บทที่ 86 ไล่ล่า !
บทที่ 86 ไล่ล่า !
"ไม่น่าแปลกใจทำไมนายถึงยอมจ่ายถึง 30 ล้านเหรียญ มันเป็นที่มีค่าจริง ๆ !"
ฮวงหลินส่ายหน้าและถอนหายใจ
"ยังไงก็ตาม เถ้าแก่น้อย เป็นไปได้ไหมว่าที่นายทำอาหารจากหม้อเพียงเพราะว่านายอยากเพิ่มมูลค่าของหม้อใบใหญ่นี้ ?"
ฮวงหลินหันกลับไปถามด้วยสีหน้าแปลก ๆ ของเขา
สมบัติล้ำค่าแบบนี้ถูกเถ้าแก่น้อยเอามาทำเป็นหม้อทำซุป ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาบางทีอาจจะซ่อนมันไว้อย่างระมัดระวัง พวกเขาอาจจะกลัวว่ามันจะแตกหรือหักได้
"ไม่ใช่แน่นอน ราคาของมันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของฉันเอง !"
เป่ยเฟิงไม่ยอมรับ เขายกคางเชิดขึ้นราวกับว่าเขาคือเถ้าแก่อาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
'งี่เง่า นายกำลังจะบอกว่าฉันใช้หม้อนี้ทำงานมาตลอด ?'
เป่ยเฟิงหัวเราะอย่างมืดม่นในใจ ความจริงแล้ว ราคา 100,000 หยวนมันอาจจะถูกมองได้ว่าถูกมากแล้ว ที่ไหนกันที่จะยอมขายอาหารที่มีพลังงานสูงแต่ราคาถูกแบบนี้ ?
ทุกครั้งที่หม้อนี้นำมาใช้ทำอาหาร แก่นแท้ของสมุนไพรที่มีอยู่ในตัวมันจะค่อย ๆ ลดน้อยลง ราคาที่สูงนี้ถึงจะยุติธรรม ! ไม่ต้องพูดถึงรสชาติที่ได้ทำอาหารจากหม้อสมุนไพรนี้เลย ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถยืดอายุพวกเขาได้ แต่มันก็สามารถรักษาโรคและอาการป่วยทั้งหมดได้ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาสิ้นอายุไข
"ลืมมันไปซะ ฉันจะฝากเงิน 1 ล้านด้วยละกัน อย่างน้อยถือว่าสำหรับอาหารอร่อยที่ทำจากหม้อที่มีคุณค่ามากกว่าหม้อเฮ่ามูวู" ฮวงหลินพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาโอนเงินเข้าไปบัญชีของเป่ยเฟิง
มีแค่เจียงเบ๋าจุนเท่านั้นที่ไม่ได้โอนเงินเพิ่ม เขาเพียงแค่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ โดนจ้องมองไปด้วยความปรารถนาไปที่หม้อใบใหญ่
"นี่คือนามบัตรของฉัน ถ้านายเปลี่ยนใจแล้วอยากจะขายใบหม้อนี้ นายสามารถโทรมาหาเราเพื่อพูดคุยราคาของมันได้อีกครั้ง"
เจียงเบ๋าจุนราวกับว่าเขากำลังถูกนำตัวไปสนามรบ เขาหันไปมองหม้อทุก ๆ ครั้งที่เขาขยับ ราวกับว่าเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยมันทิ้งไว้
สำหรับการรายงานเจ้าหน้าที่ว่าเขาค้นพบสมบัติของชาติ ? เจียงเบ๋าจุนไม่แม้แต่จะคิดเลือกตัวเลือกไร้เดียงสานี้
เพื่อที่จะมาถึงสถานะปัจจุบันของเขา จากที่เมื่อก่อนเขาเป็นคนต่ำต้อย ชายชรวไม่สามารถบอกได้เลยว่าเขาทำเรื่องที่คนดี ๆ เขาไม่ทำกันไปมากมายแค่ไหน
"หืม ไม่เลว ฉันได้มาอีก 2 ล้านในวันนี้ !"
