บทที่ 65 พลทหารไป่เซียง !
บทที่ 65 พลทหารไป่เซียง !
โดยไม่ให้เสียเวลาเปล่า หลังจากยืนยันว่ามันได้ตายแล้วจริง ๆ เป่ยเฟิงจึงถอดตะขอออกมา
เมื่อเห็นเศษซากตรงลานกว้างหน้าบ้านเขา มันทำให้เป่ยเฟิงปวดหัวอย่างมาก
"ไป่เซียง นายไม่เป็นไรนะ ?"
เป่ยเฟิงถามด้วยความเป็นห่วงในขณะที่ช่วยเจ้าคนตัวใหญ่ขึ้นมา
"มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมแค่บาดเจ็บนิดหน่อย ผมจะดีขึ้นเองเมื่อได้พักผ่อน" ไป่เซียงส่ายหน้า "ไอ้เจ้านี้ .. เจ้านาย มันกินได้ไหม ?"
แสงระยิบระยับปรากฏขึ้นในดวงตาของไป่เซียง เมื่อมองไปที่เป่ยเฟิงอย่างคาดหวัง
"ได้สิ .."
มุมปากของเป่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อย
"โอ้ เยี่ยม ! มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะทิ้งไอ้ยักษ์นี้ไปเฉย ๆ " ไป่เซียงยิ้มอย่างมีความสุข
"แต่ว่ามันตัวใหญ่เกินไป .. เราจะเก็บมันได้ยังไง ?"
เป่ยเฟิงมองไปที่ซาราแมนเดอร์ยักษ์ จะว่าไปเขาก็ไม่รู้ว่าจะเก็บมันได้ยังไง ยัดตู้เย็น ?
ยังดีที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สัตว์หรือพวกศาสตรจารย์ด้านชีวิตทะเลอยู่แถวนี้ ไม่อย่างงั้นเป่ยเฟิงกับไป่เซียงจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกที่โหดร้ายแน่นอน !
มันไม่สามารถหาเจ้าซาราแมนเดอร์ยักษ์แบบนี้ได้บนบกแน่นอน มันจะถือได้ว่าเป็นสมบัติของชาติ มันจะต้องถูกคุ้มครองให้กลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แน่นอน !
แต่ว่า เจ้าใหญ่นี้สุดท้ายก็ได้กลายเป็นแค่วัตถุดิบเหมือนกับไก่กับปลาก่อนหน้านี้เท่านั่น โชคร้ายของมันที่โผล่มาได้ผิดที่ !
"หืมม .. ฉันรู้แล้ว !" เป่ยเฟิงตะโกนไปที่ไป่เซียงอย่างตื่นเต้น "ไป่เซียง มากับฉัน !"
เป่ยเฟิงเดินไปด้านหลังของลานกว้างใกล้ประตูด้านข้างของบ้าน เขายกแผ่นกระดานขนาดใหญ่บนพื้นขึ้นมา
บันไดซึ้งต่อลงไปชั้นใต้ดินถูกเปิดเผยออกมา เป่ยเฟิงเดินลงไปอย่างไม่ลังเล เมื่อมาถึงชั้นสุดท้ายแล้วเขาก็สำรวจกำแพงแล้วเปิดสวิตซ์ไฟ
มันเป็นสวิทซ์ไฟที่ล้าสมัย มันมีสายสีเหลืองจาง ๆ หลอดไฟเก่าที่เต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อมันถูกเปิดสวิตซ์หลอดไฟก็สว่างขึ้น
"ปิ้ง !"
ภายในชั้นใต้ดินที่มืดมิด แสงไฟสว่างจ้าปรากฎขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม ทันใดนั่นหลอดไฟมันก็ได้ระเบิดขึ้น !
เป่ยเฟิงดึงส่วนแก้วที่พุ่งไปที่ต้นขาของเขาออกมา พร้อมกับมุมปากของเขาที่กระตุก
'ฉันนี้มันโชคร้ายจริง ๆ มาถึงฉันก็ต้องซ่อมมันก่อนเลย ?'
"ไป่เซียง เอาหลอดไฟอันใหม่จากห้องเก็บของมา จากนั้นก็บอกให้กองกำลังทั้งสามของเป่ยเฟิงมาช่วยทำความสะอาดที่นี่ด้วย" เป่ยเฟิงหันไปรอบ ๆ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ทั้งสามลึกลับนั่นเบิกตากว้างเมื่อพวกเขาเดินมาที่อีกด้านของลานกว้างและเห็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยาวนอนอยู่บนพื้น
ลึกลับที่ 1 เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมากที่สุดในสามคน เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วนั่งดูสัตว์ร้ายอยู่ข้าง ๆ ด้วยดวงตากลมโตของเธอ
"ลึกลับ 2 นายเคยเรียน ม.ปลายมาก่อนใช่ไหม ตัวนี้ให้คะแนนเท่าไหร่ถ้าเป็นชั่วโมงชีวะวิทยา ?"
ลึกลับที่สาม ชักชวนคุยถามขึ้นมา
"1 คะแนน " ลึกลับที่ 2 ตะโกนด้วยความรำคาญ ไอ้นรกเอ้ย ผู้ชายคนนี้รู้จักจับจุดที่เปาะบางที่สุดของเขา ถ้าเขาเรียนดีแล้วเขาจะออกมาเป็นพวกโง่เหมือนคนพวกนี้ได้ยังไง ?
"มันเป็นตัวอะไร ? ดูเหมือนว่า ... มันจะเป็นซาราแมนเดอร์ยักษ์ มันใหญ่กว่าที่เห็นได้ในจีนหลายเท่าเลย" ลึกลับที่ 3 พึมพำ
"เป็นไปไม่ได้ ! ไม่มีทาง ซาราแมนเดอร์ยักษ์ของจีนมันยาวสุดได้แค่ 2-3 เมตรเท่านั้น ! พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่ามันมาจากไหน !" ลึกลับที่ 2 กรอกตาของเขาแล้วพยายามพูดแบบว่า 'ถึงฉันจะไม่ได้เรียนมา แต่ก็อย่าพยายามจะหลอกฉัน !'
"ไม่มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ แล้วไอ้เจ้าตัวใหญ่นี้มีชีวิตรอดมาได้ยังไง ? อยู่ดี ๆ มันก็ปรากฏตัวออกมา ... หรือจะเป็นบอสที่เรียกมันออกมา ?"
ลึกลับที่ 3 เต็มไปด้วยความเคารพกับบอสลึกลับของเขามาก ไม่เพียงแค่จะสามารถกุมชีวิตของเขาไว้ได้ แต่เขายังมีความสามารถในการทำอะไรที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้ !
ความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านจิตใจของทั้งสามคน แต่ไม่มีใครที่ปฏิเสธเลยว่าการปรากฏตัวของสัตว์อสูรตัวนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเป่ยเฟิง !
ไป่เซียงรีบกลับมาพร้อมกับหลอดไฟ โดยมีอีกสามคนเดินตามเขามา
ภายใต้การเรืองแสงส่องสว่างของหลอดไฟชั้นใต้ดิน ทำให้เห็นฝุ่นถูกปกคลุมทุกอย่าง
ชั้นใต้ดินไม่ใหญ่มาก มีความกว้างอยู่ที่สิบเมตร มีขยะอยู่เต็มไปหมด
ด้วยมีมือพิเศษมากมาย ทำให้ห้องใต้ดินขนาดเล็กถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งชั่วโมงมันก็สะอาดเรียบร้อย
เมื่อพื้นสะอาดแล้ว เป่ยเฟิงก็นำแผ่นฟีล์มบาง ๆ ขนาดใหญ่มาวางไว้บนพื้นชั้นใต้ดิน
ทั้งกลุ่มใช้พลังงานอย่างมากในการลากสัตว์ขนาดใหญ่มาไว้ในห้องใต้ดิน
จากนั้นเมื่อทุกคนถอยกลับไประยะปลอดภัย เป่ยเฟิงได้เรียกเย็นสุดขั้วมาไว้บนพื้น
"แก๊ก แก๊ก"
พลังภายในธาตุน้ำแข็งแผ่กระจายไปเต็มชั้นใต้ดิน มันหมุนรอบ ๆ ทั้งชั้น ของเหลวที่มีอยู่บนพื้นถูกแช่แข็งทันที !
ด้วยเย็นสุดขั้วเป็นจุดศูนย์กลาง มันได้แผ่วงแหวนน้ำแข็งออกไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว
"ปิง !"
เป่ยเฟิงถอยออกจากห้อง แต่เมื่อเขากำลังจะปิดประตู เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังอีกครั้ง
"บัดซบ ! หลอดไฟระเบิดอีกแล้ว !"
เป่ยเฟิงแสดงออกอย่างหงุดหงิดบนหน้าของเขา เขาตัดสินใจที่จะใช้ไฟฉายเมื่อลงไปชั้นใต้ดินในครั้งหน้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เป่ยเฟิงได้เรียกเย็นสุดขั้วกลับมาในร่างของเขา
ชั้นใต้ดินตอนนี้ปกคลุมไปด้วยชั้นสีขาว มันดูคล้ายกับโลกน้ำแข็ง !
สัตว์อสูรตัวใหญ่น่าเกลียดที่ดูคล้ายกับสิ่งมีชีวิคก่อนยุคประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ตรงใจกลางของแผ่นดินน้ำแข็ง มันดูเหมือนกับว่ามันหลับอยู่เท่านั่น
ตราบใดที่มันถูกเก็บไว้อยู่ในชั้นใต้ดิน ซาราแมนเดอร์ยักษ์ตัวนี้จะไม่สามารถเน่าได้ภายในช่วงสั้น ๆ นี้ แน่นอน !
เป่ยเฟิงเหวี่ยงมีดขนาดใหญ่ไปที่ขาหน้าของซาราแมนเดอร์ยักษ์
"แก๊ง !"
โดยมีแผ่นป้ายที่ติดไว้กับมีดว่า "ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถตัดได้ด้วยมีดครัวที่ดี เพราะแบบนั่น คุณจะต้องการมันสองชิ้นแน่นอน !" มันหักไปแล้ว เพราะงั้นมันต้องใช้อันที่สองแน่นอน !
เป่ยเฟิงมองไปที่แผลลึกน้อยกว่า 5 เซนติเมตรที่เหลืออยู่บนตัวของซาราแมนเดอร์ โดยในมือของเขาถือมีดที่หักอยู่ ด้วยความตกใจ
"นี่ ... มันแข็งขนาดไหนกัน ?"
เป่ยเฟิงเคาะไปที่ซาราแมนเดอร์ที่ถูกแช่แข็งด้วยนิ้วของเขา ตาของเขากระตุกอย่างต่อเนื่อง นี้มันเหมือนกับว่าเขากำลังเคาะหิน !
ด้วยความคิดบางอย่าง เขาได้ไปหยิบเลื่อยไฟฟ้าตั้งแต่ที่ใช้ครั้งล่าสุดออกมา
"วี๊ !"
มีเสียงโหยหวนออกมาจากชั้นใต้ดิน ดูเหมือนว่ากำลังก่อสร้างอะไรอยู่ที่นั่น
เป่ยเฟิงมองไปที่ใบเลื่อยที่หักโดยไม่รู้สึกอะไร เขาถอดมันออกแล้วโยนไปข้าง ๆ จากนั้นก็ใส่ใบใหม่ไว้กับเครื่อง
สิบนาทีต่อมา ขาหน้าของซาราแมนเดอร์ยักษ์ที่มีความหนาเท่าเอวของผู้ชาย ก็ถูกแยกออกมาจากร่างของมัน
เป่ยเฟิงแบกขาหน้าของมันไว้ในแขนแล้วออกมาจากชั้นใต้ดินที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง จากนั้นเขาก็แบ่งมันเป็นสองส่วน เพราะมันจำเป็นต้องให้พอดีกับตู้เย็นของเขา ส่วนอีกอันเอาไปแช่น้ำให้น้ำแข็งละลาย
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็กลับไปเอาถังน้ำจากบ่อน้ำเพื่อทำความสะอาดตัวเอง มันมีรอยข่วนที่ลึกเล็กน้อยตรงหน้าอกของเขา !
เลือดได้หยุดไหลไปนานแล้ว แต่ความเจ็บปวดของมันยังคงอยู่ ถ้ากรงเล็บมันเข้าไปลึกอีกหน่อย ตัวของเป่ยเฟิงจะต้องขาดแน่นอน !
น้ำเย็นไหลผ่านลำตัวเปล่าของเขา เป่ยเฟิงขมวดคิ้วทันทีเมื่อรู้สึกถึงแผลที่เปิดออกมาเมื่อมันโดนน้ำ
'ร่างกายของฉันเหมือนจะชอบโดนทำร้าย แผลเก่าเพิ่งจะหาย แผลใหม่ก็มาแทน'
เป่ยเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี บาดแผลที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้เพิ่งหายไป แต่แผลใหม่ก็เกิดขึ้นมาทันที !
ตกดึก เป่ยเฟิงอยู่ในห้องครัว เขานำเนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์สองส่วนต้มในน้ำร้อน
น้ำร้อนนี้ใช้เพื่อเอาเมือกที่เกาะที่ผิวของมันออก หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็ใช้ที่มีดตัดกระดูกที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ตัดเนื้อเป็นก้อนเล็ก ๆ เท่าลูกเต๋า โดยเขาจะเน้นตัดเป็นเสี้ยว ๆ
จากนั้นก็เตรียมกระทะ หลังจากใส่น้ำมันหมู 25 กรัม ลงกระทะ เมื่อมันเริ่มร้อนก็ใส่หัวหอมสีเขียวหั่นเต๋า กระเทียม ขิง แล้วผัดจนกว่ามันจะเป็นสีทอง
จากนั้นก็ใส่เนื้อลงไป โดยใส่เหล้าทำอาหาร ซอส เกลือ น้ำตาลและน้ำซุปไก่ หลังจากที่ซอสเริ่มเดือด เป่ยเฟิงได้ตัดเศษฟืนใส่ลงไปเพื่อคำนวณไฟที่ใช้เวลาเผาไหม้ให้น้อย ๆ เพื่อจะรักษาสภาพอาหารตรงที่จุดเดือดพอดี
เป่ยเฟิงวางฝาไว้บนกระทะ จากนั้นก็รอ 20 นาที เมื่อถึงเวลา เนื้อก็ใกล้จะสุกแล้ว เขาใส่ฟืนเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้ไฟแรงขึ้น จากนั้นจึงใส่ผงชูรสเพิ่มลงไปเล็กน้อย แล้วใส่ซ้อนกระชอนคน หลังจากนั่น ใส่น้ำมันลงไปอีก 25 กรัม แล้วค่อย ๆ ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน กลิ่นหอมอันยั่วยวนของซาราแมนเดอร์ยักษ์ที่อยู่ในซอสสีน้ำตาลข้นในกระทะ มันส่งกลิ่นหอมอันน่าหลงไหลที่พร้อมจะกระชากวิญญาณของคนที่ได้กลิ่นออกมา
***
Pdiko : พลทหารไป่เซียง ชื่อตอนมันชื่อว่า Chowhound Bai Xiang!ความหมายของคำว่า Chowhound คือพลทหารที่จะเข้าแถวรออาหารเป็นพวกแรกเมื่อถึงเวลาอาหาร ผมเลยไม่รู้จะตั้งชื่อตอนว่ายังไงดี เลยเอาเป็นพลทหารไป่เซียง