ตอนที่ 11 ร่างกายอ่อนเเอ
ค่าส่วนกลางใช่ไหม!? ได้!! ในเมื่อได้เงินไปเเล้ว…เธอก็ต้องใช้งานมันให้เต็มที่ใช่ไหม?
ดังนั้นทันทีที่คุยกับพนักงานของหมู่บ้านเสร็จ จางเสี่ยวก็ไปเปลี่ยนชุดและเดินออกมานอกบ้านทันที จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม จางเสี่ยวพบว่าส่วนกลางของหมู่บ้านนี้มีหลายประเภท
ตั้งแต่ฟิตเนส สระว่ายน้ำ โรงยิม และห้องสมุด ทุกอย่างเหมือนจะเลิศหรู และสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด แต่ติดที่ว่าของร่างเดิมนั้นไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลย
เธอได้แต่เสียค่าส่วนกลางและนั่งงมอยู่ที่บ้านเท่านั้น!
แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ! จางเสี่ยวคนใหม่คนนี้ เมื่อจ่ายไปแล้ว เธอก็ต้องทำมันให้คุ้มค่าสิ จางเสี่ยวตัดสินใจเดินตรงไปที่โรงยิมก่อน
โรงยิมตั้งอยู่หลังหมู่บ้าน มันคล้ายโดมขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์กีฬาเกือบครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแบดมินตัน วอลเลย์บอล และอื่นๆ
และในตอนนี้โรงยิมนั้นมีคนในหมู่บ้านราว 20 คนที่กำลังเล่นกีฬาของตนเองอยู่
พอได้เห็นคนกำลังเล่นกีฬาเยอะขนาดนี้แล้วจางเสี่ยวก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที
ในใจก็คิดคำนวณ คนในหมู่บ้านนี้มีราวๆ 3000 คน เก็บบ้านละ 10 หยวน ได้แค่นี้เองเหรอ!?
ในภาพของจางเสี่ยวกำลังคิดถึงโรงยิมมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเคยเรียนอยู่ มันควรจะมีอะไรที่มากกว่านี้อีกเยอะ….เเต่ก็…เธอควรควรเล่นดูก่อน
จางเสี่ยวไม่รอช้า เธอหยิบวอลเลย์บอลออกมา แล้วเริ่มเล่นทันที... โดยที่เธอไม่รู้เลยในขณะที่เธอกำลังเล่นอยู่นั้น ก็มีพนักงานสาวคนเดิมนั้นกำลังยืนมองเธออยู่
“นี่คุณหลัน นั่นคือคุณจางที่อยู่บล็อกAใช่ไหม ไม่เคยเห็นเลยนะทำไมเธอถึงมาเล่นที่โรงยิมแบบนี้ล่ะ!?” พนักงานประจำโรงยิมคนหนึ่งกล่าวขึ้นเธอรู้ว่าคุณจางเกลียดกีฬาเเบบนี้มาก
พนักงานสาวหัวเราะจากนั้นก็รีบตอบทันที “เพราะฉันไปเก็บค่าส่วนกลางเธอเพิ่มน่ะสิ เลยทำให้เธอมาอยู่ที่นี่ละมั้ง”
“เอาจริงดิแค่ 10 หยวนเนี่ยนะ?” ยังไงเธอก็เป็นพนักงานที่อยู่ได้ด้วยเงินของคนเช่า ดังนั้นมันคงจะไม่ดีถ้าเธอจะนินทาเจ้านาย เธอจึงพยายามเลี่ยง พูดสั้นพูดน้อยยังดีกว่าการที่พูดมาก….
