เล่ม1 : บทที่ 70 – เขตใน
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 70 – เขตใน
ดวงตาของริสมีบาดแผลฉกรรจ์และหันไปมองท่านพ่อของเขา
โทมัสแสดงท่าทีผิดหวังซึ่งปรากฏชัดบนใบหน้าขณะมองลูกชาย
“นอกจากเจ้าจะไม่เชื่อฟังข้า เจ้ายังปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายเจ้าอีก ในฐานะผู้ฝึกตน ถือว่าเจ้าเป็นคนที่ล้มเหลวจริง ๆ”
ริสเองก็เริ่มตอบกลับบ้าง
“แต่ท่านพ่อ แต่นังโสเภณีนั่นทำร้ายข้าก่...”
เขาพูดต่อไม่ได้เพราะถูกแรงกดดันจากโทมัสกดเอาไว้ “บอกข้ามา สิ่งใดที่ทำให้ตระกูลขุนนางเป็นหนึ่ง?”
ริสถูกพร่ำสอนมาหลายปี ฉะนั้นเขาจึงรู้ว่าพ่อของจะต้องการจะสื่อถึงอะไร เขาลดศีรษะลงและตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ความแข็งแกร่ง”
โทมัสพยักหน้า
“ถูกต้อง พี่ชายของเจ้าเข้าใจสิ่งนี้และทำงานหนักเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น แม้แต่บุตรของพวกเขาก็ถูกบังคับให้ฝึกฝนเพื่อคงไว้ซึ่งพลังของตระกูล แต่เจ้ากลับ...”
เขาส่ายหน้าและว่าต่อ
“เจ้าให้ท้ายพวกเขามากเกินไปแต่นั่นก็ไม่เป็นไร เจ้าไม่ได้ทำร้ายตระกูลจริง ๆ หรอก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทำให้เราสูญเสียความสัมพันธ์เดียวที่เรามีกับผู้ฝึกตนที่มีแววดี”
จากคำพูดของเขาทำให้ริสเริ่มรู้สึกโกรธอีกครั้ง เขาทดไม่ได้จริง ๆ ที่ต้องมาได้ยินบุตรนอกสมรสของเขาได้รับการยกย่องสรรเสริญ เขาต้องยั้งความรู้สึกเอาไว้ และโค้งคำนับเล็กน้อยขณะถามคำถามหนึ่งออกมา
“ท่านอยากให้ข้าทำเช่นไร?”
โทมัสกุมขมับและถอนหายใจ
“ข้าอาจรักษาดวงตาเจ้าได้ แต่ข้าจะไม่ทำ เด็กนั่นต้องการหลักฐานยืนยันว่าเจ้าถูกลงโทษ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ข้าจะจัดการเอง อีกอย่าง ห้ามใครแตะต้องอะไรก็ตามในห้องนี้เด็ดขาด ให้หลานของข้าตัดสินสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง”
* * * * *
โนอาห์ไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์เลย ยังคงมุ่งมั่นฝึกฝนและต่อสู้ต่อไป หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่เขาออกมา และในที่สุดเขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับพลังใหม่
ตันเถียนของเขาขยายขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกมันคงเร็วไปหน่อยที่จะให้มันได้แสดงพลังออกมาให้เห็น มีอยู่สิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจเขามาตลอด
‘ฉันอยากเปลี่ยนสหายเลือด!’
