Chapter 108:กลุ่มผู้ประท้วง
รวมกลุ่มประท้วงงั้นเหรอ?
เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้ว ทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง มันก็มีคนงานมาประท้วงซะแล้ว นี่มันไม่ใช่ข่าวที่ดีเลย
“ฉันจะไปดูซักหน่อย”
เสี่ยวหลัวยืนขึ้น แล้วเดินไปที่โรงงาน ตามหลัง รองผู้จัดการ สวี่ กว่างซ่ง ไป
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็รู้เกี่ยวกับเรื่องการประท้วงและการหยุดงานของเหล่าคนงาน
"ไปกันไปดูกันเถอะ"
ซู หยุนเชียง รู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจ ทันทีที่เสี่ยวหลัวนั่งเก้าอี้ประธาน เขาก็ประสบเข้ากับปัญหาที่ยากลำบากเข้าซะแล้ว ซู หยุนเชียง เขาต้องการที่จะดูว่าเสี่ยวหลัว เขาจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
ในขณะเดียวกันหัวหน้าแผนกต่างๆ ก็เริ่มหลั่งไหลกันเข้ามาในโรงงาน
เมื่อเสี่ยวหลัว มาถึงท่าเรือขนส่งสินค้าที่อยู่ข้างๆกับโรงงาน มันก็มีผู้ประท้วงรวมตัวกันมากกว่า 500 คน คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นพนักงานแถวหน้า เสียงการประท้วงของพวกเขาดังสะท้อนก้องไปทั่วโรงงานขนาดใหญ่แห่งนี้
"คุณเสี่ยวหลัวมาแล้ว พวกคุณมีอะไรจะพูดกับเขาก็พูดมา!"
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยรักษาความสงบรู้สึกโล่งใจ และตะโกนเสียงดังเมื่อเขาเห็นว่าเสี่ยวหลัวได้มาถึงแล้ว
เสี่ยวหลัวเดินไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างของเข้าไขว้ไว้ที่ด้านหลัง สายตาที่แหลมคมของเขาจ้องมองลงไปที่ฝูงชนที่กำลังประท้วงกันอยู่ ทันใดนั้น มันก็มีแรงกดดันที่มองไม่เห็นบางอย่างกระแทกลงมาในหัวใจของทุกคน มันทำให้พวกเขารู้สึกหนักอึ้ง อย่างกับพวกเขาแบกภูเขาขนาดใหญ่เอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นเสียงของการประท้วงที่ดุเดือดก็หยุดลงในทันที
สวี่ กว่างซ่ง และหัวหน้าแผนกคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนที่เผชิญหน้ากับแรงกดดันโดยตรง แต่พวกเขาก็รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ความเครียดที่มองไม่เห็นมันไม่อาจอธิบายได้ แต่มันก็มีอยู่จริง
สายตาของเสี่ยวหลัว กวาดมองทุกคนจากซ้ายไปขวา จากนั้นเขาถามว่า“ทำไมพวกคุณถึงได้ประท้วงกัน?”
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาของเขา มันไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าตอนนี้เขากำลังมีความสุขหรือโกรธอยู่
คนงานมองหน้ากัน ในที่สุดมันก็มีชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าก้าวเดินออกมา เขาเป็นชายที่มีลักษณ์รูปร่างที่น่าเกลียด เขามีปากเล็กแหลมและแก้มเหมือนลิง เขาพูดว่า“ฉันได้ยินมาว่า บริษัท หลัวฝาง มีประธานคนใหม่ ดังนั้นพวกเราจึงมาที่นี่เพื่อมาดู”
“ดู? อยากดูก็ดูสิ! ฉันกำลังยืนอยู่ที่นี่ตอนนี้ ทุกคนเห็นฉันใช่ไหม เมื่อดูจนพอแล้วพวกคุณก็กลับไปทำหน้าที่ของพวกคุณได้แล้ว และอย่ามารบกวนการดำเนินงานของ บริษัท” เสี่ยวหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คนที่มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิงเยาะเย้ย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในขณะที่เขาพูดว่า "คุณจะปฏิเสธพวกเราอย่างนั้นใช่ไหม คุณเสี่ยว พวกเราทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่า พวกเรารู้สึกว่าความพยายามของเรามันไม่สมกับค่าจ้างของพวกเรา พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะขอค้าจ้างเพิ่ม ฉันพูดถูกไหมทุกคน?”
"ใช่!"
ทั้ง 500 คน ตะโกนเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง
"พวกเราสร้างรายได้เป็นเงินกว่าหลายร้อยล้านหยวน ให้กับ บริษัท ในทุกๆปี แล้วทำไมพวกเราถึงจะต้องได้รับเงินเหมือนกับเป็นพวกขอทานแบบนี้ด้วย?" เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง มันทำให้คนงานยกกำปั้นขึ้นพร้อมกันเพื่อสนับสนุนคำพูดนี้
ชู หยุนเชียง ขมวดคิ้วและพูดพึมพำกับตัวเองว่า: "นี่เป็นปัญหาใหญ่ของเสี่ยวหลัว งบประมาณทางการเงินของ หลัวฝาง เกือบจะถึงจุดที่ต่ำที่สุดแล้ว การประท้วงแบบนี้มันคงจะทำให้เขาปวดหัวมากแน่”
จี เซินเจิ้น พูดว่า“แน่นอนอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าคนงานเหล่านี้กำลังใช้ประโยชน์จากการที่เปลี่ยนประธานคนใหม่ ทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถคิดได้ว่าถ้า หลัวฝาง พังทลายลง พวกเขาก็จะเป็นพวกว่างงาน กันนะ”
“เรื่องแบบนี้มันไม่สามารถคิดแบบนั้นได้!”
ซู หยุนเชียง ทำพียงยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เขาอยากรู้ว่าเสี่ยวหลัวจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร การประท้วงของคนงานเหล่านี้ มันอาจจะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่พวกเขาแสดงออกมาก็ได้
ผู้คนตายเพื่อเงินและนกตายเพื่ออาหาร ภายใต้การชักจูงของใครบางคน มันก็ทำให้พวกคนงานเหล่านี้ถูกครอบงำโดยเงินแล้ว
"หุบปาก!" หลิน เฉาตง หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ตวาดออกมาด้วยความโกรธ “เงินเดือนน้อยงั้นเหรอ? เมื่อรวมกับ OT และโบนัสแล้ว มากกว่าครึ่งหนึ่งของพวกคุณก็ได้รับเงินเดือนมากกว่า 5,000 หยวน ต่อเดือน แม้แต่พวกที่ได้รับเงินเดือนน้อยที่สุดในบรรดาพวกคุณ ก็มีรายได้ประมาณ 3,500 หยวนต่อเดือน ตอนนี้บริษัท กำลังประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้จัดการร้านค้าของเราหลายคนได้รับเงินเดือน 5,000 ถึง 6,000 หยวน ต่อเดือนเท่านั้น และคุณบอกฉันว่าคุณได้รับค่าจ้างต่ำกว่าความเป็นจริงอีกงั้นเหรอ พวกคุณยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่หรือเปล่า?”
“ทำไมคุณถึงไม่พูดถึงช่วงเวลาเหล่านั้น เมื่อตอนที่พวกเขาได้รับเงินเดือน 20,000 ถึง 30,000 หยวน? ที่บริษัท ไปถึงจุดนั้นได้ มันก็เป็นเพราะว่า พนักงานระดับล่าง อย่างพวกเราต่างหาก แล้วทำไมพวกเราถึงไม่สมควรที่จะได้รับเงินเดือนเพิ่ม!”
"แล้วตอนที่พวกเราทำงานอย่างหนักเพื่อ บริษัท และทำงานล่วงเวลาทุกวัน ทำไมคุณถึงไม่พูดอย่างนั้นบ้าง?"
“หลัวฝาง มันเกือบจะไปไม่รอดแล้วในตอนนี้ และฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะปิดตัวลงในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า ถ้าฉันไม่ขอค่าจ้างเพิ่มเติมในวันนี้แล้วจะให้ฉันไปขอเพิ่มในวันไหน?”
ภายใต้ความโกรธกลุ่มคนก็ตะโกนเสียงดังขึ้น
ใบหน้าของ หลิน เฉาตง เปลี่ยนไปเป็นสีแดง ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ
เสี่ยวหลัวรู้สึกโกรธเล็กน้อยและรู้สึกตลกขบขันอยู่นิดหน่อย คนเหล่านี้เป็นพวกที่ถูกชักจูงได้ง่ายซะจริง
เขาโบกมือแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า“เมื่อพวกคุณพูดมาอย่างนั้น งั้นฉันขอถามพวกคุณซักสองสามข้อได้ไหม”
เมื่อเห็นความสุภาพของประธานหนุ่มคนใหม่ พวกเขาหลายคนก็รู้สึกได้ถึงความกล้าหาญขึ้นมาในทันที พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นผู้มาใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสังคมธุรกิจและมีประสบการณ์น้อย พวกเขาเลยไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว
“ในเมื่อคุณเสี่ยว สุภาพกับพวกเรา พวกเราที่เป็นพนักงานก็จะไม่ทำให้คุณเสี่ยวเห็นว่าพวกเราไม่มีมารยาท! ชายที่มีปากเล็กแหลมและแก้มเหมือนลิง ยืนขึ้นและตะโกนใส่ทุกคน เห็นได้ชัดว่าเขาคนนี้คือผู้นำของการประท้วงนี้
"ใช่!" คนงานตะโกนเสียงดังก้อง
เสี่ยวหลัวมองไปที่ผู้ชายคนนั้นแล้วถามว่า“คุณมีหน้าที่อะไร? ฐานเงินเดือนและโบนัสรายเดือนของคุณคือเท่าไหร่?”
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ชายคนนั้นจึงไม่ได้โกหก เขาตอบไปตามความจริง“ฉันเป็นหัวหน้าทีมเล็กๆ ฉันได้รับฐานเงินเดือน 3,500 หยวนกับโบนัสรายเดือนที่ 2,000 หยวน เมื่อทำ OT ด้วยฉันก็จะได้รับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 6,500 หยวนต่อเดือน นี่เป็นเงินที่ฉันได้รับมาจากหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของฉัน คุณมีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า คุณเสี่ยว”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากรู้” จากนั้นเสี่ยวหลัว ก็ไขว้แขนไว้ที่ด้านหลังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ต่อไปคุณบอกฉันได้ไหมว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับที่คุณในโรงงานแห่งอื่น ได้รับเงินเดือนและโบนัสเท่าไหร่”
ใบหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เขาเคยทำงานที่โรงงานอื่นมาก่อน แม้จะรวมถึงค่าธรรมเนียมการทำงานล่วงเวลาและโบนัส เงินเดือน มันก็ยังอยู่ห่างไกลจาก 6,500 หยวน มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่มาทำงานที่ หลัวฝาง แห่งนี้ และทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นหัวหน้าทีมเช่นนี้”
เขาพูดอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน“ฉันไม่รู้เกี่ยวกับโรงงานแห่งอื่น แต่ฉันรู้เรื่อง Taste Buds ผู้คนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับฉัน มีรายได้มากกว่า 500-600 หยวน มันมากกว่าที่เราได้รับจากที่โรงงานของ หลัวฝาง”
“หืม มันมีปัญหาจริงๆ!” คำตอบของเสี่ยวหลัวยังคงราบเรียบ เขาหันไปมองพนักงานตัวเล็กที่อยู่ในฝูงชน พร้อมกับชี้ไปที่เขาด้วยนิ้วของเขาและพูดว่า“บอกตำแหน่งของคุณ ฐานเงินเดือนและโบนัสของคุณมาให้ฉันฟังหน่อยสิ”
เมื่อเห็นว่าทุกคนหันมามองเขาชายคนนั้นก็รู้สึกประหม่าทันที เขาพูดติดอ่างว่า“ฉันเป็นพนักงานประจำ เงินเดือนพื้นฐานของฉันคือ 2,600 หยวน เมื่อรวมกับเงินโบนัสและ OT แล้ว เงินเดือนต่อเดือนของฉันจะอยู่ที่ประมาณ 4,500 หยวน”
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าคนงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับคุณที่โรงงานแห่งอื่น มีรายได้เท่าไหร่ ดวงตาของเสี่ยวหลัวเย็นชาประดุจสัตว์ร้ายที่จ้องมองเหยื่อ
ชายคนนั้นตัวสั่นเทา เขาไม่กล้าที่จะสบตากับเสี่ยวหลัวโดยตรง เขาตอบว่า“ฐานเงินเดือนของโรงงานอื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 2,200-2,400 หยวน ต่อเดือน แต่เมื่อรวมกับเงินโบนัสและอื่นๆ มันก็น่าจะไม่มากไปกว่า 3,500 หยวน ต่อเดือน”
"กล่าวคือเงินเดือนของเราใน หลัวฝาง นั้นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าโรงงานอื่นๆ แต่ในทางกลับกัน มันกลับสูงกว่าของพวกเขามากใช่ไหม?" เสี่ยวหลัว พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำที่ล่ะประโยค
ชายคนนั้นรู้สึกอับอายและตอบกลับมาว่า“ ชะ …ใช่…”
"ฮ่าฮ่า ... " เสี่ยวหลัว หัวเราะ พร้อมกับกระแทกมือของเขาลงไปที่รั้วเหล็กสแตนเลสของสถานีขนส่ง ด้วยแรงอันมหาศาลของเขา มันทำให้รางเหล็กสั่นสะเทือน เขาจ้องมองไปที่พนักงานด้านล่าง ที่ตกใจและถามพวกเขาต่อไปว่า“ผลประโยชน์ที่เรามอบให้คุณ มีค่าน้อยกว่าความพยายามของคุณงั้นเหรอ?”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่คนงานที่อยู่ด้านล่างพร้อมกับกล่าวว่า“การดำเนินงานของ หลังฝาง ในตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่อยากที่จะทำงานกับพวกเรา แต่ทำไมพวกคุณถึงดูถูกบริษัทแบบนี้? พวกคุณอ้างว่าบริษัท หลัวฝาง กำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้านี้ใช่ไหม! ในกรณีนี้ฉันอยากจะถามพวกคุณทั้งหมดว่า: เนื่องจากพวกคุณรู้สึกว่า บริษัท กำลังจะล่มสลาย แล้วทำไมพวกคุณถึงยังไม่ออกไป? ทำไมพวกคุณทุกคนถึงยังอยู่ที่นี่? ในฐานะมนุษย์พวกคุณควรจะเรียนรู้ที่จะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีใช่ไหม!”
คำพูดของเขาดังกังวานอยู่ในใจของพนักงานหลายคน ด้วยคำพูดนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจและอับอาย ในความเป็นจริงหัวใจของพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่หลัวฝาง แต่มันเป็นเพราะว่าพวกเขาถูกคนชักจูง มันจึงทำให้พวกเขาออกมาประท้วงเช่นนี้