ตอนที่แล้วEP.83 อัพเกรด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP.85 กติกา

EP.84 ผ่านไปด้วยกัน


วันนี้ผมเลือกที่จะตื่นเช้ากว่าทุกวันถึงนี่จะแค่หกโมงเช้าก็ตามแทนที่ผมจะเลือกใส่ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนแบบทุกวันแต่ในวันนี้ความรู้สึกของผมมันทำให้เลือกที่จะทำในสิ่งที่ต่างออกไปเพราะทุกคนในโรงเรียนต่างพากันใส่ชุดยูนิฟอร์มสำหรับการเทรนนิ่งพร้อมกับพกเครื่องมือต่อสู้กันทั้งนั้น โดยอุปกรณ์ต่อสู้ที่เห็นส่วนมากก็ทำมาจากไม้ทั้งหมดเพราะในการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้มีกฎออกมาว่าให้ใช้เพียงแค่อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานเพียงเท่านั้น และนี่ก็เป็นข้อดีในการป้องกันไม่ให้เหล่านักเรียนบาดเจ็บไปมากสักเท่าไหร่

ในที่สุดผมก็ได้จัดการย้อมอาวุธเป็นสีแดงและขอบสีดำโดยการแลก

กับสิ่งที่ผมสะสมได้สำเร็จ พร้อมกับอาวุธคู่ใจอันใหม่นั่นคือเกราะที่ไหล่ของผม

ส่วนรองเท้าบูธของผมก็เป็นรองเท้าธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายนัก

และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือถุงมือสีแดงคู่โปรดของผม ที่ใสมันเมื่อไหร่ก็รู้ได้

ทันทีว่าไม่มีทางเหมาะกับใครไปมากกว่าอยู่กับผมอีกแล้ว

ทุกคนที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งใหญ่ในวันนี้ต่างพากันพกอาวุธที่ดี

ที่สุดของตัวเองออกมาเพื่อการแข่งขั้นในครั้งนี้ การประลองฝีมือครั้งนี้

จัดขึ้นที่สนามที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียน นั่นคงไม่ต้องบอกว่ามันเป็นนัด

ที่สำคัญมากแค่ไหน

แม้ว่าคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้คือเหล่าอัศวิน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า

คนทุกคนจะเข้าร่วมกับการประลองครั้งสำคํญนี้ ส่วนที่เหลือก็ยังใช้ชีวิตตาม

ปกติ บางคนก็เลือกที่จะทำกิจกรรมทั่วไปตามปกติ เพราะเมืองนี้มีพื้นที่ใหญ่

มากพอที่จะให้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อแข่งขันกีฬาอื่นๆมากมาย

ตัดภาพกลับไปมองบางคนที่เข้าการแข่งขันวันนี้ พวกเขาดูกังวล

ราวกับว่านี่คือเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตของพวกเขา แต่สำหรับผมแล้ว

มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น

ในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น มองไป

มองมาผมก็ทนไม่ไหว การเดินออกมาจากที่นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ที่ควรทำในตอนนี้ เพราะตัวผมเองก็พึ่งมาคิดได้ว่าอยู่ที่นี่มาก็หลาย

ปีแต่ยังไม่มีเวลาสำรวจเมืองมากนัก เพราะตารางในแต่ละวันอัดแน่น

จนแทบจะไม่มีเวลาหายใจ นี่แหละเวลาของผมมาถึงแล้ว……

ระหว่างที่เดินชมความสวยงามของเมืองนี้ไปเรื่อยๆ มีบางสิ่ง

บางอย่างที่ทำให้อดประหลาดใจไม่ได้ นั่นคือบรรยากาศที่คนในเมือง

ดูมีชีวิตชีวากว่าทุกครั้ง ความเครียดหรือความกดดันก็ดูน้อยลง

เพราะส่วนมาก ในบริเวณนนี้จะมีเหล่าอัศวินคอยคุมเข้มอยุ่ตลอดเวลา

แต่วันนี้มันให้อารมณ์เหมือนผมกำลังเดินอยู่ในงานเทศกาลมากกว่า

และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันแตกต่างกว่าทุกวันก็คือผู้คนที่อยู่ในเมืองนี้

ขึ้นชื่อว่า Avrion City ก็คงแทบจะไม่ต้องบอกว่าคนในเมือง

ส่วนมากก็คือเหล่าอัศวินอยู่แล้ว ส่วนพวกพ่อค้ามีเพียงไม่กี่คน

จนผมแทบจะนับมือได้ ส่วนวันนี้สิ่งท่ีทำให้แปลกตาออกไปก็คือ

เหล่าผู้คนจากเมืองอื่นที่เข้ามาดูการแข่งขั้นในครั้งนี้ ซึ่งโอกาศ

ก็ไม่ได้มีบ่อยครั้งนัก Avrion จะเปิดประตูรับแขกแค่เพียงปีละครั้ง

เท่านั้น และจุดประสงค์ที่เข้ามาก็คงจะหนีไม่พ้นการเฟ้นหาคนที่มี

คุณสมบัติมากพอที่จะย้ายไปอยู่ Academy ของพวกเขา

ก็ไม่ใช่ทุกคนใน Avrion ที่ต้องการจะเป็นอัศวินเพื่อที่จะต่อสู้กับ

Shadow plague แต่ด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพของที่นี่มันน่าเชื่อถือ