ตรงข้ามกับพนักงานสาว เธอหัวเราะนิดหน่อยแล้วก็บอกว่า
“ก็ดี อย่างน้อยคุณจางอะไรนั่นจะไม่ได้เสียเงินเปล่าและคราวหน้าพนักงานอย่างฉันจะได้เก็บค่าส่วนกลางจากคุณจางบล็อก A มากขึ้นอีกสักหน่อย เพราะเธอใช้ส่วนกลางเยอะ!” พนักงานไม่ได้โกรธหญิงสาวที่ประชดด้วยการรีบมาเล่นที่ส่วนกลาง ตรงกันข้ามเธอกลับชอบใจซะอีกที่หญิงสาวรู้จักใช้สิทธิ์ของตัวเองบ้าฃ
แล้วก็คุ้มค่าอย่างที่คิด จางเสี่ยวเล่นไปพักใหญ่จนเหงื่อท่วมโทรมกาย
เธอถึงได้รู้ว่าร่างนี้….อ่อนแอซะเหลือเกินว่างๆ เธอจะต้องหาวิธีการฝึกฝนร่างกายให้กลับมาแข็งแรงดั่งเดิมให้ได้!
จางเสี่ยวไม่นึกเลยว่าผลจากการเล่นฟิตเนสเเละกีฬาทั้งวันจะทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยอ่อน
เมื่อเหนื่อยมากๆเข้าเธอก็นอนหลับ แล้วก็หมดสติไปทั้งคืน
จนกระทั่งรุ่งเช้า เธอได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านดังลั่น จางเสี่ยวก็รีบลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเอง เธอก็รีบวิ่งออกไปนอกบ้านและไปดูว่าคนไร้มารยาทที่มากดกริ่งตั้งแต่เช้านั้นมันคือใครหน้าไหนกันเเน่
ผู้ที่มานั้นคือบุรุษในชุดสีดำทมิฬ พวกเขาคือทหารสังกัดประชาราษฎร์ มีหน้าที่ติดตามคดีความของชาวบ้านทุกรายและรักษาความสงบในเมือง
แต่ว่างานของเขาที่มาในครั้งนี้ไม่ใช่การจัดการเรื่องความสงบหรือติดตามผู้ร้ายแต่อย่างใด พวกเขามาเพราะเรื่องผู้ต้องหาในคดีทอดทิ้งเด็กไม่มาขึ้นศาลตามวันเวลาที่ได้นัดหมายไว้
พวกเขาสงสัยว่าแม่ของเด็กอาจจะชิงหนีไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมาตรวจสอบให้แน่ใจ ถ้าเกิดเธอหนีไปจริงๆ พวกเขาจะได้ตามจับพร้อมปรับเงินเป็น 2 เท่า
ในขณะที่พวกเขากำลังยืนกดกริ่งอยู่นั้นเอง จางเสี่ยวก็ทะเล่อทะล่าถีบประตูวิ่งออกมา
ชุดของจางเสี่ยวนั้นหลุดลุ่ยเพราะเมื่อคืนนั้นนอนละเมอ ใบหน้าเต็มไปด้วยเศษของแกงกระหรี่และลิปสติกที่เหลือเพียงครึ่งเดียวบนริมฝีปาก
ตอนเช้าที่ควรมีใบหน้าเเจ่มใส เเต่สำหรับจางเสี่ยวที่มีใบหน้าและริมฝีปากที่เป็นแบบนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่คนอื่นจะมองมาทางเธอด้วยความตกใจ
นานพักใหญ่กว่าตำรวจคนนั้นจะเริ่มหลุดออกจากภวังค์ จากนั้นเขานึกได้ว่าตัวเองมาทำอะไรกันแน่ เขาก็อายเล็กน้อยและกล่าวกับจางเสี่ยวอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับคุณจาง คุณได้รับหมายศาลแล้วใช่ไหม พวกเรามาตามคุณไปขึ้นศาลเนื่องจากเมื่อวานนี้คุณไม่ยอมมา ดังนั้นวันนี้พวกเราจะอยู่รอคุณและพาคุณไปขึ้นศาลเดี๋ยวนี้เลย”
จางเสี่ยวไม่นึกเลยว่าผลจากการผิดนัด จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอได้แต่หัวเราะแล้วบอกว่า
“รอสักครู่นะคะ ฉันขออนุญาตไปเตรียมตัวก่อน”
จางเสี่ยวเข้าไปในห้องน้ำแล้วอาบน้ำ จากนั้นก็เลือกชุดไหนสักชุดนึงที่ดูเรียบร้อยมาใส่ เเล้วก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 คน
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพูดกับจางเสี่ยวด้วยวาจาที่ดีแต่ลึกๆแล้วพวกเขาก็ดูถูกผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบและทิ้งลูกของตัวเอง ศาลเรียกให้ไปพบเพื่อเจรจาเรื่องการเลี้ยงลูกเธอก็ไม่ไป ถ้าพวกเขาไม่มาตาม พวกเขาก็เดาได้ว่าจางเสี่ยวคนนี้อาจจะเบี้ยวและหนีไปเหมือนอาชญากรคนอื่นๆ
ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ทายผิด
ไม่ใช่ว่าจางเสี่ยวจะเป็นคนที่ไม่ดี เเต่เธอเเค่ไม่อยากยุ่ง…เเละอยากจะสุขสบาย
จางเสี่ยวตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอย่างเงียบๆ และหลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที รถตำรวจก็พาเธอมาถึงศาลเยาวชน
จางเสี่ยวมองไปยังศาลเบื้องหน้า ไม่ว่าจะในชีวิตไหนจางเสี่ยวก็ไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน และทันทีที่ได้มาเกิดใหม่ในโลกนี้ไม่ถึง 2 วันเธอก็ได้ขึ้นศาลทันทีมันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่เธอไม่อยากจะเจออีกเป็นครั้งที่ 2
จางเสี่ยวเข้าไปในศาลพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูเหมือนทั้งศาลจะเตรียมการมาเพื่อต้อนรับเธอเพียงคนเดียว
จางเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆ จากนั้นก็ไปนั่งที่นั่งของจำเลย
พิธีการของศาลนั้นไม่ยุ่งยากมากอะไร เขาแค่ถามว่าเธอประสงค์จะเอาลูกกลับไปเลี้ยงหรือไม่
แน่นอนว่าจางเสี่ยวตอบตกลงทันทีเธอไม่มีเงินจะเสียค่าปรับ ดังนั้นการเอาเด็กไปเลี้ยงจนเป็นทางออกสุดท้าย
“ศาลที่เคารพ ฉันยินดีที่จะเอาลูกชายของฉัน จูล่งไปเลี้ยงด้วยตัวเองค่ะ”
จางเสี่ยวตอบแบบสำรวม ทั้งที่จริงๆแล้วเธอลอบกำหมัดแน่น ในใจก็ก่นด่าเจ้าของร่างเดิมไปไม่รู้ต้องเท่าไหร่เเล้ว
“งั้นก็ดี ถือว่าจำเลยจางเสี่ยวยินยอมแล้ว ทางศาลจะออกใบอนุญาตให้คุณไปรับลูกกลับมา เด็กคนนั้นอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กชั่วคราวที่อยู่ในชนบท คุณกรุณาคือใบนี้แล้วไปรับเขากลับมาได้ภายใน 3 วัน ถ้าคุณยังไม่ไปรับเขา ทางเราจะส่งเขาไปให้คุณเองพร้อมค่าปรับอีก 10,000 หยวน”
จางเสี่ยวได้ยินคำพูดของผู้พิพากษา เธอก็รีบพยักหน้าทันทีเหมือนไก่กำลังจิกข้าวเปลือก อย่างอื่นเธอไม่กลัว เธอกลัวแค่เสียเงินอย่างเดียว
ไม่ว่าพรุ่งนี้ฝนตกแดดออกหรือโลกเข้าสู่ยุควิกฤติวันสิ้นโลกอย่างไรเธอก็จะไปเอาลูกชายกลับมาเลี้ยงทันที
ทันทีที่พูดจบเธอก็ได้รับเอกสารมาและเซ็นสัญญายินยอมว่าตัวเองจะเป็นผู้ปกครองของเด็กแต่เพียงผู้เดียว