บทที่ 147 การมาเยือนของตระกูลจิน
บทที่ 147 การมาเยือนของตระกูลจิน
เป่ยเฟิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก สถานการณ์ในตอนนี้คล้ายกับผู้ใหญ่ยึดถุงแดงจากลูก ๆ ของเขาโดยบอกว่า 'เก็บไว้ให้' จากนั้นเมื่อพวกเขาถามเรื่องนี้ในอนาคต พวกผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าเงินทั้งหมดถูกเอาไปซื้ออาหารกับเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว ... [ED/N : ถุงเงิน - อังเปา ]
จิ้งจอกน้อยไร้เดียงสาเห็นได้ชัดว่ามันไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเป่ยเฟิง มันคิดสักครู่ก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เป่ยเฟิงเก็บผลไม้ไว้ในแหวนแล้วเดินไปทำอาหารเย็น
เขานำเนื้อปลามังกรออกมา 1 จิน มันได้ปรากฏออกมาในมือของเขาเพียงแค่เขาคิดให้มันออกมา หลังจากนั้นเดินเข้าไปในครัวแล้วเตรียมการเล็กน้อย จากนั้นก็มีไฟลุกโชนปรากฏใต้กระทะ
"ฉ่าา !"
ควันสีเขียวกุหลาบลอยออกมาทันที่น้ำมันถูกเทลงกระทะ
จะบอกว่าเป็นการย่างก็ไม่ใช่ มันน่าจะเป็นการทอดซะมากกว่า เขาหั่นชิ้นเนื้อบาง ๆ ก่อนจะนำพวกมันลงกระทะ
น้ำมันและแป้งห่อรอบ ๆ เนื้อทำให้มันกลายเป็นชิ้นเนื้อที่มีกรอบทองอยู่รอบ ๆ
ด้วยขนาดบาง ๆ ของมัน เขาตั้งใจไว้ว่าจะทอดมันเพียงแค่ 2 นาที และในตอนนี้จากเนื้อสีชมพูก็กลายเป็นสีทองเรียบร้อย ! มันมีกลิ่นชุ่มฉ่ำลอยออกมาจากกระทะ
หลังจากทอดอย่างสมบูรณ์แบบเสร็จ เขาตักมันขึ้นมาวางไว้บนจาน เป่ยเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นเขาก็เทซอสที่ทำไว้ก่อนหน้านี้บนเนื้อ
"ไม่เลว" เป่ยเฟิงบ่นพึมพำในขณะที่มองฝีมือการทำอาหารของตัวเอง
เนื้อปลาสีทองกรอบเคลือบด้วยซอสเห็ดพริกมันดูน่าอร่อยมาก
หลังจากนั้นเขาก็นึกถึงข้าวร้อน ๆ ชามใหญ่ มันก็ปรากฏขึ้นมาในมือ เป่ยเฟิงรู้สึกว่าชีวิตของเขานับวันเริ่มจะสบายขึ้น
จิ้งจอกน้อยได้กลิ่นหอม ๆ มันจึงกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ มันมองเป่ยเฟิงด้วยสายตาประกาย
"อ้า ฉันจะทำยังไงกับเธอดี ? ใครจะไปคิดว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ แบบนี้จะตะกละขนาดนี้ ? เธอกินได้ชิ้นเดียวเท่านั้น !" เป่ยเฟิงหัวเราะเบา ๆ และส่ายหัว เขาหยิบขึ้นมา 1 ชิ้นและวางมันลงบนชามข้าวของจิ้งจอกน้อย
จิ้งจอกน้อยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่ามันจะตะกละมากแค่ไหน แต่มันก็มีความทรงจำอันเลวร้ายอยู่ มันเคยกินเนื้อปลามังกรไปถึง 2 ชิ้น แต่เพียงแค่นั้นก็เกือบทำให้มันตายเพราะพลังงานมหาศาลที่กระจายออกมา
เป่ยเฟิงใช้ตะเกียบหยิบขึ้นมา 1 ชิ้นแล้วนำเข้าปาก ตามมาด้วยเสียงเคี้ยวดังกรุบเบา ๆ ในปากของเขา "กรุ้บ !"
เสียงดังฟังชัดของเนื้อที่แตกในปากเผยให้เห็นเนื้อสีทองอ่อนที่แตกออกมา แม้ว่าปลาจะดูชิ้นเล็กแต่เพราะมันถูกทอดจึงทำให้มันดูชิ้นใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
มันน่าแปลกใจที่ถึงแม้มันจะถูกทอดด้วยวิธีใช้น้ำมันท่วม แต่รสชาติน้ำมันที่ติดค้างอยู่ในเนื้อมันอร่อยจนติดลิ้นของเขา ปลาที่ส่งกลิ่นหอมควบคู่กับซอสที่ทำเองมันได้ถูกจับคู่กลายเป็นอาหารที่อร่อยจนยากจะบรรยาย !
จานที่เต็มไปด้วยเนื้อหายเข้าไปในท้องของเป่ยเฟิง ในตอนนี้เขารู้สึกอยากจะกินมันอีก
'ลืมมันซะ ฉันน่าจะพอก่อน ฉันไม่อยากทรมานอีกรอบ' เป่ยเฟิงพยายามระงับความต้องการในการกินอีกจาน เขากินมันได้เพียง 1 จินเท่านั้น หากเขากินมันมากกว่านี้เขาจะต้องไปฝึกเคล็ดปลดปล่อยกายาเพื่อกำจัดพลังงานส่วนเกิน
เขาเพิ่งจะอาบน้ำมาและเขาก็ไม่อยากที่จะต้องไปอาบน้ำอีกรอบ
"โฮ่ง โฮ่ง !"
ไม่รู้จักพอกับหลุมดำวิ่งมาหาเป่ยเฟิงด้วยสีหน้าโศกเศร้า อาหารของพวกเราอะ ? ไหนอะ ?
เป่ยเฟิงยิ้มเบา ๆ ก่อนจะก้มลงลูบหัวหมาทั้งสอง "ใครจะไปลืมพวกแกได้"
ลูกหมาป่าตัวเล็ก ๆ ที่มีอาหารเป็นอวัยวะภายในของราชามังกรหิมะหยกดำในตอนนี้มันมีการเติบโตที่น่าตกใจอย่างมาก !
ในแง่ของขนาดมันเกือบจะตัวเท่าหมาป่าโตเต็มวัย ความดุร้ายของมันใกล้เคียงกับหมาป่าที่เป็นจ่าฝูง !
ไม่ว่าจะเป็นแรงกัดหรือความเร็ว มันไม่ใช่สิ่งที่หมาตัวอื่นจะนำมาเทียบได้ !
เป่ยเฟิงเดินไปหลังบ้านแล้วหยิบอวัยวะภายในของราชามังกรหิมะหยกดำออกมาจากไหที่เขาเก็บรักษาไว้ เขาตัดมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ สองชิ้นวางลงในชามอาหารของหมาป่าน้อยทั้งสองตัว
"โฮ่ง !"
หมาน้อยทั้งสองไม่เสียเวลาใด ๆ พวกมันเบียดฟันและจมูกของมันลงในชามทันที
หลังจากนั้นชั่วครู่ก็เหลือเพียงชามที่ว่างเปล่า เป่ยเฟิงไม่ได้ให้อาหารกับพวกมันอีก เขาให้มันในสัดส่วนที่พวกมันรับได้ หากพวกมันกินอาหารที่มีพลังงานสูงเกินไปมันจะไม่ดีต่อพวกมันเอง !
***
ในหมู่บ้านหรูหราในชิงเฉิง จิน ซันจิวมีใบหน้าที่มืดม่นในขณะที่มองไปยังจินซองที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล
จิน ซันจิว เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาลำบากเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่เก็บตัวฝึกตนเพื่อพัฒนาเทคนิคการต่อสู้แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงติดอยู่ส่วนสุดท้ายและไม่สามารถก้าวข้ามต่อไปได้
หลังจากที่เขาออกจากการเก็บตัว เขาก็ทราบข่าวเกี่ยวกับต้นสวรรค์กำเนิด จิน ซันจิวรีบเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญระดับเจียงแห่งวิวัฒนาการคนอื่น แต่ใครจะไปคิดว่าถ้ำใต้ดินจะอันตรายและมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกัน ?
สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากฝุ่นบนหน้าพวกเขา
ชูวและพวกที่เหลือทำเพียงแค่ยืนเงียบ ๆ พวกเขาไม่กล้าหายใจดัง ๆ พวกเขาทำเพียงแค่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับจิน ซันจิว
"แกบอกว่าแกถูกจัดการงั้นเหรอ ! แกจะบอกว่าแกโดนจัดการโดยที่ยังไม่ทันมองเห็นฝ่ายตรงข้ามก็โดนจัดการก่อนแล้ว ? แล้วพวกแกยังกล้าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกงั้นเหรอ !" ใบหน้าของ จิน ซันจิวมืดม่นราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ
"พาฉันไปที่นั่นพรุ่งนี้ ฉันอยากจะรู้ว่ามันเป็นใคร !" จิน ซันจิวมองไปที่พวกที่เหลือและพูดออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง
ใบหน้าของจินซองยังคงเต็มไปด้วยผ้าพันแผล แต่ดวงตาของเขากลับส่องประกายเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จากตอนแรกที่เขาคือชายหนุ่มหล่อเหลา แต่ในตอนนี้เขากลับถูกทุบตีจนไม่เหลือความหล่อ !
วันต่อมา จิน ซันจิวก็ได้มาถึงหมู่บ้านชิงหลิง ภายใต้การนำของชูวและพวกที่เหลือ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ฝึกตน สมรรถภาพทางกายภาพและความเร็วของพวกเขาจึงเท่ากับม้าแข่ง ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงหน้าบ้านของเป่ยเฟิง
"ออกมาซะ อย่าให้ฉันต้องรอ !" จิน ซันจิวตะโกนออกไปทางบ้าน เสียงที่ทรงพลังของเขาก้องกังวานไปทั่ว
ชูวและพวกที่เหลือเลือดและพลังฉีของพวกเขาสั่นสะท้าน
เป่ยเฟิงเพิ่งกลับมาที่บ้านหลังจากฝึกประจำวันเสร็จ เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกน เขาก็เดินไปที่ประตูหน้าบ้านทันที
"โฮ่ง ! โฮ่ง !"
หมาป่าตัวน้อยทั้งสองพวกมันไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น พวกมันตะโกนเห่าด้วยความน่ากลัวในขณะที่เดินตามหลังเป่ยเฟิงมา
บางทีอาจจะเพราะว่ามันกินเนื้อดิบมากเกินไป หมาป่าน้อยจึงเริ่มก้าวร้าวและดุร้ายมากขึ้น
"เอี๊ยด !"
เป่ยเฟิงเปิดประตูเบา ๆ และยืนอยู่ที่ประตู เขาจ้องเขม็งไปยังกลุ่มตรงหน้า
"ไอ้เด็กสารเลว แกคงไม่คิดว่าฉันจะมาสินะ ? วันนี้ ฉันจะทำให้แกเข้าใจว่าอะไรคือความหมายของความตายที่ไม่สามารถตายได้ !" จินซองหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อมองเห็นเป่ยเฟิง เขาตะโกนออกมาด้วยความเกลียงชังที่อยู่ในใจของเขา
จิน ซันจิวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร 'ช่างมัน มันคงจะดีถ้าให้เขาระบายความโกรธออกมา ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาที่จะเปลี่ยนให้หัวใจเขาเป็นปีศาจ' เมื่อมองเห็นความเกลียดชังบนหน้าของลูกชายตัวเอง จิน ซันจิวทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเท่านั้น
'แต่ทำไมคน ๆ นี้ดูคุ้น ๆ ? เหมือนฉันจะเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน ?' จิน ซันจิวลูบเคราในขณะที่เขามองไปยังใบหน้าที่ไม่แยแสของชายหนุ่ม
"ตุ้บ !"
จิน ซันจิว รู้สึกหัวใจอยากจะกระโดดออกมา !
ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร ! ไอ้นรกเลือด ไอ้จินซอง ไอ้เด็กสารเลว มันพาเขามาตายชัด ๆ !
ความแข็งแกร่งของจิน ซันจิวอยู่ในระดับเกือบแนวหน้าของเจียงแห่งวิวัฒนาการ แต่ก็ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นเล็กน้อย แต่เมื่อตอนที่ต่อสู้กับงูยักษ์ เขากลับถูกบังคับให้ออกมายืนห่าง ๆ และทำได้เพียงแค่ยืนมอง !
เขามีความรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือคนที่กล้าเผชิญหน้ากับงูยักษ์ !
ยิ่งเขามองเป่ยเฟิงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าคนตรงหน้าคือคนเดียวกับคนที่กล้าเผชิญหน้ากับงูยักษ์ ! เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับเป่ยเฟิงที่นี่ เขาได้ยินมาจากลูกชายของเขาว่าคนที่ทุบตีเขาเป็นคนที่อยู่เพียงครึ่งก้าวของเจียงแห่งวิวัฒนาการ และนอกจากนี้เขายังไม่รู้ด้วยว่าคน ๆ ชื่ออะไร มันจึงทำให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่
"ป้าป !"
"อ่าาา !"
มีเสียงดังออกมาจากภูเขา มันเป็นเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอันน่าสยดสยอง