บทที่ 55 เคล็ดหมัดอันเก่าแก่
บทที่ 55 เคล็ดหมัดอันเก่าแก่
หลังจากทื่ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในใจของเขา แต่เป่ยเฟิงก็รีบส่ายหัวแล้วปฏิเสธความคิดนี้ทันที !
แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็เป็นไปได้ว่าความคิดนี้จะถูกต้อง ! การเคลื่อนไหวเป็นชุดสำหรับเคล็ดการหายใจด้วยแสงนั่นมันอาจจะเป็นไปได้ !
"ฮู้ววว !"
เป่ยเฟิงเปลี่ยนท่าทางเป็นการออกหมัดกลางคันในขณะที่เคลื่อนไหวชุดแรก
หลังจากนั้นชุดที่สองเขาก็ได้เปลี่ยนท่าทางเป็นการโอบแขนไว้ข้างหน้า เหมือนเขากำลังจะโอบกอดโลก !
หลังจากนั้น เป่ยเฟิงก็ปรับเปลี่ยนการยืนโดยยกแขนขึ้นเหนือหัวราบกับว่ากำลังแบกรับภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ !
เป่ยเฟิงพยายามที่จะขยับการเคลื่อนไหวชุดที่สองนี้ให้กลายเป็นเคล็ดที่รุนแรง !
ด้วยมือทั้งสองข้างที่เหนือหัวของเขา เขาพยายามรวบรวมความแข็งแกร่งแล้วจิตตนาการถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ให้มันกดทับลงมาที่เขา !
มันเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่เป่ยเฟิงรู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลในมือของเขา เลือดและพลังภายในของเขากำลังเดือด ราบกับว่าเขากำลังแบกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไว้จริง ๆ ! แต่ก่อนที่เคล็ดนี้จะเสร็จสมบูรณ์ เขาก็ไม่สามารถรับแรงกดดันของมันได้อีกต่อไป ความรู้สึกนี้จึงได้หายไปในทันที !
เป่ยเฟิงรู้สึกเหมือนได้แบกภูเขาทองคำไว้ก่อนหน้านี้ แต่เขาขาดความสามารถพอที่จะได้มันมา !
'ฉันไม่สามารถยอมแพ้ได้ ! ถึงมันจะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ก็ทำให้รู้ว่ามีพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนไว้ภายใต้การเคลื่อนไหวแบบนี้ ! ถ้าหากว่าฉันต้องการมัน ฉันจะต้องแข็งแกร่งว่านี้หลายเท่า !'
แสงที่มีความหวังออกมาจากตาของเป่ยเฟิง ในช่วงเวลาสั้น ๆ เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เขาได้รวบรวมไว้ที่มือของเขา ! มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริง ๆ !
ความแข็งแกร่งนี้สามารถเข้าใจได้โดยง่ายหากเปรียบเทียบกับแผ่นโลหะและก้อนน้ำแข็งยัก ไม่ว่าก้อนน้ำแข็งมันจะใหญ่แค่แต่หากเทียบเรื่องความแข็งแกร่ง มันก็ยังน้อยกว่าเศษแผ่นโลหะอยู่ดี !
เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของเป่ยเฟิง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้าวไปถึงจุดที่สูงที่สุดหากไม่มีเคล็ดการต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเขา !
มันเป็นเรื่องที่ดี หากสามารถชนะการต่อสู้โดยใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงครึ่งเดียวโดยปราศจากเคล็ดการต่อสู้ แต่หากลองคิดดี ๆ เขาจะมีพลังมากแค่ไหนกันถ้าหากสามารถรวมพลังพวกมันไปพร้อมกันได้ !
นี้คือหน้าที่หลักของเคล็ดการต่อสู้ ! เคล็ดการต่อสู้ที่ดีมันจะสามารถแสดงผลออกมาได้ 100% ถึง 120 % ของพลังพวกเขา
แต่ท้ายที่สุดความเข้าใจเรื่องเคล็ดของเป่ยเฟิงนั้นต่ำเกินไป มันไม่เพียงพอที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ !
เขาขบฟันด้วยความคิดไปในตัว จากนั้นเป่ยเฟิงก็เรียกไป่เซียงเพื่อช่วยทำความเข้าใจของเขาให้กระจ่างมากขึ้น
"แกร๊ก"
สองเสียงที่ได้ยินไปทั่วลานกว้าง โดยเป่ยเฟิงนั่นมีไป่เซียงช่วยจับไหล่ของไปเฟิงที่หลุดออกมาให้กลับมาที่เดิม
ในระหว่างนี้เป่ยเฟิงเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั่น เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นชุดอีกต่อไป เขานั่งลงแล้วใช้ความคิดเกี่ยวกับความซับซ้อนของเคล็ดหมัดที่กำลังพัฒนานี้
"ฮู้วว ! มันยากมากจริง ๆ ฉันเหนื่อยแล้วสิ .."
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เป่ยเฟิงก็ตื่นขึ้นมาจากความคิด เขาส่ายหัวแล้วนวดหน้าผากเล็กน้อย
เคล็ดของหมัดนี้มันเต็มไปด้วยเส้นทางนับไม่ถ้วนในการพัฒนามัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเคล็ดหมัดที่เหมาะกับตัวเขาได้ในช่วงสั้น ๆ มันไม่มีประโยชณ์จนกว่าเขาจะเจอความโชคดีบางอย่างที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
เคล็ดของหมัดหรือเคล็ดอาวุธมือเปล่า ในประเทศจีนมันถูกค้นคว้าพัฒนามาตลอด มันถูกปรับปรุงอย่างช้า ๆ มาหลายชั่วอายุคน
ในเรื่องนี้ มันไม่จำเป็นที่จะพูดถึงความยากในการเคลื่อวไหนที่ซับซ้อนของเป่ยเฟิงในตอนที่ฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสง หากให้เปรียบเทียบละก็ มันเหมือนเคล็ดจากพระเจ้ามากกว่า !
เขาปิดตาของตัวเองลง เป่ยเฟิงละทิ้งความคิดทั้งหมดและค่อย ๆ ผ่อนคลายจิตใจและจิตวิญญาณของเขาในขณะที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ชายหาดใต้ต้นไทร อย่างช้า ๆ อาการปวดหัวของเขาก็ค่อย ๆ หายไป
"เจ้านาย ได้เวลากินข้าว" ไป่เซียงเดินมาบอกหัวเป่ยเฟิงข้าง ๆ
"อืม"
เป่ยเฟิงทำเสียงดังในลำคอเป็นการตอบสนอง แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
มีคำพูดเก่า ๆ เคยบอกไว้ว่า : อย่าพูดในตอนที่นอนหรือกินอยู่ ! นี้จะเป็นการแสดงถึงนิสัยของตัวเองได้ !
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกินความจริงซักเท่าไหร่ แต่เป่ยเฟิงก็ไม่ค่อยได้เปิดปากพูดในระหว่างที่เขากินอาหาร
ในทำนองเดียวกัน ไป่เซียงก็ไม่ได้พูดในขณะที่เขากินอยู่เช่นกัน เมื่อกินเสร็จแล้วพวกเขาก็เก็บจานแล้วทำความสะอาดทันที
เป่ยเฟิงพอใจอย่างมาก เขาหยิบคันเบ็ดสีม่วงเดินออกไปพร้อมกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง
แต่เห็นได้ชัดว่าโชคของเขาไม่มีเลย เขานั่งอยู่ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเดินออกมาโดยไม่ได้มีการแสดงออกใด ๆ บนหน้าของเขา
เป่ยเฟิงไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้ จริงอยู่ที่ว่าเขาคาดหวังว่าจะตกอะไรได้ทุกวัน แต่ในกรณีนี้ ระบบตกปลาสวรรค์มันสามารถตกได้เรื่อย ๆ แบบนี้ทุกวัน มันจึงไม่เป็นไรหากเขาต้องมาลองอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
"ไป่เซียง ฉันจะออกไปทำธุระซักพัก ฉันไม่แน่ใจว่าจะกลับมาวันไหนบางทีอาจจะไม่กี่วัน 10 วัน บางทีก็ครึ่งเดือน นี้เงินหนึ่งพันหยวน ถ้ามีอะไรขาดเหลือนายก็ไปซื้อมาใช้ซะ ถ้านายอยากกิน ก็เอาของในตู้เย็นมาใช้ก่อนก็ได้ "
เป่ยเฟิงคิดลึก ๆ เขามองไปที่น้ำวนสีดำในบ่อน้ำที่กำลังปิดลง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจได้ เขาเก็บคันเบ็ดสีม่วงแล้วเดินไปบอกกับไป่เซียง จากนั้นจึงได้เดินออกจากบ้าน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เป่ยเฟิงก็ก้าวลงมาจากรถที่เมืองชิงเฉิง
อย่างแรกที่เขาทำหลังจากมาถึงที่นี่ คือการเดินไปหาตู้กดเงินที่ใกล้ที่สุดก่อนจะใส่บัตรที่เนี่ยยุนให้มาแล้วกดรหัสผ่าน
'ฮะ ? รหัสผิด ?'
เป่ยเฟิงมองที่หน้าจอตู้กดเงินด้วยความโง่งม จากนั้นเขาก็ใส่รหัสอีกครั้ง
ตามที่คิด ผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม เป่ยเฟิงเริ่มหงุดหงิดอย่างมาก เป็นไปได้ไหมว่าไอ้ลูกหมาจากตระกูลเนี่ยไม่เคยคิดจะให้เงินเขามาตั้งแต่แรก ?
'บัดซบ ! ถ้า 000000 มันผิด แล้วถ้าเป็น 123456 ละ ?'
เป่ยเฟิงใส่รหัสอีกครั้ง
รอยยิ้มอันร่าเริงปรากฏบนใบหน้าของเป่ยเฟิง เนื่องจากในที่สุดเขาก็เข้าถึงบัญชีที่มีตัวเลขยาวเหยียดปรากฏบนหน้าจอได้
เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกที่โหดร้ายนี้ เงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากจะพูดได้ว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงิน มันคงจะเป็นเรื่องที่ตลกอย่างมาก !
"เฮ้ ไอ้หนู นายรีบ ๆ หน่อยได้ไหม ? มีอีกหลายคนที่รอใช้ตู้นี้อยู่ !"
มนุษย์ป้าวัยกลางคนช่วยไม่ได้ที่จะไม่พอใจ เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเมื่อมองไปที่เจ้าคนโง่ตรงหน้าเธอเพราะเขาใช้ตู้คนเดียวเป็นเวลานาน
"โอ้ ! โทษที" เป่ยเฟิงรีบหยิบบัตรออกจากตู้กดเงิน แล้วมองไปทีแถวยาวเหยียดที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยความเสียใจ
ตอนนี้เป่ยเฟิงมีเงินทุนอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าหากนับเงินในบัตรนี้แล้วละก็ เป่ยเฟิงจะสามารถหยิบเงินล้านหยวนตอนไหนก็ได้หากเขาต้องการ
ตั้งแต่ที่เขามีเงิน เป่ยเฟิงก็ไม่ตระหนี่อีกต่อไป เขาเดินไปเลือกชุดกีฬาตัวใหม่จากร้านขนาดใหญ่ไม่กี่ชุด โดยไม่แม้แต่จะมองป้ายราคา เขาดึงมันแล้วเดินไปจ่ายเงิน จากนั้นเดินออกมาจากร้านด้วยความเย่อหยิ่ง เขามองไปที่ร้ายขายเสื้อผ้าโบราณ เป่ยเฟิงมองอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
แต่ของที่อยู่ในร้านนี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก เขารีบตื่นจากความฝันอันสวยงามอย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับการแนะนำจากพนักงานขาย เป่ยเฟิงก็ได้ซื้อสามชุดสำหรับการฝึกฝนของเขา เนื้อผ้าของมันไม่ใช่ชุดที่ใช้ฝึกธรรมดา ๆ พวกมันเป็นชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างเก่าแก่สำหรับฝึกศิลปะการต่อสู้ พวกมันทั้งใส่สบายและดูเท่ห์อย่างมาก ในทางตรงกันข้ามกับลักษณะภายนอกของร้าน ราคาสำหรับชุดฝึกทั้งสามชุดมันไม่ได้น้อยเลย เป่ยเฟิงจ่ายเงินด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปถึง 10,000 หยวนที่เคาเตอร์
ในเวลาต่อมา เป่ยเฟิงก้โผล่ออกมาจากร้านด้วยความรู้สึกหนักใจ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาได้ซื้อไป
'ฉันคิดว่าฉันน่าจะอยู่ในกลุ่มของพวกคนรวยแล้ว แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ' เป่ยเฟิงซ่อนความขมขืนไว้ในความรู้สึก มันเป็นความผิดของเขาเองที่รู้สึกชอบสิ่งของต่าง ๆ ในร้านพวกนี้โดยที่เห็นเพียงแค่แวบเดียว ?
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เป่ยเฟิงเดินไปที่ถนนเล็ก ๆ ก่อนที่จะมองหาห้องบนในโรงแรมที่ดี เขาสั่งอาหารอร่อย ๆ เพื่อที่จะไปเพลิดเพลินในห้องของเขา
อาหารนี้รสชาติดีมาก แต่ยังไงก็ตาม เมื่อครั้งหนึ่งเคยได้ลิ้มลองอาหารที่มีรสชาติเหมือนขึ้นสวรรค์มาก่อน ลิ้นของเขามันทำให้เขาเบื่อที่จะยัดพวกมันเข้าไปในปากอย่างมาก
ลิ้นของเขามันเริ่มไม่มีความรู้สึกที่อยากกินอาหาร 'ปกติ' มากขึ้น มันเป็นจุดที่แม้แต่เป่ยเฟิงเองก็เริ่มกังวล เขาไม่กล้าจิตนการการเลยว่าเขาจะเป็นยังไงหากว่าสิ่งมีชีวิตที่แสนอร่อยจากอีกโลกอย่างกุ้งอมตะถูกกินหมดไปแล้ว !
ในขณะที่นอนดูทีวีอยู่บนเตียง เป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ หลับไปในที่สุด
เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น อย่างไรก็ตาม เป่ยเฟิงก็ไม่กล้าที่จะฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสง ตอนนี้จากความเข้าใจของเขา ระดับความลึกซึ้งของเคล็ดนั่นมันมากเกินกว่าที่เขาจะรับได้
เขาต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจมันอย่างช้า ๆ ก็เหมือนกับคนไม่ได้ตาบอดที่ไมีมทางจะหลบแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาได้ต่อให้เขานำนิ้วมากั้นไว้ระหว่างท้องฟ้าก็ตาม
มันอาจจะเป็นช่วงที่เช้าอย่างมาก แต่สำหรับคนที่นี่พวกเขาตื่นแบบนี้กันเป็นประจำ โดยสามารถดูได้จากการทวีตภาพแสงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าจากในมือถือหรืออินเทอร์เน็ตได้
ในเมื่อไม่มีอะไรทำ เป่ยเฟิงจึงได้เปิดช่องทีวีสลับไปมา มันไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
ในมือของเขาคือหนังสือสัญญาจิตวิญญาณ เป้าหมายการเดินทางของเขาไม่ใช่มาแค่เที่ยวเล่นเท่านั้น
"นี้มันคือเวทมนย์ของจริง มันมีความสามารถในการควบคุมชีวิตกับความตายได้ นอกจากนี้มันยังมีขีดจำกัดของผู้คนที่จะถูกควบคุมได้อีก มันเป็นความสามารถที่น่ากลัวมาก !"
เป่ยเฟิงบ่นกับตัวเอง หนังสือจิตวิญญาณในมือของเขามันทำให้เขาคิดถึงหนังสือในตำนาน หนังสือชีวิตและความตายที่เป็นของราชาปีศาจ ![1]
'สำหรับฉัน ฉันสามารถตัดสินใจถึงชีวิตหรือความตายของใครก็ได้ที่ถูกทำสัญญาด้วยหนังสือของฉัน !'
เมื่อเขาคิดได้ดังนั้น เป่ยเฟิงก็เริ่มคิดถึงความรุนแรงของมันขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาไม่สามารถประมาทผู้ที่มีเบื้องหลังได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกไพ่ตายของพวกเขาคืออะไร หากเขาประมาทละก็ มันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้เรือของเขาจมลง !
[1] TL/N : หนึ่งในตำนานของจีน ราชาหยาน เขาคือพระเจ้าแห่งความตาย และผู้ควบคุมความเป็น โดยอยู่ใน "สิบราชานรก" เขาปรากฏตัวในลักษณะร่างมนุษย์เพศชายพร้อมกับลูกสมุนของเขา ในมือของเขาจะมีหนังสือที่คอยฟังเสียงของดวงวิญญาณว่าเมื่อไหร่จะถึงวันตายของทุกชีวิต