแม่ทัพได้ภายในหนึ่งปี เจ้าอย่าได้วางใจเป็นอันขาด มือของมันเปื้อนเลือดเด็กสาวนับหลายพันคน มันไม่ใช่คนธรรมดาที่ไร้ความสามารถ ถึงจะไม่ได้มีชื่อเสียงน่าชื่นชมเท่านิลปัทม์ แต่ก็ใช่ว่ามันจะอ่อนแอ และที่สำคัญคือ มันเป็นคนโปรดขององค์เจ้าแคว้น”
เหนือภพนิ่งงันไป ขณะที่จิตสังหารเอ่อล้นทะลักออกมา ความโกรธภายในใจของเขาเริ่มปะทุขึ้น เมื่อคิดว่าน้องสาวเขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็แผ่ออร่าปราณสีไวน์แดงออกมา ทำให้บุษย์น้ำเพชรถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากที่อ้ากว้าง ร่างกายของเธอถูกคุกคามจากแรงกดดันปราณที่สูงกว่า จนตัวเธอสั่น แต่ก่อนที่เธอจะได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้ เหนือภพก็ได้สติขึ้นมา
ชายหนุ่มหายใจเข้าออกช้า ๆ แล้วก็กลับมาเยือกเย็นได้ดังเดิม
“เจ้าช่วยอะไรข้าสักอย่างสิ”
“ถ้าเรื่องน้องสาวของท่าน ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะมันเป็นคำสั่งขององค์เจ้าแคว้น องค์เจ้าแคว้นใช้โอกาสนี้ในการคัดสรรผู้ภักดีต่อราชวงศ์
หากใครที่ไปช่วยน้องสาวของท่าน ก็จะมียอดฝีมือจำนวนมากและกองทัพสี่เหล่าปรากฏขึ้นมา รวมถึงกองกำลังล่าอสูรของเตชินท์ ที่จะสังหารผู้ที่บุกรุกไปช่วยน้องสาวท่านทันที ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัว หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ขนาดหอโลหิตยังถูกกำจัดไปแล้ว แม้แต่สำนักงานฮันเตอร์ที่เมื่อทราบข่าวก็ทำได้แค่เจรจา จนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำตอบอะไร แล้วข้าที่เป็นเพียงองค์หญิงตัวเล็ก ๆ ข้าไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะงัดข้อกับกองทัพนับแสนคน”
เหนือภพเหม่อมองไปสุดขอบกำแพงตำหนัก พลางกำหมัดแน่น
“ข้าเข้าใจ เจ้าแค่พาข้าไปพบองค์เจ้าแคว้นก็พอ”
“ท่านคิดจะทำอะไร”
“ดาบนั้นคืนสนอง คนใดทำคนนั้นรับ ฉะนั้นก็เริ่มที่องค์เจ้าแคว้นก่อนเลย”
นัยน์ตาสีเลือดของเหนือภพเต็มไปด้วยความคุกรุ่น หากน้องสาวเขาเป็นอะไรละก็ เขาจะทำให้แคว้นอมตะหายไปจากโลกนี้
บุษย์น้ำเพชรสบตากับเหนือภพอย่างค้นหา เมื่อเธอเห็นความจริงจังจากเขา เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะช่วยท่านในเรื่องนี้ รอที่นี่นะ ข้าจะไปเตรียมการสักครู่”
จากนั้นหญิงสาวก็เดินหายลับเข้าไปในตำหนัก ทิ้งชายหนุ่มให้นั่งเล่นนอนเล่นอยู่กับอาหารบนโต๊ะ
ขณะที่เหนือภพรอบุษย์น้ำเพชร เขาก็เขียนจดหมายอาคมขึ้นมาฉบับหนึ่ง เขารู้ว่าพราวจันทร์พยายามตามหาคนที่ฆ่าอาจารย์ของตัวเองมาตลอด ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความนี้ไปถึงนาง ให้นางได้รับรู้ว่าคนคนนั้นคือแม่ทัพธรรศ นางจะได้ปลดเปลื้องความแค้นในใจได้เสียที
อีกอย่างคือเหนือภพต้องการกำลังคน จากกลุ่มคนไร้พรสวรรค์มากฝีมือ หากพวกนั้นยอมช่วยเขาในเรื่องนี้ เขาก็จะลองคิดดูอีกทีเกี่ยวกับจุดยืนของตัวเอง แต่หากคนพวกนั้นปฏิเสธ เขาก็คงได้แต่ใช้วิธีของตัวเองเท่านั้น
ณ เรือนกุศมาศ ในเขตพระราชวังอมตะ
หลังจากพราวจันทร์ได้รับจดหมายจากเหนือภพ แววตาของเธอก็วาวโรจน์ด้วยความเคียดแค้น ไม่คิดว่าศัตรูที่ฆ่าอาจารย์จะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แต่ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงสาวก็หม่นหมอง เธอรับรู้มาสักพักแล้วว่าเหนือฟ้าถูกจับตัวไป แต่เธอก็ทำได้แค่ภาวนาให้เด็กสาวปลอดภัย โดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
แน่นอนว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่เหนือภพต้องการ หากเธอหยิบยืมกำลังคนไร้พรสวรรค์ ก็ย่อมมีความสามารถมากพอที่จะงัดข้อกับกองทัพสี่เหล่าทัพ แต่ว่านั่นไม่เป็นผลดี และยังไม่มีเหตุผลมากพอที่พวกเขาจะเปิดศึกกับราชวงศ์ในเร็ววันนี้
ดีไม่ดีคนจำนวนมากอาจต้องมาล้มตาย เพียงเพื่อช่วยเด็กสาวผู้มีพรสวรรค์เพียงคนเดียว มันไม่คุ้มค่าและยากที่จะโน้มน้าวใจคนหมู่มาก ดังนั้นข้อเสนอเรื่องจุดยืนของเหนือภพ พวกเขาจึงไม่เคยสนใจ
ส่วนตัวเธอเอง ก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แทบจะไม่มีอะไรไปงัดข้อกับคนทั้งกองทัพ ได้ แต่เธอก็พยายามส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ เธอขอให้พี่ทานธรรมช่วย แต่สถานะของพี่ทานธรรมที่ถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลานั้นยากลำบากนัก หากทำอะไรที่ส่อถึงความเป็นกบฏแม้เพียงนิดก็จะถูกฆ่า
และแม้ว่าวัฏจักร นักฆ่าที่ทุกคนเกรงขาม ผู้เป็นศิษย์น้องของทานธรรมและศิษย์พี่ของเหนือภพ ได้อาสานำคนไปบุกช่วยเหลือเหนือฟ้า แต่ข่าวล่าสุดที่เธอได้รับคือคนของวัฏจักรถูกฆ่าตายจนเกือบหมด ไม่เว้นแม้แต่ที่ทำการหอโลหิตใหญ่ที่อยู่นอกเมืองหลวงอมตะ ก็ถูกกวาดล้างเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับผู้ที่มีใจคิดกบฏ จวบจนตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าวัฏจักรเป็นเช่นไร ปลอดภัยหรือไม่
พราวจันทร์เดินวนไปวนมาในห้อง ราวกับหนูติดจั่น ขณะเดียวกันนั้นองค์ชายรองชัยธวัช ก็กลับมาถึงตำหนัก
“น้องหญิง ข้ากลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าปริศนาที่เจ้าช่วยข้าไขเมื่อคราวก่อนจะช่วยข้าได้เยอะเลย อีกไม่นานก็คงสำเร็จ ข้าจะได้มีเวลาว่างมาอยู่กับเจ้ามากขึ้น”
“สำเร็จก็ดีแล้วค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงเรียบ เธอไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่นัก ถึงจะรู้ว่าชัยธวัชกำลังพูดถึงกองกำลังวิหคอมตะ ซึ่งเป้าหมายภารกิจของเธอคือต้องตามหาที่ซ่อนของกองกำลังนี้ แม้จะใกล้ความจริงเข้าไปทุกที แต่ตอนนี้เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น
ชัยธวัชรับรู้ได้ว่าชายาของตนกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี เขาจึงดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน
“เจ้ามีอะไรไม่สบายใจ ถ้าเป็นเรื่องที่ข้าให้เจ้าใช้ตำราจอมปราชญ์บ่อย ๆ ข้าก็ขอโทษด้วย ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ ว่าข้ากำลังจะทำอะไร หวังว่าเจ้าจะให้ข้าทำสิ่งอื่นเพื่อไถ่โทษ”
พราวจันทร์ยิ้ม พลางส่ายหน้าเบา ๆ
“ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลเพียงนั้น อะไรที่ข้าช่วยท่านได้ ข้าล้วนยอมทั้งสิ้น แต่ที่ข้ากังวลใจ คือน้องสาวที่รักของข้าถูกจับตัวไป”
“เหนือฟ้างั้นหรือ”
ชัยธวัชก้มมองหญิงสาวนิ่ง เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเหนือภพกับชายาของเขาเป็นอย่างดี และเหนือฟ้าก็เป็นน้องสาวของเหนือภพ พวกนางย่อมมีความคุ้นเคยกันดี ดังนั้นหากจะนับพี่นับน้องกันไม่แปลก
พราวจันทร์พยักหน้าตามตรง เมื่อชัยธวัชเห็นเช่นนั้นก็จับไหล่ขาวเนียนของพราวจันทร์ ดันออกเล็กน้อย เพื่อให้มองสบตากันได้ถนัด
“อืม เจ้าอยากช่วยนาง ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะหาทางช่วยให้เหนือฟ้าหนีรอดออกจากแคว้นอมตะไปได้อย่างปลอดภัยก็แล้วกัน”
พราวจันทร์เบิกตากว้าง ราวกระต่ายตกใจ
“ท่านพี่ ! ท่านทำเช่นนี้ องค์เจ้าแคว้นจะไม่ตำหนิท่านงั้นหรือ”
“ถ้าทำให้รอยยิ้มของชายาข้ากลับมาได้ ต่อให้ข้าทิ้งชีวิตนี้ ข้าก็จะทำ”
ชัยธวัชยิ้มอย่างพึงพอใจ เขารู้ว่าเรื่องสำคัญมาก อาจมีผลสั่นคลอนตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ได้เลยทีเดียว แต่เขาไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำแม้แต่น้อย เพราะเขาไม่เคยสนใจบัลลังก์ สนใจเพียงคนที่อยู่อ้อมแขนเขาเท่านั้น
ขณะที่พราวจันทร์โผเข้าไปกอดสวามีอย่างตื้นตันใจ แล้วน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ในใจของพราวจันทร์บังเกิดความรู้สึกซับซ้อน ขณะกระชับแขนโอบกอดผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตามกฎหมาย ผู้ชายที่เธอไม่เคยเข้าหาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทว่าเขากลับให้อภัยเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังทะนุถนอมเอาใจเธอด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
แววตาของพราวจันทร์หม่นเศร้า คละเคล้าไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวาน
‘ท่านดีกับข้าถึงเพียงนี้ ส่วนข้าก็เอาแต่สร้างความลำบากให้ท่าน แล้วเช่นนี้ข้าจะทรยศท่านได้อย่างไร’