หลังจากที่ส่งกลุ่มหวังเจียนออกไปแล้ว เป่ยเฟิงก็นอนลงบนเตียงแล้วยิ้งอย่างโง่งมในขณะที่มองตัวเลขในบัญชีที่โชว์อยู่บนโทรศัพท์ของเขา
ในดวงตาของเขาตอนนี้มันมีแต่รูป "$" เป่ยเฟิงได้รับเงินมามากมายในวันนี้อาจจะบอกได้ว่านี้คือความฝันที่ได้เป็นจริงของเขาตั้งแต่ยังเด็ก
แม้ว่าความปรารถนาของเขาคือการก้าวหน้าในการฝึกฝนและต้องแข็งแกร่งขึ้น แต่อันดับ 1 ของความต้องการของเขาคือเงิน !
เมื่อยังเด็ก เป่ยเฟิงคิดว่าเงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่หากมีมันก็อาจจะมีอันตรายตามมา แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาสามารถป้องกันตัวเองได้ และยังรู้อีกว่าอำนาจเท่านัhนคือสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก
หลังจากตอนบ่ายผ่านไป มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาคิดว่าวันนี้มันว่างมากจริง ๆ เขาหลับไปตั้งแต่เย็นโดยไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาอีกเลย
เป่ยเฟิงตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาใส่ชุดฝึกฝนสำหรับฤดูหนาวก่อนเตรียมพร้อมขึ้นไปภูเขาตามปกติ
ชุดฝึกนี้เรียบ ๆ มันไม่มีลวดลายมากนัก มันมีแขนที่ยาวและกว้าง สายที่ผูกกับร่างของเขาทำให้มันดูหลวม ๆ แต่กลับกันมันดูกระชับเขาอย่างมาก
'ไม่เลว นอกจากราคาที่แพงแล้ว ของพวกนี้ดีทุกอย่าง แต่ถ้าเกิดราคาถูกกว่านี้ ทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้ !'
เป่ยเฟิงโบกแขนไปมาด้วยความประหลาดใจ ชุดฝึกนี้ใส่แล้วสบายมาก เขาไม่รู้ว่าวัสดุของมันคืออะไร แต่มันรู้สึกเบาและโปร่งสบายราวกับว่าเขาไม่ได้สวมอะไรเลย
เมื่อถึงเวลาเขาก็เดินขึ้นไปบนภูเขา เมื่อมาถึงแท่นหิน เขาเห็นลึกลับทั้งสามคนอยู่ที่นั่นแล้ว แต่ละคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกซ้อมเทคนิคการหายใจด้วยแสงอย่างจริงจัง
ครู่ต่อมาเป่ยเฟิงก็เปิดตาขึ้นแล้วตื่นจากอาการนึกคิดของเขา เขาตระหนักได้ว่าความก้าวหน้าของเขาในการฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสงมันไม่ได้หยุดชะงักไป แม้ว่าเขาจะอยู่จุดสูงสุดของขั้นแรก แต่เขาก็พบว่าโทนสีม่วงในแสงที่เขาดูดซึมนั่นมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน
เป่ยเฟิงยังคงไม่รู้เกี่ยวกับแสงสีม่วงนี้มากนัก มันหายไปในร่างกายของเขาโดยเมื่อเขาตรวจสอบมัน เขากลับพบว่ามันหายไปอย่างไร้ร่องรอย !
'ฉันเดาว่ามันไม่น่าจะเป็นอันตรายกับร่างของฉันนะ ...'
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันน่าจะเหมือนกับแสงสีทองเช่นเดียวกัน ละมั่ง
***
ในป่าใกล้ ๆ กัน มีกลุ่มคนที่พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วไม่น่าเชื่อ แต่ละคนมีความสามารถพิเศษ เพราะดูจากการที่พวกเขาพุ่งผ่านราวกับว่าเส้นทางบนภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าและหินมากมายนั้นเป็นพื้นที่ราบเรียบ
"หัวหน้า พื้นหลังของชายที่เราไล่ล่า ?"