จนทำให้พวกเหล่าพ่อแม่ต้องการที่จะส่งลูกๆมาฝึกวิชากันทั้งนั้น

เดินมาเรื่อยๆอีกสักพักในที่สุดผมก็ถึงจุดหมายสักที สถานที่ๆอัดแน่น

และเต็มไปด้วยผู้คนตั้งแต่ทางเข้า ทั้งๆที่นี่มันพึ่งไม่กี่โมงเองด้วยซ้ำ

แต่ก็น่าตกใจไม่น้อยที่ผู้คนส่วนมากต่างพากันยืนรอหน้าประตู

โชคดีสำหรับผมที่มีทางเข้าพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมแข่งขัน ก็ทำให้

ผมไม่ต้องเข้าไปต่อแถวอะไรพวกนั้น มองไปรอบตัวผมก็เห็นเหล่า

พ่อแม่ที่พากันอวยพรให้โชคดีก่อนที่จะเข้าไป สิ่งที่อยู้ตรงหน้า

มันทำให้ผมอดคิดถึงคนที่ผมรักที่สุดไม่ได้

ผมมีเวลาอ่อนแอไม่มากนัก ก็เลือกที่จะหันหน้าไปอีกทางพร้อม

กับเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ แต่เสียงที่กวนใจผมระหว่างทางเดินก็

คือเสียงกลุ่มคนเหล่านั้นที่กำลังพูดถึงผมอยู่

“พวกเขายอมให้เด็กผมแดงเข้าการแข่งขันครั้งนี้ด้วยดูสิ!”

“แม้กระทั่งเหล่าอาวุธของเด็กคนนั้นก็เป็นสีแดงด้วย พวกเขา

ต้องการให้เด็กนี่เข้ามาทำลายเมืองของเรารึไง?”

“จากที่ฉันได้ยินมาเขาก็อนุญาติให้เด็กผมแดงเข้าร่วมการ

แข่งขันนี้เหมือนกัน ต้องใช่เด็กคนนี้แน่ๆ”

“โอ้ว… ฉันว่านี่คือการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ของ

Avrion แน่ๆ บางทีปีหน้าฉันอาจจะต้องมองหาโรงเรียนใหม่

สำหรับลูกแน่ๆ”

หลายคนคงคิดว่าคำพูดพวกนั้นจะทำร้ายจิตใจผมแน่นอน

แต่ในครั้งนี้ความรู้สึกมันช่างแตกต่างออกไป ผมอาจจะเคยเสียใจ

กับคำพูดพวกนี้ในตอนยังเด็ก แต่เรื่องราวระหว่างทางที่เกิดขึ้น

มันทำให้เกิดคำว่า “ชิน” แทนที่คำว่าเสียใจไปสะแล้ว นับตั้งแต่วัน

ที่ผมดวลกับเซบาสเตียนก็มีคำเหล่านี้มากมาย แต่ยังไงแล้วพวกเขา

ก็ทำได้แค่ซุบซิบกัน ไม่มีใครสักคนที่เดินเข้ามาแล้วพูดคำพวกนี้ต่อหน้าผม

ผมเลือกที่จะไม่สนใจคำพวกนั้นแล้วเดินมุ่งหน้าไปตามป้ายบอกทาง

ไปยังที่เก็บตัวของเหล่าผู้ลงแข่งขัน และผมก็พบว่าป้ายพวกนั้นพาผมมายัง

ทางลงบรรไดใต้ดินและสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือประตูบานใหญ่ ผมค่อยเปิด

ประตูบานใหญ่อย่างช้าๆ และเมื่อเข้ามาก็พบว่านี่คือห้องโถงห้องใหญ่

ที่ใหญ่พอๆกับห้องอาหารของ Avrion Academy แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ

นี่คือห้องเปล่าๆที่ไม่มีแม้แต่ โต๊ะหรือเกาอี้สักตัว

มองไปรอบๆห้องครึ่งนึงคือเหล่าผู้เข้าแข่งขันในวันนี้ ถ้ากะจากสายตา

ก็ประมาน 350 คน บางส่วนก็เลือกที่จะรวบรวมสมาธิอยู่เงียบๆ ส่วน

อีกด้านนึงของห้องก็ต่างพากันจับคู่ฝึกซ้อมและทดาสอบอาวุธพิเศษ

ของพวกเขา

และเมื่อมองไปอีกด้านก็พบผู้เข้าแข่งขันไม่น้อยที่พากันจับกลุ่มเล็กๆ

เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการ์ณระหว่างเหล่าพวกพี่ๆปีสองและปีสาม

