บทที่ 81 ดูถูกตัวเอง , ข่มเหงผู้อื่น , หรือ ถูกผู้อื่นข่มเหง
บทที่ 81 ดูถูกตัวเอง , ข่มเหงผู้อื่น , หรือ ถูกผู้อื่นข่มเหง
คลื่นที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายลอยออกมาจากหม้อ มันได้ทำร้ายจมูกของผู้ที่สูดดมเข้าไป
เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าโสมหมูที่อยู่ทางประเทศตะวันตกมันรสชาติเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นหอมที่ส่งออกมาจากหม้อนี้มันส่งกลิ่นที่แม้แต่โสมก็ไม่สามารถเทียบได้ อาหารที่อยู่ข้างในนั้นมันต้องอร่อยและหายากจนแทบที่จะหาไม่ได้ในโลกนี้ !
เป่ยเฟิงมองอักษรรูนที่ปรากฏรอบ ๆ หม้อน้ำด้วยความตกใจ หม้อน้ำนี้แปลกจริง ๆ มันมีตัวอักษรขยับได้ด้วยตัวมันเอง !
ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไม่สามารถทำความเข้าใจนี้ได้ ท้ายที่สุดเขาก็เลิกสนใจมัน
"ปัง !"
ฝากระทะที่เป่ยเฟิงวางไว้บนหม้อมันถูกระเบิดออกมาสู่ท้องฟ้าด้วยแรงอัดในหม้อน้ำ เวลาเดียวกันลำแพงที่หนาเท่านิ้วหัวแม้มือก็พุ่งออกมาจากหม้อน้ำ
'เอ๊ะ ? ทำไมแสงมันเล็กมาก ?'
เป่ยเฟิงมองเข้าไปในหม้อน้ำด้วยความประหลาดใจ เขายังจำฉากที่เห็นก่อนหน้านี้ได้ มันมีลำแสงขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาจากหม้อน้ำในอีกโลก มันสว่างและหนากว่าแสงผอม ๆ ตอนนี้อย่างมาก !
"มันอาจจะเพราะว่าเนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์มันคุณภาพต่ำเกินไป ?"
ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นแบบนั้น
เป่ยเฟิงสั่งให้ลึกลับที่ 2 กับ 3 ดับไฟด้านล่างหม้อน้ำในขณะที่เขาได้วางมือไว้บนหม้อ
แม้ว่ามันจะถูกเผามาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง หม้อน้ำเพียงแค่อุ่น ๆ เล็กน้อยเมื่อสัมผัสมันเท่านั้น !
"ซู๊ดดด !"
เป่ยเฟิงหยิบกระบวยแล้วตักน้ำซุปสีขาวเหมือนนมขึ้นมาซด
มันเป็นเพียงจิบเล็ก ๆ แต่แค่จิบเดียวทำก็ทำตาของเขาสว่างไสว มันมีรสชาติมากมายเข้ามาในปากของเขา !
ร้อน ขม หวาน เค็ม .. ทุกรสชาติมันอยู่ในซุปด้วยอัตราส่วนที่สมบูรณ์แบบ
แม้ว่ารสชาตินี้ผสมได้ลงตัว แต่ก็ไม่ได้ว่ามันมีรสใดรสหนึ่งเด่นขึ้นมา แต่ว่ามันกลับอร่อยได้ลงตัว !
น้ำซุปมันได้ทิ้งกลิ่นที่สดชื่นไว้ในปากของเขาหลังจากที่กลืนลงไป
เมื่อซุปเข้าไปในกระเพาะ มันได้กลายเป็นพลังงานที่มีแก่นสมุนไพรแล้วจึงค่อย ๆ ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายของเป่ยเฟิง
'อร่อยมาก ! แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใส่เครื่องปรุงเพิ่มเลย แต่น้ำซุปนี้มีรสชาติแตกต่างที่ลงตัว !'
ดวงตาของเป่ยเฟิงสว่างไสว
'ปริมาณพลังงานในซุปนี้มันมีมากกว่ากุ้งอมตะ ! มันมีมากกว่าถึง 2 เท่า !'
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์มันจะให้พลังงานได้มากเท่ากับกุ้งอมตะ แต่หลังจากที่มันได้ถูกปรุงโดยหม้อน้ำสมุนไพร พลังงานของมันก็เพิ่มมากขึ้นกว่าระดับที่แท้จริง !