หลิวฉิง มองไปที่ชายตรงหน้าแล้วถามขึ้นมา
"เขาเป็นนักสู้จากประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขามีทักษะที่ดี ตามรายงานบอกว่าเขาอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเจียงแห่งความมืด อีกไม่กี่ก้าวเขาน่าจะก้าวเข้าไปถึงระดับขอบเขตเจียงแห่งการวิวิฒนาการ !"
หลิวจี้ แสดงออกอย่างจริงจังบนหน้า แต่เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากในใจ นี่คือผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดของเจียงแห่งความมืด ! โดยไม่รู้ตัว เขาได้พุ่งทะยานไปข้างหน้าถึง 2 เมตรต่อก้าว
"เฮอะ ! ไม่สำคัญว่าพื้นหลังของเขาจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายแล้วเขาคือนักโทษกระหายเลือด ถึงแม้ว่าเขาจะหนีไปยังจุดจบของโลก เราก็ต้องตามเขากลับไปพร้อมกับเรา !"
หนุ่มผมสั้นที่ชี้ตั้ง ดูแล้วเขาน่าจะมีอายุ 20 ปี เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันตราย ทุกคนที่ได้ยินจะสั่นอย่างไม่ตั้งใจ มันชัดเจนแล้วว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก !
กลิ่นอายของเขาที่พูดออกมามันมีความแข็งแกร่งและยำเกรงอยู่มาก !
"หนานเทียน อย่าประมาทฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าเขาจะอยู่จุดสูงสุดของเจียงแห่งความมืด แต่เขาก็ห่างจากก้าวข้ามเป็นเจียงวิวัฒนาการเล็กน้อย ! ฉันไม่อยากให้นายต้องเจอจุดจบเพราะความประมาท ฉันไม่อยากเก็บซากศพของนาย !" จินรองเตือนออกมาอย่างเย็นชา
"หึ นายไม่ต้องกังวัลเรื่องของฉันหรอก นายควรระวังตัวเองไว้มากกว่า มันจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากที่ฉันจะต้องแบกศพของนายกลับไป !" หนานเทียนตอบกลับมา
ทั้งสองคนนี้คือรองหัวหน้าของทีมนี้ หัวหน้าของพวกเขาหลิวจี้ กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งไปอยู่หน่วยอื่น ทำให้ตำแหน่งของหัวหน้าทีมนี้ต้องเลือกจากหนึ่งในสองคนนี้
หนานเทียนและจินรองแทบจะไม่สามารถมองหน้ากันได้ พวกเขาพยายามอย่างสุดกำลังในการเยาะเย้ยเมื่อใดก็ตามที่มีโอกาศ
"ก็ดี เป้าหมายของเราตอนนี้ดูคล้ายกับสัตว์ป่าที่หนีไป พวกเราจำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ อย่าประมาทเจ้าหมอนั่นเด็ดขาด รีบไป !" หลิวจี้ขมวดคิ้วขัดจังหวะทั้งสองคน แล้วเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หนานเทียนและจินรองเงียบลงแล้วพุ่งแซงหน้ากันไปมาราวกับว่ากำลังแสดงความเร็วที่เหนือกว่า
***
มะห์มุดกำลังเดินตัดผ่านป่าที่หนาทึบ ดวงตาของเขาราวกับสัตว์ป่าที่กำลังคลั่ง เขาสำรวจสภาพแวดล้อมตรงหน้าอย่างช้า ๆ ถ้าหากใครได้มาเห็นเขาตอนนี้ละก็ จะต้องกลัวและวิ่งหนีพร้อมกับกรีดร้องทันที
มะห์มุดรู้สึกผิดและสังเวชตัวเองมาก เขาแค่ฆ่าไปสามครอบครัวเท่านั้น ? แล้วทำไมถึงต้องจำเป็นระดมคนมากขนาดนี้เพื่อตามล่าเขา ?