และซึ่งเห็นกันได้ชัดว่ายังไงเหล่าพี่ชั้นปีสามก็มีสิทธิที่จะชนะในการแข่ง

ขันครั้งนี้อยู่แล้ว เพราะในทุกๆปีผลที่ออกมาก็ไม่พ้นปีสามที่จะได้ชัยชนะ

ไปครอง นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคนที่สะสมวิชามามากกว่า

ก็ย่อมชนะอยู่ดี

ผมว่าจุดประสงค์อีกข้อในการจัดการแข่งขันประลองครั้งนี้

นั่นก็คือทำให้เหล่านักเรียนชั้นปีสองรู้ว่าเขาเองยังพอมีเวลา

ฝึกฝนตัวเองอีกมาก ถ้าปีนี้ไม่ชนะก็ลงแข่งใหม่ในปีหน้า

หลังจากกวาดสายตาไปทั่วห้องก็ยังไม่เห็นเพื่อนผมสักคนที่อยู่ในนี้

ถึงแม้หางตาของผมจะสะดุดตาไปเห็นแฮรี่และจัสมินแต่ยังไง

ผมก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับไปรอเพื่อนๆที่ห้องโถงแทน

เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเหล่านักเรียนก็ต่างทยอยกัน

เข้ามากันจนเต็มห้อง ในระหว่างที่เสียงประตูดังขึ้นครั้งแล้ว

ครั้งเล่าจนในที่สุดคนที่ผมคุ้นคุ้นตาก็เดินเข้ามาพร้อมส่งเสียง

ทักทาย

“เฮ้ เรย์นายอยู่ที่นี่จริงๆด้วย ฉันตามหาอยู่ตั้งนาน”

ไคล์ไม่รอช้าที่จะรีบเดินเข้ามาหาผม

“ทำไมนายถึงได้ที่ๆกว้างขนาดนี้เนี่ย” ไคล์ถามพร้อมทำ

สงสัยว่าทั้งๆที่ผู้เข้าแข่งขันต่างนั่งและจับจองที่กันเต็มทุก

พื้นที่ แต่ทำไมรอบๆตัวผมถึงได้โล่งขนาดนี้

“ก็คงเดาได้ไม่อยาก คนพวกนี้คงต่างพากันเลี่ยงที่จะอยู่

ใกล้ผมทั้งนั้น”

“นายก็เหมือนแมวเก้าชีวิต ที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย”

ทุกคนต่างพากันเลือกที่จะไม่สนใจในสิ่งที่ไคลพูด

แต่แล้วมาร์ธาก็เลือกที่จะทำลายความเงียบด้วยการ

ที่พูดขึ้นมาว่า

“ฉันได้ยินมาว่าการแข่งขันรอบแรกจะเป็นการต่อสู้กันแบบ Royal style”

ซอลเวียพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นมาอีกว่า

"ใช่ปกติแล้วพวกเขาจะแบ่งรอบออกเป็นสองกลุ่มนักเรียนชั้นปีที่ 2

ก่อนแล้วจึงเป็นนักเรียนชั้นปีที่3นักเรียนสิบคนสุดท้ายจะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์

ซึ่งเป็นแบบตัวต่อตัว"

“มีตั้งท็อปสิบเลย งั้นยังไงพวกเราก็จะผ่านมันไปด้วยกัน” มังค์พูดพร้อม

กับยิ้มให้กำลังใจทุกคน

ในขณะที่ทุกคนกำลังดูมีกำลังใจกับสิ่งที่มังค์พูดผมก็เหลือบไปเห็น

สีหน้าของมาร์ธาที่ดูเศร้าเล็กน้อย

“แต่นั่นหมายความว่าเราอาจจะลงเอยด้วยการต่อสู้กันเองงั้นหรอ”

“อย่าพึ่งไปกังวลกับสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงดีกว่า เมื่อถึงเวลานั้น

ยังไงพวกเราก็ต้องจัดการกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อยู่แล้ว แค่พวกเรา

ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ” แดนพูดขึ้นมา หลังจากนั้น

รอยยิ้มที่ใบหน้าของทุกคนก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่แดนพูด น้อยครั้งนักที่พวกเราจะ

มารวมกลุ่มและพูดคำเหล่านี้ เวลานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผม

อยากจะเก็บมันไว้นานๆ

จากนั้นซอเวียก็ยื่นมือออกมาตรงกลาง

"ถ้าอย่างนั้นเราสัญญาว่าจะติดท็อปเท็นด้วยกัน" จากนั้นทุกคนก็วางมือตรงกลางบนฝ่ามือของซอเวีย

"ด้วยกัน"

"1 2 3 เฮ้…." พวกเราทุกคนตะโกนเพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน



0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด