Chapter 104: ยัยน้องโง่เอ้ย
“พี่ชายพี่กับ ยู้ยู้ เป็นยังไงบ้าง? มีอะไรที่โรแมนติกเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเราจากไปหรือเปล่า” เสี่ยวรุ่ยอิง ถามด้วยความคาดหวัง
เสี่ยวหลัวมองกลับไปที่น้องสาวของเขาแล้วตอบว่า“ในหัวของเธอวันๆเอาแต่คิดเรื่องอะไรอยู่เนี้ย ไม่ใช่ว่าเธอได้รับอิทธิพลที่ไม่ดีมาจาก จาง ซูซาน หรอกนะ”
ทันทีที่ จาง ซูซาน ได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว เขาก็พูดขึ้นมาในทันที“ให้ตายเถอะ! ฉันอยู่เฉยๆยังจะโดนหางเลขอีก 'อิทธิพลทีไม่ดี' อะไร หากใครมีอิทธิพลไม่ดีก็ต้องเป็น ถังเหริน น้องเขยของแกต่างหาก ที่เป็นอิทธิพลไม่ดี”
“เฮ้ เรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ” ถังเหริน พูดออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นพร้อมกับทำหน้าไร้เดียงสา
“ไอเด็กเหลือขอ! หยุดพยายามทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ได้แล้ว ฉันเคยเห็นแกและหลัวเหม่ย กอดจูบกันในห้าง! แกมันไม่น่าไว้วางใจอย่างสมบูรณ์ แกเคยคิดบ้างไหมว่าหลอดไฟสามร้อยวัตต์คนนี้รู้สึกอย่างไร” จาง ซูซาน ตะโกนขณะมองดูเงาสะท้อนของ ถังเหริน ในกระจกมองหลัง
“จางหน้าใหญ่ คุณกำลังพูดเรื่องอะไร กลิ่นปากคุณเหม็นมาก! เอาเดนทีนไปเคี้ยวก่อนไหม” เสี่ยรุ่ยอิง พูดขณะที่จองมองไปที่ จาง ซูซาน เขม็ง
เดนทีน?
เสี่ยวหลัวหัวเราะ เขาคิดว่าน้องสาวของเขากำลังพยามติดสินบน จาง ซูซาน ให้หุบปาก โดยหมากฝรั่งหนึ่งกล่องเนี้ยนะ
จาง ซูซาน กลอกตาของเขาแล้วพูดว่า“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่า เธอกำลังทำอะไร เธอให้ฉันไม่ใช่เพราะว่าฉันปากเหม็นหรอกใช่ไหม”
“ถ้าคุณไม่อยากได้ ก็ไม่ต้องเอา” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดพร้อมยื่นมือที่ถือหมากฝรั่งของเธอกลับ
จาง ซูซาน กลืนความภาคภูมิใจของเขาลงไปในทันทีและพูดว่า“ฉันแค่ล้อเล่นหน่า อย่าจริงจังเลย”
“หึ!” เสี่ยวรุ่ยอิง ทำเสียงฮึดฮัดและไม่สนใจเขา จากนั้นเธอก็หยิบถุงกระดาษออกมาจากใต้ที่นั่งของเธอ เธอมอบมันให้กับเสี่ยวหลัว พร้อมกับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ“พี่ชาย หนูซื้อสิ่งนี้ให้พี่”
“ซื้ออะไร?” เสี่ยวหลัว รับถุงมา
“เสื้อกันหนาวสเวตเตอร์! อากาศกำลังเย็นลง หนูไม่ต้องการให้พี่ชายของหนูเป็นหวัด” เสี่ยวรุ่ยอิง พูด
เสี่ยวหลัวหยิบมันออกมาแล้วเห็นว่ามันเป็นสไตล์ที่เหมาะกับเขามาก เสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ที่บริเวณหน้าอกถูกพิมพ์ด้วยภาพทิวทัศน์ พื้นผิวนั้นดีและนุ่มสลวยผิวสัมผัสของมันก็ดีมาก
จากนั้นเสี่ยวหลัว ก็ถามว่า“เสื้อแบบนี้มันแพงมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
“มันไม่ได้แพงมากนัก ไม่ว่าจะราคาแพงแค่ไหนเสื้อผ้าของผู้ชายก็จะถูกกว่าผู้หญิงเสมอ” เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย“เสื้อสเวตเตอร์ตัวนี้พี่สามารถใส่ทั้งด้านในและด้านนอกได้ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นการดีกว่าที่พี่จะไม่ซักเอง หากสกปรกพี่ก็นำไปให้ร้านซักรีดจะดีกว่า ด้วยวิธีนี้มันก็จะไม่เกิดความเสียหายกับเนื้อผ้า และพี่ก็จะสามารถสวมใส่มันได้เป็นเวลานาน”