ตอนนี้ร่างกายของเขาอยู่ในระดับเดียวกับอัสซีแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ขีดจำกัดของเคล็ดวิชา หากเขาพบสัตว์เวทมนตร์ขั้นสุดในอันดับสามที่มีธาตุมืด ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก
‘น่าเสียดายที่ไม่รู้เลยว่าจะหามันได้ที่ไหน ไม่เหมือนกับอันดับสามทั่วไปที่พบได้ง่าย’
เขาซ่อนแหวนปริภูมิไว้ในเสื้อผ้า หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ที่หุบเขามาเขามักจะสวมมันไว้เมื่อใดก็ตามที่ออกมาข้างนอก
‘ถึงเวลาต้องกลับแล้ว’
เมื่อเข้าใกล้คฤหาสน์เขาก็เห็นว่าหน่วยลาดตระเวนต่างหลบสายตาเขา ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดีเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของโนอาห์ และเขาก็พบวิลเลียมกำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูหลัก
โนอาห์รีบวิ่งเข้าไปหาเขาและถาม
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
วิลเลียมส่ายหน้าและตอบกลับ
“เจ้าไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองก็แล้วกัน ท่านอัครบิดรไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปแตะต้องที่เกิดเหตุ”
มีผู้พิทักษ์ในชุดเกราะสีแดงตรงหน้าตึกแขกอยู่สองสามคนและพวกเขาก็เปิดทางให้โนอาห์และอาจารย์ของเขาผ่านไป
โนอาห์วิ่งและขึ้นไปถึงชั้นแรกอย่างรวดเร็ว เมื่อภาพปรากฏชัดตรงหน้า เขาก็เริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรงในทันที ซากศพของแม่เขาจมกองเลือดอยู่บนพื้น คอของเธอถูกฟันและมีเศษแก้วติดรวมอยู่ด้วย
เขากำลังจะระเบิดโทสะและถามบางสิ่ง แต่ทุกอย่างหยุดลงเมื่อเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของแม่ เขาเข้าใกล้ศพโดยไม่ได้สนใจกลิ่นเน่าอันรุนแรงที่คลุ้งไปทั่วเนื่องจากเนื้อสด ๆ เริ่มถูกย่อยสลายและคุกเข่าลง
ขณะเดียวกันวิลเลียมก็เอ่ยปากพูด
“เธอพบท่านพ่อของเจ้าเมื่อสัปดาห์ก่อน รายงานว่าเธอแทงดวงตาของเขาจากนั้นก็ปาดคอตาย เพื่อเป็นการแสดงความสลดใจต่อแม่ของเจ้า ท่านอัครบิดรจึงสั่งห้ามท่านลอร์ดริสรักษาบาดแผลที่แม่ของเจ้าเป็นคนทำ”
โนอาห์ไม่ได้ตั้งใจฟังคำพูดของเขานักและลูบไล้ใบหน้าของแม่เขาอย่างอ่อนโยน
‘ท่านแม่ทำเพื่อข้าใช่ไหม?’
โนอาห์ไม่ใช่เพียงแค่เด็กอายุสิบสามปีทั่ว ๆ ไป หลังจากที่เขาเห็นรอยยิ้มของผู้เป็นแม่ เขาก็เข้าใจถึงความตั้งใจของเธอได้ทันที
‘ทำไมกัน? ท่านเพียงแค่อดทนรออีกหน่อย จากนั้นข้าก็จะพาท่านออกไปจากที่นี่ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง’
เขาใช้ใบหน้าแนบและหลับตาลงเพื่อระลึกถึงทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเธอด้วยพลังงานจิต
‘ข้าเข้าใจแล้ว ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่ทำอะไรสิ้นคิดอีกแล้ว’
โนอาห์ยืนขึ้น หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ จิตใจของเขาปลดปล่อยแรงกดดันออกมาเล็กน้อยขณะที่เขากำลังเอ่ยสาบานกับตัวเอง
‘สักวัน ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้’
ยิ่งเขามองศพของแม่มากเท่าไร จิตใจของเขาก็ยิ่งมุ่งมั่นมากเท่านั้น
มีเสียงแตกมาจากเฟอร์นิเจอร์ในห้องขณะที่เขากำลังสูญเสียการควบคุมสภาวะจิตใจ วิลเลียมสังเกตเห็นและวางมือบนไหล่โนอาห์
“จากนี้ไปเจ้าต้องควบคุมตัวเองให้ได้ จำไว้ จงอย่าพ่ายต่อสิ่งเร้ารอบกาย พวกเขาจะจัดการเจ้าแน่ แต่ทำอย่างลับ ๆ เจ้าจะต้องนำหน้าพวกเขาหนึ่งก้าวเสมอ อดทนไว้ เวลาของเจ้าต้องมาถึงแน่นอน”
เขาหยิบเศษกระดาษออกมาจากเสื้อและฉีกออก เมื่อโนอาห์หันมามองด้วยท่าทีสับสน ผู้พิทักษ์ในชุดเกราะสีแดงก็มายืนประจำตำแหน่ง
วิลเลียมโค้งคำนับเล็กน้อยและส่งสัญญาณให้โนอาห์ทำเช่นเดียวกัน โนอาห์ยังคงรู้สึกสับสนแต่ก็เชื่ออาจารย์ ดังนั้นเขาจึงทำตามที่สั่ง
ผู้พิทักษ์พยักหน้าและสวมใบหน้าเคร่งขรึมก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ตามคำสั่งของท่านอัครบิดรแห่งตระกูลบัลวัน โนอาห์ บัลวัน จะถูกย้ายไปอยู่เขตในเพื่อเข้าร่วมกับผู้พิทักษ์ส่วนพระองค์ของตระกูล ได้โปรดตามข้าไปยังห้องพักใหม่ของท่าน”
วิลเลียมมองโนอาห์และยิ้มเล็ก ๆ เขายีผมโนอาห์และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น
“ไปเถอะ และจงระวังตัวด้วย”