'ดูเหมือนว่าเพราะแก่นแท้ของสมุนไพรที่สะสมมาหลายปีจะถูกซึบซัมเข้าไป ทำให้หม้อนี้เต็มไปด้วยแก่นแท้ของสมุนไพรพวกนั้น ... แล้วหม้อนี้มันกลั่นยาเม็ดมามากแค่ไหนในกันในอดีต ?'
เมื่อเขาเป่ยเฟิงคิดได้แบบนั่นเขาก็เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ
เนื้อส่วนใหญ่ลอยอยู่บนน้ำซุป เป่ยเฟิงได้หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วครีบไปที่เนื้อ เขาหยิบมาหนึ่งชิ้นมัน เนื้อที่ดูแข็งกระด้างในตอนแรกตอนนี้มันดูเหมือนวุ้น ๆ เขาได้นำมันเข้าปากของเขาไป
ไป่เซียงและคนอื่น ๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อพวกเขาเห็นท่าทางของเป่ยเฟิง
อีกครั้งที่ไม่ได้เป็นที่หวังไว้ เนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์ที่ควรจะไม่อร่อยเพราะถูกทำเป็นซุป กลับกัน มันกลับสดชื่นและอร่อยมาก เนื้อนี้มันได้อัพเกรดขึ้นสูงสุด !
เมื่อกลืนเนื้อเข้าไปแล้ว เป่ยเฟิงก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมา หยิบมาอีก หยิบมา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดตอนนี้ เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นคนตะกละแบบนี้ ?
บางทีอาจจะเป็นเพราะนิสัยดิบ ๆ ที่อยู่ในตัวเขาก็ได้ เพราะเขาเคยเป็นคนน่าสงสารมาก่อน มาตอนนี้มันก็เลยผุดขึ้นมางั้นเหรอ ?
เหล่าคนที่เฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ ได้แต่น้ำลายไหล เป่ยเฟิงรู้สึกอึดอัดใจที่เขามัวแต่เพลิดเพลินอาหารด้วยตัวคนเดียง เขานำชามขนาดใหญ่แล้วยกหม้อน้ำที่หนักพันจินขึ้นแล้วเทซุปและเนื้อลงไป
ทั้งกลุ่มรีบคว้าอาหารด้วยตะเกียบของพวกเขา อาหารพวกนี้คือสิ่งเดียวที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้มัน
แม้ว่าจะมองด้วยตาเปล่าจะเห็นได้ว่าท้องมันเล็กแต่ความจริงมันไม่ได้เล็กตามที่เห็น คำพูดนี้ยังใช้ได้เสมอ
ทั้งสามลึกลับเพิ่งจะเริ่มต้นฝึกฝนและพวกเขาก็ไม่ได้มีของสนับสนุนอย่างผลเลือดต้นกำเนิด มันจึงทำให้พวกเขาหันไปพึงพาอาหารที่มีพลังงานสูงเพื่อเติมเลือดและพลังฉีของพวกเขาแทน
เป็นธรรมดาที่ทั้งสามลึกลับจะกินเนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์ได้ถึง 3 จิน ตอนนี้พวกเขาถูท้องพร้อมกับการแสดงออกที่ขัดแย้งบนใบหน้าของพวกเขา
หลังจากที่กินได้เพียง 1 จิน พวกเขาพบว่ามันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่จะกลืนอีกแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่ใช่ว่าท้องของพวกเขาใหญ่โตเกินไป แต่เป็นเพราะว่าร่างกายของพวกเขาไม่สามารถดูดซับพลังงานได้อีกต่อไปแล้ว
'ปีศาจ !'
ทั้งสามโห่ร้องอย่างเงียบ ๆ เมื่อเฝ้าดูเป่ยเฟิงและไป่เซียงกินอาหารเข้าไปในปากราวกับว่าท้องของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด
'นี้มันสัตว์ป่า !'
แม้กระทั่งไป่เซียงก็ไม่ห้ามให้ตกใจได้เมื่อเขามองเป่ยเฟิงที่ยังคาบเนื้อไว้ที่ปากของเขาในขณะที่ไป่เซียงตอนนี้ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
เขายังคงจำได้ดีเมื่อตอนเขามาที่นี่ครั้งแรก เขาแข็งแกร่งกว่าเป่ยเฟิงอย่างมาก
แต่หลังจากช่วงสั้น ๆ เป่ยเฟิงกลับก้าวหน้าเขาได้อย่างรวดเร็ว !
