บทที่ 130 การตัดสินใจของซองเหวิน
บทที่ 130 การตัดสินใจของซองเหวิน
"ดูเหมือนว่าบางทีฉันน่าจะซื้อรถได้แล้ว ..."
เป่ยเฟิงพึมพำด้วยความขุ่นเคือง เขาลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปนั่นคือเขาไม่รู้ว่าจะหารถจากไหนได้ในตอนกลางคืนนี้ ?
ต้นไม้ตามถนนมีลมพัดผ่านมาเบา ๆ เป่ยเฟิงเดินไปพร้อมกับหุ่นคู่หูข้าง ๆ เขา มีรถไม่กี่คันเท่านั้นที่วิ่งผ่าน ไม่มีใครสนใจคู่หูแปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อย
'เอ๊ะ ? นั่นสายไฟฟ้าแรงสูงใช่ไหม ?' ดวงตาของเป่ยเฟิงจับจองไปที่สายไฟทอดยาวข้ามภูเขาสองลูกที่อยู่ไม่ไกล หลังจากนั้นเขาก็สั่งบางอย่างกับยมฑูตแล้วทั้งสองก็วิ่งเข้าไปในป่าทันที
ในป่าเต็มไปด้วยยุงมากมาย แต่พวกมันไม่สามารถทำอะไรกับทั้งสองคนได้เลยแม้แต่น้อย อย่าลืมว่าความจริงแล้วหุ่นยนต์ผิวมันเป็นเหล็ก อีกทั้งเป่ยเฟิงนั่นมีผิวที่เกือบจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเหล็ก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะดูดเลือดจากคู่หูแปลกประหลาดนี้ !
เป่ยเฟิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ถึงพวกยุงมันจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่พวกมันก็น่ารำคาญมาก เป่ยเฟิงใช้พลังจิตกระจายออกมารอบ ๆ เพื่อไล่ยุงออกไปทั้งหมด
"จัดการ"
เป่ยเฟิงชี้ไปที่หอไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีสายไฟนับสิบเส้น มันมีกระแสไฟฟ้าวนอยู่รอบ ๆ สายไฟแรงสูง เป่ยเฟิงสั่งหลังจากนั่นเขาก็รีบขยับออกมาให้ห่าง ถึงพวกมันจะทำอะไรกับยมฑูตไม่ได้ แต่มันไม่ใช่กับเขา ! มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไปโดนกระแสไฟที่ไหลออกมา ?
"แปร๊บ แปร๊บ !"
ในไม่ช้า มันก็ได้มาถึงด้านบนหอคอย จากนั่นมันก็ค่อย ๆ เอานิ้วจิ้มอย่างช้า ๆ ไปที่สายไฟแรงสูง ทันใดนั่นมันก็มีกระแสไฟฟ้าจำนวนมหาศาลวิ่งไปรอบ ๆ ตัวของยมฑูต !
เป่ยเฟิงรีบถอยออกมาให้ห่างจากภูเขา ยมฑูตมันสามารถกลับมาได้ด้วยตัวเองเมื่อไหร่ก็ตามที่มันชาร์จพลังงานเสร็จ
'หืม ? แย่แล้ว !'
จิตสัมผัสของเป่ยเฟิงพบเจอบางอย่างหล่นลงมาที่หัวของเขา เขารีบกระโดดไปข้างหลัง 2-3 เมตรทันที
"ปัง !"
มีลูกไฟหล่นมาตรงหน้าของเป่ยเฟิง มันได้ระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่อยู่บ้านพื้น !
และเมื่อมองดี ๆ จะเห็นว่ามันคือยมฑูตที่กำลังนอนอยู่ในหลุม มีประกายไฟและแสงสีฟ้ารอบ ๆ ตัวมันพร้อมกับเสียงแคร็ก ๆ มันมีควันสีเขียวพุ่งออกมาจากหุ่นอย่างต่อเนื่อง
"บัดซบ ! อย่าบอกนะว่ามันพังแล้ว ?" เป่ยเฟิงเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ เกราะสีเงินของหุ่นตอนนี้มันกลายเป็นสีดำพร้อมกับมีเขม่าเต็มไปหมด มันดูราวกับว่ามันคือกองขยะโลหะ
"การชาร์จพลังงานเสร็จสิ้น ! สามารถเข้าสู่โหมดต่อสู้ได้ 8 ชั่วโมง : สามารถเข้าสู่โหมดปกติได้ 72 ชั่วโมง "
เป่ยเฟิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากที่ยมฑูตรายงานออกมา
ยมฑูตค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากหลุมพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยเขม่า มันเดินตามหลังเป่ยเฟิงโดยไม่ได้พูดอะไร
เช้าวันต่อมาเป่ยเฟิงก็ออกไปฝึกเทคนิคการหายใจด้วยแสงตามปกติ เขาให้ยมฑูตเฝ้าบ้านเอาไว้
หลังจากฝึกเสร็จเขาก็ถือโอกาศนี้ไปดูการเติบโตของข้าวแม่น้ำขาวที่หน้าผา มันทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
ข้าวแม่น้ำขาวที่เขาเพิ่งจะปลูกไปเมื่อวันก่อนที่ลำต้นมีความหนาเพียงตะเกียงหนึ่งคู่ แต่ตอนนี้มันมีความหนาเท่าไข่ไก่ ! ถึงมันจะไม่สูงมากนักแต่มันกลับดูเหมือนต้นไม้โบราณ มันมีรอยแตกและตัวอักษรมากมายอยู่รอบ ๆ ทำให้รู้สึกถึงความโบราณและเงียบสงบ !
ลำต้นสูงเพียงครึ่งเมตรแต่มันเหมือนมีมงกุฏบางอย่างที่สูงกว่า 1 เมตรอยู่ข้างบน ! มันมีสีเขียวเหมือนหยกอยู่ตรงมงกุฏ มันมีหยดน้ำค้างในตอนเช้าหยดอยู่ที่มันทำให้มันเหมือนกับอัญมณีที่กำลังส่องประกาย !
สิ่งที่ทำให้เป่ยเฟิงเสียใจคือเขาคือเขาไม่รู้ว่ามันจะมีดอกออกมาบนต้นเมื่อไหร่กัน
"บางทีมันอาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน ... จิ้งจอกน้อย ข้าวนี้ฉันยกหน้าที่ให้เธอดูแล เธอต้องมาดูแลมันทุกวันเข้าใจไหม"
"มิ้ว !"
จิ้งจอกน้อยส่ายหัวประท้วงทันที มันไม่ต้องการที่จะเป็นคนสวนที่ต่ำต้อย
มุมปากของเป่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อย "งั้นแบ่งกัน 30/70 !"
"มิ้ว ? มิ้ว !"
จิ้งจอกน้อยมันเหวี่ยงหัวไปมาแล้วคิดอย่างจริงจัง หลังจากนั้นมันก็เสนอบางอย่างหลังจากที่คำนวณโดยกรงเล็บของมันชูไปที่อากาศ
"ป้าป !"
เป่ยเฟิงหยุดเลียริมฝีปากแล้วเคาะหัวจิ้งจอกน้อยเบา ๆ จิ้งจอกน้อยตัวนี้มันจะโลภมากไปแล้ว ! หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็ทำความเข้าใจกับสิ่งที่จิ้งจอกน้อยพยายามจะพูด สิ่งที่มันต้องการคือมันต้องการ 70 % สำหรับตัวเอง 30 % สำหรับเป่ยเฟิง !
“ฉันให้ได้มากที่สุด 60 % สำหรับฉัน อีก 40 % สำหรับเธอ !” เป่ยเฟิงใช้ข้อเสนอใหม่มาแทน
"มิ้ว !" จิ้งจอกน้อยพยักหน้าอย่างมีความสุข ดวงตาของมันหดลงราวยิ้มด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นสิ่งที่จิ้งจอกน้อยแสดงออก เป่ยเฟิงก็ไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นอะไร ? เขาแค่หลอกมันนิดหน่อยเท่านั้นเอง ! แต่เมื่อเขาลองคิดดี ๆ แล้ว อย่าพูดถึง 30/70 ต้มตุ๋นน้อยตัวนี้คงยอมรับตั้งแต่ 20/80 แล้ว !
'บัดซบ ! ฉันถูกมันหลอก !' เป่ยเฟิงส่ายหัวด้วยความขุ่นเคือง แต่เมื่อมองมันอีกครั้งเขาเขาก็คิดบางอย่างได้ เขาไม่ได้บอกซักหน่อยว่าให้ 40 % เมื่อถึงวันเก็บเกี่ยว ?
จิ้งจอกน้อยมันไม่ได้รู้เลยว่ามันกำลังจะถูกหลอกแทนในขณะที่มันรีบวิ่งกลับไปที่บ้านอย่างตื่นเต้นเพื่อที่จะกินเนื้อปลามังกร
***
กลับมาที่ซองเหวินหลังจากที่ได้พบกับเป่ยเฟิงในไม่กี่วันผ่านมานี้ เขามีความคิดบางอย่างและได้เรียกคนมาช่วยขุดที่ภูเขา !
แน่นอนว่าเขาไม่ได้บ้าพอที่จะขุดภูเขาออกจากกัน เขาเพียงขุดไปทางทิศทางที่เป่ยเฟิงบอกเท่านั้น ตราบใดที่เขาสามารถหาวัสดุสำหรับทำกำไลไข่มุกสำหรับตัวเขาเองได้แค่นั้นก็พอแล้ว
ซองเหวินจ้างคนงาน 3 คนโดยการจ่ายเงิน 400 หยวนต่อวันแล้วพาพวกเขาไปที่หน้าผาบนภูเขาชิงหลิง
หลังจากอธิบายสั้น ๆ กับคนงาน เขาก็รีบเดินกลับไปยังร่มใกล้ ๆ และนั่งลงข้าง ๆ หลานชายของเขาด้วยเก้าอี้พกพา
***
"พี่เค้อ พี่ว่าไอ้พวกคนเหล่านี้มันโง่หรือเปล่า ทำไมมันพวกมันถึงยินดีจ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อรากโง่ ๆ เท่านั้น ?"
ชายร่างใหญ่ที่มีแต่กล้ามเนื้อถามในขณะที่วางสิ่วไว้บนหน้าผาแล้วเริ่มตอกลงไป
"ใครสน ? ไม่ว่ายังไงฉันก็มีความสุขตราบใดที่มีคนให้เงินฉัน ฉันยินดีที่จะทำแบบทุกวัน !"
ชายที่ชื่อพี่เค้อหัวเราะออกมา เรื่องดี ๆ แบบนี้มันไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นทุกวัน
"ใช่แล้ว ตราบใดที่มันเพิ่มเงินในกระเป๋าได้ ฉันก็ยินดีที่จะทำมัน" ชายอีกคนพยักหน้า
"แก๊ง ! แก๊ง !"
เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่หินก้อนใหญ่ ๆ ค่อย ๆ กลิ้งออกไป
ปาร์ตี้การขุดนี้พวกเขาทำมาตลอดเช้าจนถึงบ่าย พวกเขาขุดลงมาได้ประมาณ 1 เมตร แต่นอกเหนือจากหลุมที่ว่างเปล่าแล้วมันก็ไม่มีสัญญาณถึงรากโง่ ๆ เลยแม้แต่น้อย
"เถ้าแก่ เรายังคงต้องขุดต่อไปไหม ?"
พี่เค้อเดินไปหาแล้วถามซองเหวินด้วยความไม่แน่ใจ
พวกเขาขุดกันมานานแล้วแต่มันกลับไม่มีอะไรเลย มันจึงทำให้พวกเขากังวลว่าชายชราคนนี้เขาอาจสูญเสียความอดทนของเขาไปได้
"ไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยกลับมาขุดหลังจากกินเสร็จแล้ว" ซองเหวินตอบด้วยความความลังเล ความคิดของเขาตอนนี้คือชายคนที่พาเขามาที่นี่หลอกเขาใช่หรือไม่ ? แต่ในเมื่อธนูถูกดึงออกมาแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิงออกไป !
อีกทั้งเขาได้จ่ายเงินไปแล้ว และหากวันนี้เขายังหารากไม่ได้เขาก็คงต้องยอมแพ้ในที่สุด
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ ซองเหวินยังคงอยู่ที่หมู่บ้านชิงหลิงต่อเพื่อพักผ่อน คนแก่ต่างจากคนหนุ่มในเรื่องความแข็งแรงมากนัก
หลังจากนั้นคนงานทั้ง 3 ก็กลับมาทำงานกันต่อในช่วงบ่าย ตลอดช่วงบ่ายนี้พวกเขาขุดลึกลงมาได้มากกว่าสามเมตร !
"เราขุดอุโมงโง่ ๆ นี้มาตั้งนานแล้ว ไอ้รากบัดซบนั่นทำไมมันยังไม่โผล่มา ?"
คนงานคนหนึ่งบ่นในขณะที่เขาขว้างค้อนออกไปแล้วนวดมือของเขาด้วยท่าทางไม่พอใจ
"ลืมมันซะ เราพอกันก่อนวันนี้ เราอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว ได้เวลาที่ต้องไปหาไรกินแล้ว"
พี่เค้อวางค้อนลง ในเวลาเดียวกันก็เกิดการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ในรูตลอดเวลาที่พวกเขากำลังขุดนั่น การเคลื่อนแปลก ๆ นี้มันก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้พวกเขาทีละน้อย
"งานนี้อาจจบลงวันนี้ เจ้าคนรวยนั่นคงไม่มีทางเผาเงินมากขนาดนี้สำหรับงานที่ไม่เห็นเป้าหมายได้อีกต่อไป"
คนอื่น ๆ ก็ส่ายหัวด้วยความเสียใจ การขุดครั้งนี้หากยังไม่มีผลลัพธ์เกิดขึ้น เถ้าแก่คนนั้นคงไม่ต้องการที่จะขุดอีกต่อไปแล้ว
"พี่เค้อ เก็บของเร็วเราจะไปจากที่นี่กันแล้ว พี่ทำอะไรอยู่ตรงนั่น ?" ชายร่างใหญ่เก็บเครื่องมือของเขาแล้วหันไปมองพี่เค้อที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ หน้าผา