นี่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ - มะห์มุดใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขารู้สึกว่าจีนเป็นสถานที่เหมาะกับการเที่ยวและมันมีความงามที่สมบูรณ์แบบอยู่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแอบเข้ามาในประทศนี้เพื่อหาความสนุก
เมื่อสองวันก่อน ด้วยความมึนเมา มะห์มุดได้เห็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ข้างบ้านกำลังเดินกลับบ้าน เขาเห็นว่าเธอนั้นสวยมาก ภายใต้ความมึนเมาทำให้เขาบุกเข้าไปในบ้านของเธอ
หลังจากที่ข่มขืนหญิงสาวเสร็จแล้วเขาก็ทำการฆ่าสามีรวมทั้งพ่อแม่ของเธอต่อ !
เพราะไม่สามารถแบกรับความอัปยศครั้งนี้ได้ หญิงสาวคนนั้นจึงตัดสินใจกัดลิ้นของเธอแล้วตายลงช้า ๆ อยู่ข้าง ๆ ครอบครัวของเธอ
ครอบครัวเพื่อนบ้านหลังจากที่ได้ยินความวุ่นวายจึงได้เดินมาดู แล้วพวกเขาก็ถูกมะห์มุดฆ่าทิ้งด้วยเช่นกัน !
โศกนาฏกรรมของมะห์มุดนั่นได้เริ่มขึ้น ตำรวจได้ล้อมเขาไว้เพื่อจะจับเข้าส่งเข้าคุก
อย่างไรก็ตามพวกตำรวจไม่สามารถทำอะไรเขาได้ สุดท้ายจบโดยมีตำรวจตาย 2 คน ทำให้ชั้นผู้ใหญ่ในกรมความปลอดภัยสาธารณะนั้นโกรธอย่างมาก ! พวกเขาได้ส่งทีมพิเศษมาเพื่อไล่ล่าเขา !
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่มะห์มุดไม่สามารถรับกระสุนได้ ! ดังนั้นเขาจึงถูกบังคับให้หลบหนีออกมาจากบ้านที่เขากบดานอยู่ ถ้าเขาไม่ได้วิ่งมาในป่าทึบนี้เขาคงถูกยิงตายไปนานแล้ว !
ด้วยการใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศ มะห์มุดเหมือนปลาที่ถูกปล่อยลงน้ำ เขาสามารถหลบหนีจากทีมพิเศษที่ไล่ล่าเขาได้อย่างง่ายดาย เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นจังหวะเหมาะ ๆ เขาจะหันหลังกลับแล้วฆ่าผู้ที่ไล่ตามเขามา เขาสามารถฆ่าไปแล้วได้หลายคน !
'มันเป็นเพราะว่าพวกที่ไล่ตามฉันมาพวกมันประมาทเกินไป ฉันคิดพวกมันจะหมดกำลังใจแล้วเลิกไล่ตามฉันแล้ว !' มะห์มุดสบถในใจ 'ที่นี่คือประเทศจีน มันน่าจะมีหนึ่งคนที่มีพลังสุดยอดอยู่ใช่ไหม ? มันจะเป็นยังไงถ้าเกิดเขาคนนั้นไล่ตามฉันมา ?'
"ชั้วะ !"
ขณะที่มัวแต่ฝันกลางวันอยู่ เสียงคมชัดก็ได้ปรากฏออกมาด้านหลังเขา มันยิงผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง !
มะห์มุดรู้สึกหนาวเหน็บในใจ เขารีบบังคับให้ร่างกายของเขาหลบไปข้าง ๆ
"ปุ้ฟ !"
ลูกศรที่ทำจากโลหะผสมไททาเนียมได้พุ่งผ่านแขนซ้ายของเขา มันเอาเนื้อก้อนใหญ่ไปกับมันด้วย !