“ในอนาคตอย่าใช้เงินกับพี่มากเลย พี่สามารถหาของเองได้ เธอ และ ถังเหริน เพิ่งจะเริ่มสร้างครอบครัว ดังนั้นเธอควรจะประหยัดเงินของเธอ หากครอบครัวไม่มีเงินออมใดๆ มันจะเป็นเรื่องยากไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน” เสี่ยวหลัว พูดอย่างจริงจัง
“โอเค หนูเข้าใจแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่พี่กลายเป็นคนมีเกียรติเช่นเดียวกับพ่อกับแม่แบบนี้?” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดพร้อมกับมุ่ยปาก
เสี่ยวหลัวยังคงตอบไปตามตรงว่า“การที่พี่จู้จี้กับเธอ ก็เพราะว่าหวังดีกับเธอและถังเหริน ในเมื่อเธอแต่งงานไปแล้ว มันก็ถึงเวลาแล้วที่เธอจะหยุดความหัวแข็งของเธอ เธอควรที่จะมีความเข้าใจและความอดทนต่อกัน ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เธอควรเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ”
“พี่ชาย ผมจะฟังคำแนะนำของพี่ และใช้ชีวิตให้ดี”
ถังเหริน จับมือของ รุ่ยอิง เขามองภรรยาของเขาด้วยความรักและพูดว่า“ผมโชคดี ที่ได้แต่งงานกับรุ่ยอิง ดังนั้นผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ผมจะไม่ทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน”
“อืมม.”
เสี่ยวหลัวพยักหน้าและเงียบไป แม้ว่าเขาจะยังคงคิดว่าน้องสาวของเขายังไม่ได้บรรลุนิติภาวะ แต่เธอก็ต้องใช้ชีวิตของเธอกับ ถังเหริน และนั่นก็คือการเดินทางของเธอ และเขาก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้อีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขามาถึงที่พักของ ถังเหริน และ เสี่ยวรุ่ยอิง
“พี่ถ้าพี่มีความประทับใจที่ดีต่อ ยู้ยู้ พี่ต้องพยายามอย่างเต็มที่และทำมันให้ได้นะ พวกแพทย์ชายหลายคนที่โรงพยาบาลของเราแอบมองเธออยู่ หากพี่ไม่จับเธอเอาไว้ให้แน่น ไม่เช่นนั้นเธอก็จะหลุดออกไปจากมือของพี่แน่ๆ” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดเตือนเสี่ยวหลัวขณะที่ลงไปจากรถ
“ไม่ต้องกังวล พี่จะคว้าโอกาสนี้ไว้” เสี่ยวหลัว ตอบ
เสี่ยวรุ่ยอิง ชูกำปั้นของเธอให้กำลังใจเสี่ยวหลัว“พี่ชาย พี่เก่งที่สุด!”
... ...
เมื่อเหลือพวกเขาเพียงสองคนที่อยู่ในรถ จาง ซูซาน ก็พูดขึ้นมาในทันทีว่า “บอกความจริงกับฉันมา แกรู้สึกยังไงกับน้องซุนยู้?”
เสี่ยวหลัวมองออกไปที่วิวกลางคืนแล้วพูดว่า“ก็ไม่มีอะไร ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้นได้”
“สาวน้อยซุนยู้ คนนี้ไม่เลวเลย เธอดูสดใสและเรียบร้อย ฉันคิดว่าเธอเป็นสาวในอุดมคติสำหรับแก” จาง ซูซาน พูดพร้อมพยักหน้า
เสี่ยวหลัวหัวเราะและพยายามเปลี่ยนเรื่อง “น้องสาวของฉันใช้เงินไปเท่าไหร่ ในการซื้อเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ตัวนี้?”
“1,999” จาง ซูซาน ตอบในทันที
"อะไรนะ? 1,999 หยวน เลยงั้นเหรอ”
ดวงตาของ เสี่ยวหลัว เบิกกว้าง เขารู้ว่าเสื้อกันหนาวตัวนี้มันไม่ใช่ถูกๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าเสื้อกันหนาวตัวนี้ จะมีราคาเกือบสองพันหยวนแบบนี้ มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะใช้จ่ายเงิน แต่เขารู้สึกว่ามันหรูหราเกินไป เสื้อกันหนาวตัวนี้ราคาตั้ง 1,999 หยวน มันสิ้นเปลืองมากเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นเอง จาง ซูซาน ก็ตระหนักถึงอะไรบาอย่าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า "มันจบแล้ว หลัวเหม่ย บอกว่าไม่ให้ฉันพูดถึงราคาที่แท้จริง เธอพูดว่าตราบใดที่แกถามฉัน ให้ฉันบอกว่าเธอใช้เงินไปแค่ 100 หยวน อนิจจา…ทำไมฉันไม่สามารถควบคุมปากของฉันได้เลยฟระเนี้ย”
จาง ซูซาน รู้สึกเศร้ามาก เพราะเขาได้สาบานต่อหน้า เสี่ยวรุ่ยอิง ไปแล้วและมันก็เป็นคำสาบานที่เลวร้ายมาก ตราบใดที่เขาบอกราคาที่แท้จริงของเสื้อกันหนาวออกไป ปิกาจูของเขาก็จะถูกย่อให้สั้นลงหนึ่งเซนติเมตรต่อวันจนกว่าจะไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกเลย
“แท็กของเสื้อก็ยังอยู่ ฉันไม่เข้าใจเธอเลยว่าจะปิดบังไปทำไม ถึงแม้แกจะไม่บอกฉัน ฉันก็สามารถค้นหาราคาจากในออนไลน์ได้อยู่ดี เธอไม่สามารถซ่อนอะไรจากฉันได้เลย ยัยน้องโง่นี่ แกกับถังเหริน ก็อยู่ที่นั่น ทำไมแกถึงหยุดเธอไม่ได้” เสี่ยวหลัว พูด เขาต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมากมายในขณะที่เขาเติบโตขึ้น และเขาก็ไม่อยากที่จะเพลิดเพลินไปกับสินค้าฟุ่มเฟือยเช่นนี้
“ฉันจะหยุดเธอได้ยังไง ถังเหริน มันเชื่อฟังเธอ ต่อให้ฉันพูดออกไปเธอเคยฟังคำพูดของฉันซะที่ไหนหละ” จาง ซูซาน บ่นแล้วก็ปลอบเพื่อนของเขา“อย่าโกรธไปเลย เธอทำเพราะเธอใส่ใจแกในฐานะพี่ชาย เธอบอกว่าตู้เสื้อผ้าของแกเต็มไปด้วยเสื้อผ้าง่ายๆ ราคาหนึ่งร้อยสองร้อยหยวน พวกมันไม่มีอันที่คุณภาพดีเลย ดังนั้นเธอก็เลยซื้อมาให้แก เพื่อที่แกจะได้ดูดีขึ้น ถ้าแกสวมมัน มันมีคำพูดที่ว่า”คนพึ่งพาเสื้อผ้าและพระพุทธรูปพึ่งพาทองคำ“ไม่ว่าแกจะดูดีแค่ไหน แกก็ยังต้องใส่ชุดเสื้อผ้าที่มีสไตล์”
เสี่ยวหลัวถอนหายใจออกมา มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดอะไรในตอนนี้ ตั้งแต่ที่เธอซื้อเสื้อกันหนาวมา การขอรับเงินคืนมันก็ทำไม่ได้แล้ว
แต่ถึงกระนั้นเสี่ยวหลัวก็ยังรู้สึกไม่ดีสำหรับน้องสาวของเขา เงินเดือนของเธอมันก็ไม่ได้มากนัก ในทางกลับกัน ถังเหริน ก็ยังคงฝึกงานอยู่ และเขาก็มีรายได้น้อยกว่าภรรยาของเขา และพวกเขาสองคนก็ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจ่าย ตอนนี้พวกเขาใช้เงินสองพันหยวน ไปกับเสื้อขนสัตว์ตัวนี้ พวกเขาก็แทบที่จะไม่มีเงินเหลือพอ ที่จะใช้จ่ายกับตัวเองในช่วงที่เหลือของเดือนนี้เลยก็ได้
“ยัยน้องโง่เอ้ย!”
เสี่ยวหลัว เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ให้น้องสาวของเขามาใช้จ่าย และซื้ออะไรให้กับเขา แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในโลกนี้ก็คือ การที่เห็นน้องสาวของเขา เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน ได้ใช้จ่ายโดยไม่คิดอะไร และมีความสุขต่างหาก นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