'ถ้าพวกตาแก่รู้เรื่องนี้เขา มีสองอย่างที่จะเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องตัดเจ้านายเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อไม่ให้เขาขัดตาเกินไป หรือไม่ก็พวกเขาจะต่อสู้กับคนอื่น ๆ เพื่อพาเขาไปเป็นลูกศิษย์ ! ' ไป่เซียงส่ายหัวของเขาในขณะที่กำลังคิด เขารู้ว่าตาแก่ทั้งหลายจะให้เพียง 2 ตัวเลือกเท่านั้น
"ฟู้วว ฉันอิ่มแล้ว !"
เป่ยเฟิงกลืนเนื้อคำสุดท้ายลงปาก ก่อนจะถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ
"หือ ? ทำไมพวกนายมองฉันแบบนั้นกัน ?"
เป่ยเฟิงมองหน้าคนทั้งสี่ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความไม่เชื่อในสายตา
"บอส คุณทำสำเร็จไปทุกอย่างเลย ... ว้าว ! มันสุดยอดมาก !"
ลึกลับที่ 1 เป็นคนแรกที่รู้สึกตัว เธอร้องออกมาอย่างน่ารักในขณะที่เอามือเล็ก ๆ ของเธอถูที่ท้องของเป่ยเฟิง
เธอไม่เข้าใจว่าท้องของเป่ยเฟิงนั้นดูยังไงก็ไม่สามารถจุได้ถึง 20 จินเลย !
มุมปากของเป่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนพวกนี้ถึงมองเขาแปลก ๆ
"ไป่เซียง มันจะดีถ้านายไปออกกำลังกายหลังจากกินมื้อใหญ่ไป มันจะช่วยให้นายย่อยได้ง่ายขึ้น ส่วนพวกนายก็ .. เบา ๆ หน่อยละกัน " เป่ยเฟิงพูดอย่างสงบในขณะที่เขาหันไปเอาหม้อน้ำเข้าไปเก็บ
ในชีวิต มันมีเพียง 3 เส้นทางให้เลือกเท่านั้น นั่นคือ ดูถูกตัวเอง ข่มเหงคนอื่น และ ถูกคนอื่นข่มเหง เป่ยเฟิงนั้นเลือกตัวเลือกที่ 2
ในไม่ช้าเสียงอันไพเราะและเสียงร้องดัง ๆ ก็ลอยเข้าหูของเป่ยเฟิงจากลานกว้าง
เป่ยเฟิงเมินเฉยต่อเสียงร้อง พวกเขาไม่ได้ตายซักหน่อย หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบหม้อน้ำอย่างรอบคอบ
'หม้อนี้เป็นหม้อที่ดีที่สุดในตอนนี้ มันจะสิ้นเปลืองเกินไปถ้าใช้ปรุงอาหารธรรมดา ฉันจะเอามันออกมาก็ต่อเมื่อตกได้สัตว์อสูรระดับสูง มันถึงจะคุ้มค่าที่สุด !'
เป่ยเฟิงรู้สึกว่าหม้อน้ำนี่ไม่ใช่ของที่สามารถนำออกมาใช้ได้ง่าย ๆ เขาไม่สามารถเอาแก่นสมุนไพรที่อยู่ในหม้อมาใช้ได้ตลอด
บางทีอาจเป็นเพราะไฟอ่อนเกินหรือ หรือไม่ก็เนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์มันมีคุณภาพต่ำเกินไป มันจึงไม่สามารถดูดซึมแก่นแท้ของสมุนไพรได้ดีนัก
วิธีที่ดีที่สุดในการใช้หม้อคือการกลั่นยา แต่เป่ยเฟิงไม่รู้วิธีกลั่นยา
หลังจากที่เก็บหม้อไปแล้ว เป่ยเฟิงก็เดินออกมาจากห้องของเขา เขาหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาก่อนจะกลับไปที่ลานกว้าง แล้วนั่งลงอ่านหนังสือใต้ต้นไทร
'ความรู้ของคนสมัยก่อนนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ ยิ่งฉันรู้มากเท่าใด ความรู้ของฉันก็มากขึ้นเท่านั้น'
เป่ยเฟิงวางหนังสือลงแล้วถอนหายใจ มนุษย์ชาติได้ก้าวไปไกลเพราะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่มันยังมีบางอย่างที่เกี่ยวกับยุคโบราณที่ไม่สามารถเข้าใจได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนสมัยนั้นรู้เรื่องดังกล่าวได้อย่างไรแม้ว่าจะไม่มีความช่วยเหลือทางวิทยาศาสตร์
"หลานเฟิง หลานมีเมนูใหม่ให้ลุงลองไหม ?"
ทันใดนั้นก็ได้มีสายโทรเข้ามาหาเขา หวังเจียนที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานาน ได้ถามขึ้นในโทรศัพท์