บทที่ 279
เสียงย้ำเท้าของทหารนับหมื่นนายก้าวเดินเข้ามาในหุบเขาอย่างช้าๆ ด้านบนเขามีกองกำลังของเหยียนอู่นับพันเช่นกันจ้องมองอยู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นก็มีทหารนายหนึ่งรีบพุ่งทะยานขึ้นมาบนเขารีบคุกเข่าต่อหน้าเหยียนอู่
“รายงานท่านเหยียนอู่ขอรับ หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์เนี่ยฟงให้ข้าน้อยมารายงาน ตอนนี้ที่เมืองฟงลี่เจียงมีทหารประจำการอยู่ไม่ถึงร้อย สงหยินจวินนำคนทั้งหมดมาบุกที่นี่ รบกวนท่านนำกำลังของท่านเข้าบุกยึดเมืองฟงลี่เจียงคืนนี้ขอรับ”
เหยียนอู่ถึงกับตื่นตกใจเช่นเดียวกับกองกำลังทหารด้านหลัง
“เจ้าแน่ใจอย่างนั้นรึ”
“หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ยังแจ้งอีกว่า หากยึดได้แล้วให้ปล้นสมบัติของสงหยินจวินมาให้หมดพร้อมกับเร่งออกจากเมืองก่อนรุ่งสาง และให้ทิ้งสัญลักษณ์ของอ๋องมู่เอาไว้ด้วยขอรับ”
เหยียนอู่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดี เอาละออกเดินทางกันเถอะ”
ทันทีที่กองกำลังทหารของเหยียนอู่เดินทัพออกไปอีกทางนายทหารผู้นั้นก็ถีบเท้าพุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้ากลายเป็นกิเลนอัสนีมุ่งหน้าติดตามกองกำลังของสงหยินจวินไป
ทางฝั่งของสงหยินจวินที่ตอนนี้ยกยิ้มนั่งอยู่บนหลังพยัคฆ์ตัวใหญ่สีขาวนำกองกำลังนับหมื่นบุกเข้ามา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าขันนัก เหมาหนานผู้ชาญฉลาดไม่คิดว่าจะโง่เขลาเช่นนี้”
ทหารข้างกายเอ่ยวาจาสอบถามด้วยความสงสัย
“ทำไมหรือขอรับท่านสงหยินจวิน”
“เจ้าลองคิดดูเถอะ มาตั้งค่ายในป่าลึกเช่นนี้ เจ้าจะทำอย่างไรที่จะจัดการพวกมันดีละ”
ทหารผู้นั้นครุ่นคิดอยู่นานถึงกับตื่นตกใจเอ่ยวาจาออกมา
“เพลิงพิฆาต”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แน่นอนข้าจะจุดไฟเผาพวกมันให้คนของเราเตรียมน้ำมันเอาไว้ให้พร้อม คืนนี้ข้าจะจุดไฟฉลองที่ค่ายของพวกมัน”
ชั่วน้ำเดือดก็มีกลิ่นของน้ำมันโชยมาตามลมสงหยินจวินถึงกับเอ่ยวาจาออกมาด้วยความสงสัย
“สั่งคนของเราเก็บน้ำมันเอาไว้ก่อนอย่างรีบใช้ยังไม่ถึงเวลา”
ทางด้านเนี่ยฟงที่ตอนนี้ยืนจ้องมองกองกำลังทหารนับหมื่นก้าวเดินเข้ามาในป่า เขายืนอยู่บนเขาทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นมา ทหารที่ยืนอยู่รอบกายกว่าสามสิบนายก็ยกธนูพร้อมกับขึ้นสายเตรียมรอ หลังจากนั้นก็มีทหารอีกสองนายวิ่งจุดไฟจากตะเกียงไฟด้านหลัง ไม่ถึงสองลมหายใจทันทีที่หัวลูกศรธนูติดไฟทหารทั้งหมดก็ยิงธนูลงไปด้านล่าง ไม่ถึงสามลมหายใจก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา สงหยินจวินถึงกับขมวดคิ้วหันไปมองที่ด้านหลังก็ต้องตื่นตกใจกับภาพที่เห็นเปลวไฟที่ไหม้ต้นไม้สีแดงฉาน
“ท่านสงหยินจวิน ที่ไฟลุกไหม้เร็วเช่นนี้เป็นเพราะพวกมันใช้น้ำมันแน่ๆขอรับ ดูเหมือนว่ากองกำลังทหารของเราเกือบทั้งหมดถูกล้อมแล้วขอรับ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ส่งให้คนของเรารีบมุ่งหน้าไปทางต้นลม แยกย้ายกันหลบหนีเข้าป่าไปก่อน”
“ขอรับท่านสงหยินจวิน”
เสียงคำสั่งถูกถ่ายทอดออกไปเป็นระยะ หลายคนรีบหลบหนีไปทางต้นลมทหารเดินเท้าตกตายไปไม่น้อยจากการถูกสัตว์อสูรเหยียบเพื่อพาผู้เป็นนายหลบหนี ทันใดนั้นพวกที่ขี่สัตว์อสูรก็ถูกบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้ร่วงลงมา มีทหารหลายนายหันไปมองก็พบว่ามีเชือกสีดำถูกมัดเตรียมเอาไว้ขึงเอาไว้ในระดับคอคนขี่สัตว์อสูร เสียงร้องโหยหวนดังแว่วออกมาจากป่าข้างทาง ทหารหลายสิบนายตกตายเพราะกับดักที่วางเอาไว้
“ท่านสงหยินจวินทุกๆที่ในป่ามีแต่กับดักทั้งหมดเลยขอรับ หากปล่อยเอาไว้เช่นนี้คนของเราต้องตกตายเพิ่มอีกเป็นแน่”
“สั่งคนของเราไปที่ใดมีกับดักแล้วด้านหน้าย่อยไม่มีอีกแน่ อีกอย่างที่ใดมีกับดักด้านหน้าย่อมมีทหารซุ่มดักน้อยให้พวกทหารเลวออกไปจัดการกับกับดักแล้วค่อยให้พวกหน่วยสัตว์อสูรตามหลัง เร็วเข้าเถอะก่อนที่จะโดนไฟล้อมรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
มีทหารหลายนายคิดขัดคำสั่งเพราะหากตนเดินเท้าเข้าไปในป่ายอมถูกกับดักสังหารเป็นแน่จึงคิดหลบหนีวิ่งไปทางอื่น สงหยินจวินเมื่อเห็นเช่นนั้นถึงกับส่ายศีรษะไปมา
“พวกเหมาหนานคงซุ่มโจมตีในทิศตรงข้ามกับกับดัก รีบหนีก่อนที่พวกมันจะตามมา”
เกือบครึ่งชั่วยามที่สงหยินจวินนำกำลังที่เหลือหลบหนีไปก็พบกับแม่น้ำ ทั้งหมดรีบข้ามแม่น้ำทันใดนั้นเองหลงจวินก็ยกกองกำลังเข้ามาปิดล้อมด้านหน้า ทหารทั้งสองเจ้าเข้าปะทะกับ ปราณดาบปลิวว่อนพร้อมกับเสียงร้อยโหยหวนด้วยความเจ็บปวด หวงจวินนั่งอยู่บนหลังพยัคฆ์กวัดแกว่งง้าวในมือสังหารทหารของสงหยินจวิน
“ท่านสงหยินจวินรีบหนีเถอะขอรับหากเราเข้าปะทะที่นี่นานกองกำลังของพวกมันจะตามมาปิดล้อมพวกเรา”
“ได้ ให้พลธนูโจมตีไปที่หวงจวินดึงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด”
ในระหว่างนั้นพลธนูของสงหยินจวินก็โจมตีไปทางหลงจวินตามคำสั่ง เขาใช้ความเร็วโยกตัวหลบลูกธนูพร้อมกับใช้ง้าวในมือปัดป้องแต่เพราะจำนวนลูกธนูที่มากเกินไปจึงถอยหลบออกมา สงหยินจวินเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หลบหนีไปทางขวาลัดเลาะไปตามข้างแม่น้ำ ด้านหน้าก็พบหญิงสาวนางหนึ่งถือกระบี่เอาไว้ในมือยืนขวางอยู่ด้านหน้า
“ถึงเวลาตายของคนทรยศเช่นเจ้าแล้วสงหยินจวิน”
สงหยินจวินเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดยืนขวางอยู่ก็ยกยิ้ม
“คิดว่าเป็นใครที่ไหนที่แท้ก็คือแม่นางเหมยฟางนั้นเอง หรือเจ้าอยากจะเป็นสาวอุ่นเตียงให้ข้าอย่างนั้นรึ”
“หุบปากของเจ้าซะ”
เหมยฟางพุ่งเข้าหาสงหยินจวินอย่างรวดเร็วฟาดฟันกระบี่ในมือออกไป เงาปราณกระบี่พุ่งออกไปนับสิบเล่ม สงหยินจวินเองก็สะบัดมือขวานำดาบคู่ใจออกมาฟาดฟันด้านรับปราณดาบพุ่งเข้าปะทะ เปรี้ยง เสียงดังสนั่น เหมยฟางพุ่งเข้าประชิดด้านหน้าฟาดฟันกระบี่ในมือตัดขาหน้าทั้งสองของพยัคฆ์ สงหยินจวินถีบเท้าลงมาด้านข้าง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบและกระบี่ปะทะกันดังลั่น ยิ่งเข้าปะทะเป็นสงหยินจวินเริ่มมีบาดแผลให้เห็นบ้างแล้ว ทันใดนั้นเองก็มีลูกธนูพุ่งเข้าเสียบไปที่ต้นขาขวาของเหมยฟาง ในจังหวะเดียวกับที่สงหยินจวินกำลังจะถูกจ้วงแทง สงหยินจวินรีบต่อยหมัดซ้ายเข้าไปที่หน้าท้องของเหมยฟางอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง ลงไปนอนกับพื้น
“ขอบใจเจ้ามากหากไม่ได้เจ้าข้าคงแย่นางแพศยานี้รวดเร็วยิ่งนัก เป็นอย่างไรบ้างกัวเปา หลงจวินตามมาหรือไม่”
“ถูกคนของเราขวางเอาไว้อยู่ขอรับ”
“ดีเช่นนั้นรีบถอยเถอะ”
ทั้งหมดรีบถอยหนีทิ้งให้เหมยฟางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ทันใดนั้นเองก็เป็นเนี่ยฟงที่ปรากฏกายออกมาพร้อมกับอุ้มเหมยฟางกลับไปยังค่ายที่พัก ทางด้านสงหยินจวินที่หลบหนีการตามล่าเร่งเดินทางอย่างเร่งรีบกลับเมืองฟงลี่เจียงอย่างเต็มกำลังเมื่อมาถึงด้านหน้าของประตูเมืองก็ตื่นตกใจไม่น้อย สภาพด้านนอกถูกทำลายจากการปะทะซากศพทหารเกลื่อนพื้นส่งกลิ่นเหม็น เมื่อเข้ามาด้านในก็พบว่าผู้คนส่วนใหญ่หลบหนีออกไปแล้ว สงหยินจวินขมวดคิ้วนำกำลังทหารเข้าไปยังที่พักด้านหลังก็พบว่าลูกเมียทั้งหมดถูกสังหารจนสิ้น ในระหว่างที่ทหารตรวจสอบอยู่สงหยินจวินก็มุ่งหน้าไปที่ห้องเก็บสมบัติ เมื่อมาถึงต้องอ้าปากค้างเพราะห้องทั้งห้องที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาถูกทำลายลงหลงเหลือเพียงซาก สงหยินจวินหน้าตาซีดเผือก มีนายทหารนายหนึ่งตะโกนเสียงดังลั่นภายในห้องโถงใหญ่ เมื่อทั้งหมดเข้ามาด้านในก็พบกับอักษรเลือดที่เขียนว่ามู่ สงหยินจวินถึงกับร้องคำรามเสียงดังลั่นด้วยความโกรธแค้น
“อ๋องมู่ข้าจะสังหารเจ้าไอ้บัดซบ”
รุ่งเช้าทางด้านค่ายของเหมาหนานด้านหน้ามีการจัดเตรียมพื้นที่รักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ เหมาหนานนั่งอยู่ในกระโจมฟังรายงานพร้อมกับจิบน้ำชาเขาพยักหน้าตอบรับตลอดเวลาที่นายทหารรายงาน ทันทีเมื่อเสร็จสิ้นรายงานก็มีคำสั่งให้เนี่ยฟงเข้าพบเป็นเวลาเดียวกับที่พวกเหยียนอู่นำกำลังเข้ามา เมื่อทั้งสองเจอหน้ากันเป็นเหยียนอู่ที่สะบัดมือขวาโหนแหวนมาให้เนี่ยฟงสองวง
“สิ่งใดกันขอรับ”
“รางวัลสำหรับเจ้าไอ้หนู แผนการของเจ้าช่างเจ้าเล่ห์นัก ก่อนกลับข้าแวะดูผลงานของเจ้าทหารเกินครึ่งของสงหยินจวินตกตายลงในป่านั้น เจ้าช่างโหดเหี้ยมเกิดตัวเสียเหลือเกิน”
“ข้าจะคิดว่านั้นเป็นคำชมนะขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงทั้งสองก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปในกระโจมของเหมาหนาน